ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ความโน้มถ่วง"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 25: | บรรทัด 25: | ||
|} |
|} |
||
=== ทฤษฎีสัมพัทธภาพ |
=== ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปๆๆ === |
||
[[Albert Einstein]] ได้เผยแพร่[[ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป]]ในปี [[พ.ศ. 2459]] โดยเนื้อหาแสดงถึงการอธิบายความโน้มถ่วงที่มีพื้นฐานมาจาก[[ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ]]และ[[กฎความโน้มถ่วงของนิวตัน]]ในรูปแบบของ[[กาลอวกาศ]] ({{lang-en|Spacetime}}) เชิง[[เรขาคณิต]]ที่สามารถอธิบายได้ด้วย[[สมการสนามของAlbert Einstein]] ({{lang-en|Einstein field Equation}}) ดังนี้<br /> |
[[Albert Einstein]] ได้เผยแพร่[[ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป]]ในปี [[พ.ศ. 2459]] โดยเนื้อหาแสดงถึงการอธิบายความโน้มถ่วงที่มีพื้นฐานมาจาก[[ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ]]และ[[กฎความโน้มถ่วงของนิวตัน]]ในรูปแบบของ[[กาลอวกาศ]] ({{lang-en|Spacetime}}) เชิง[[เรขาคณิต]]ที่สามารถอธิบายได้ด้วย[[สมการสนามของAlbert Einstein]] ({{lang-en|Einstein field Equation}}) ดังนี้<br /> |
||
: <math>R_{\mu \nu} - {1 \over 2}g_{\mu \nu}\,R + g_{\mu \nu} \Lambda = {8 \pi G \over c^4} T_{\mu \nu}</math> |
: <math>R_{\mu \nu} - {1 \over 2}g_{\mu \nu}\,R + g_{\mu \nu} \Lambda = {8 \pi G \over c^4} T_{\mu \nu}</math> |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:36, 19 เมษายน 2561
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
ความโน้มถ่วง (อังกฤษ: gravity) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติซึ่งทำให้วัตถุกายภาพทั้งหมดดึงดูดเข้าหากัน ความโน้มถ่วงทำให้วัตถุกายภาพมีน้ำหนักและทำให้วัตถุตกสู่พื้นเมื่อปล่อย แรงโน้มถ่วงเป็นหนึ่งในสี่แรงหลัก ซึ่งประกอบด้วย แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน และ แรงนิวเคลียร์แบบเข้ม ในจำนวนแรงทั้งสี่แรงหลัก แรงโน้มถ่วงมีค่าน้อยที่สุด ถึงแม้ว่าแรงโน้มถ่วงจะเป็นแรงที่เราไม่สามารถรับรู้ได้มากนักเพราะความเบาบางของแรงที่กระทำต่อเรา แต่ก็เป็นแรงเดียวที่ยึดเหนี่ยวเราไว้กับพื้นโลก แรงโน้มถ่วงมีความแรงแปรผันตรงกับมวล และแปรผกผันกับระยะทางยกกำลังสอง ไม่มีการลดทอนหรือถูกดูดซับเนื่องจากมวลใดๆ ทำให้แรงโน้มถ่วงเป็นแรงที่สำคัญมากในการยึดเหนี่ยวเอกภพไว้ด้วยกัน
นอกเหนือจากความโน้มถ่วงที่เกิดระหว่างมวลแล้ว ความโน้มถ่วงยังสามารถเกิดขึ้นได้จากการที่เราเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ตามกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน เช่น การเพิ่มหรือลดความเร็วของวัตถุ การเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ เป็นต้น
ประวัติศาสตร์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กฎความโน้มถ่วงของนิวตัน
ในปี พ.ศ. 2230 ไอแซก นิวตัน ได้ค้นพบกฎความโน้มถ่วงดังนี้
F | แทนความโน้มถ่วงระหว่างมวลทั้งสอง |
G | แทนค่านิจโน้มถ่วงสากล |
m1 | แทนมวลของวัตถุแรก |
m2 | แทนมวลของวัตถุที่สอง |
r | แทนระยะห่างระหว่างวัตถุทั้งสอง |
ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปๆๆ
Albert Einstein ได้เผยแพร่ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปในปี พ.ศ. 2459 โดยเนื้อหาแสดงถึงการอธิบายความโน้มถ่วงที่มีพื้นฐานมาจากทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษและกฎความโน้มถ่วงของนิวตันในรูปแบบของกาลอวกาศ (อังกฤษ: Spacetime) เชิงเรขาคณิตที่สามารถอธิบายได้ด้วยสมการสนามของAlbert Einstein (อังกฤษ: Einstein field Equation) ดังนี้
แทน ริชชี่เทนเซอร์ความโค้ง (Ricci Tensor Curvature) | |
แทนความโค้งเชิงสเกลาร์ (Scalar Curvature) | |
แทนเมตริกซ์เทนเซอร์ | |
แทนค่าคงตัวจักรวาล (Cosmological Constant) | |
แทนค่านิจโน้มถ่วงสากล (Gravity Constant) | |
แทนความเร็วแสง | |
แทนเทนเซอร์ความเค้น-พลังงาน (Stress-Energy Tensor) |
หัวข้อเฉพาะ
ความโน้มถ่วงของโลก
จากกฎความโน้มถ่วงของนิวตัน ความโน้มถ่วงของโลกที่กระทำกับมวลใดๆ จะขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่างศูนย์กลางมวลของโลกกับศูนย์กลางมวลวัตถุยกกำลังสอง ดังนั้นแรงโน้มถ่วงของโลกบริเวณต่างๆ จึงมีค่าไม่เท่ากัน และเนื่องจากโลกมีการหมุนรอบตัวเองมีผลทำให้เกิดแรงหนีศูนย์กลาง แรงหนีศูนย์กลางนี้จะหักล้างกับแรงโน้มถ่วงของโลก แรงหนีศูนย์กลางจะมีค่ามากที่สุดบริเวณเส้นศูนย์สูตร และมีค่าน้อยที่สุดบริเวณขั้วโลก ผลของแรงหนีศูนย์กลางนี้ทำให้แรงโน้มถ่วงของโลกบริเวณเส้นศูนย์สูตรมีค่าน้อยกว่าแรงโน้มถ่วงของโลกบริเวณขั้วโลกเหนือ นอกจากนั้น โลกก็มิได้เป็นทรงกลมโดยสมบูรณ์ แต่แป้นตรงกลางเล็กน้อยคล้ายผลส้ม ทำให้ระยะห่างจากจุดศูนย์กลางของโลกถึงพื้นผิวโลกแปรผันไปตามละติจูด
สำหรับการคำนวณทางวิศวกรรมโดยทั่วไปความเปลี่ยนแปลงของค่าแรงโน้มถ่วงไม่ถือเป็นนัยสำคัญ จึงสามารถใช้ค่าเฉลี่ยของแรงโน้มถ่วงของโลกได้ โดยกำหนดให้ ความเร่งเนื่องจากความโน้มถ่วงของโลก (g) มีค่าเท่ากับประมาณ 9.81(~10) เมตรต่อวินาทีกำลังสอง