ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อุทยานราชภักดิ์"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 17: | บรรทัด 17: | ||
==มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ฯ== |
==มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ฯ== |
||
เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559 นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 126 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ออกประกาศเรื่องจดทะเบียนข้อบังคับมูลนิธิราชภักดิ์ว่า มูลนิธินี้ชื่อว่า "มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร" ย่อว่า "ร.ภ."<ref>http://www.dailynews.co.th/politics/370928</ref> |
เมื่อวันที่ 4 มกราคม [[พ.ศ. 2559]] นายกฤษฎา บุญราช ปลัด[[กระทรวงมหาดไทย]] ในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 126 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ออกประกาศเรื่องจดทะเบียนข้อบังคับมูลนิธิราชภักดิ์ว่า มูลนิธินี้ชื่อว่า "มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร" ย่อว่า "ร.ภ."<ref>http://www.dailynews.co.th/politics/370928</ref> |
||
มีคณะกรรมการมูลนิธิ ดังนี้ |
มีคณะกรรมการมูลนิธิ ดังนี้ |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:42, 18 กุมภาพันธ์ 2560
อุทยานราชภักดิ์ เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ตั้งพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ไทยในอดีต 7 พระองค์ โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานชื่อว่า “อุทยานราชภักดิ์" ซึ่งเป็นอุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีและเพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณพระมหากษัตริย์แห่งสยาม โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ขณะดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเปิดอุทยาน เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558[1]
การจัดสรรพื้นที่
อุทยานราชภักดิ์ ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่
- พระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ไทย 7 พระองค์ ประกอบด้วย
- ลานอเนกประสงค์ ด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ สำหรับกระทำพิธีสำคัญของกองทัพ และรับรองบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ
- พิพิธภัณฑ์ จัดแสดงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ไทยทั้ง 7 พระองค์
โดยพื้นที่ส่วนที่เหลือจะเป็นสภาพภูมิทัศน์โดยรอบ และการจัดสร้างระบบสาธารณูปโภคเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มาเยี่ยมชม
มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ฯ
เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559 นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 126 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ออกประกาศเรื่องจดทะเบียนข้อบังคับมูลนิธิราชภักดิ์ว่า มูลนิธินี้ชื่อว่า "มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร" ย่อว่า "ร.ภ."[2]
มีคณะกรรมการมูลนิธิ ดังนี้
- พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เป็นประธานคณะกรรมการ
- พล.อ.ประสูตร รัศมีแพทย์ กรรมการและเหรัญริก
- พล.อ.พอพล มณีรินทร์ กรรมการและเลขานุการ
- พ.อ.สมชาย กุลภควา กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
- พล.อ.ศุภวุฒิ อุตมะ กรรมการ
- พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร กรรมการ
- พล.ท.สุทัศน์ จารุมณี กรรมการ
- นายไพศาล พืชมงคล กรรมการ
- น.ส.มรกต ณ เชียงใหม่ กรรมการ
- น.ส.ณสรัญ มหิทธชาติกุล กรรมการ
- นายชยุต ภวภานันท์กุล กรรมการ
กรณีต้องสงสัยการทุจริต
การดำเนินการสร้างอุทยานราชภักดิ์ซึ่งดำเนินการโดย พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร นั้นถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการทุจริตในหลายขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นเงินที่ไปรับบริจาคมาจากเอกชนหลายราย, ค่าสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์แต่ละองค์ซึ่งตั้งงบเอาไว้องค์ละ 50 ล้านบาท แต่กลับมีการเปิดเผยจากโรงหล่อว่าต้นทุนที่แท้จริงเพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น, ไปจนถึงต้นปาล์มที่ใช้ประดับในบริเวณอุทยานที่ตั้งงบเอาไว้ต้นละ 1 แสนบาท แต่ทางเอกชนผู้เพาะปลูกต้นปาล์มระบุว่าบริจาคให้กับโครงการฯ โดยไม่ได้คิดเงินแต่อย่างใด
เมื่อถูกสื่อมวลชนสอบถามถึงเรื่องนี้ ทั้ง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช. และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ปฏิเสธข่าว และยืนยันว่าไม่มีการทุจริตแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่คิดจะตรวจสอบหาข้อเท็จจริงโดยให้เหตุผลว่าไม่มีผู้มาร้องทุกข์ จนกระทั่งเมื่อสื่อมวลชนและพรรคการเมืองกดดันมากเข้าจึงยอมตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่ก็ถูกวิจารณ์อีกว่าคณะกรรมการผู้ตรวจสอบมีแต่ทหารด้วยกันซึ่งตรวจสอบกันเอง ภายหลังคณะกรรมการฯ ได้ยืนยันว่าไม่พบการทุจริตแต่อย่างใด แต่กระแสสังคมก็ยังไม่ปักใจเชื่อ
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558 นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัตน์ พร้อมทั้งกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา และประชาชนจำนวนหนึ่งได้รวมตัวกันเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม "นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง" โดยการขึ้นรถไฟจากสถานีรถไฟธนบุรี มุ่งหน้าไปยังอุทยานราชภักดิ์ ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้กักขบวนรถไฟไว้ที่สถานีรถไฟบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตัดโบกี้รถไฟที่ 3 ที่มีนายสิรวิชญ์ และผู้ร่วมกิจกรรมโดยสารอยู่ และได้นำตัวไปกักไว้ที่ห้องนายสถานีรถไฟเพื่อทำการพูดคุย โดยมีเจ้าหน้าคอยดูแลความเรียบร้อย รวมทั้งนักข่าวจากสื่อต่าง ๆ ที่มาคอยสังเกตการณ์และทำข่าว ซึ่งระหว่างนั้นมีเสียงตะโกนด่าทอกลุ่มนักศึกษาจากกลุ่มประชาชนชาวอำเภอบ้านโป่งและใกล้เคียงดังกล่าวตลอดเวลา[3]
ต่อมาในวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติ 9 ต่อ 0 เสียง ว่าการดำเนินการสร้างอุทยานราชภักดิ์เป็นไปอย่างถูกต้องตามระเบียบราชการทุกประการ[4]
อ้างอิง
- ↑ "พระบรมฯเสด็จเปิดอุทยานราชภักดิ์ - ประวิตรนำครม.เฝ้าฯ". ไอเอ็นเอ็นนิวส์. September 26, 2015. สืบค้นเมื่อ September 8, 2016.
- ↑ http://www.dailynews.co.th/politics/370928
- ↑ ""จ่านิว"บุกอุทยานราชภักดิ์ ถูกกักตัวตัดโบกี้ที่บ้านโป่ง". เดลินิวส์. December 7, 2016. สืบค้นเมื่อ September 8, 2016.
- ↑ "ไม่ผิดจ้า! ป.ป.ช.มติเอกฉันท์ "อุทยานราชภักดิ์" ถูกระเบียบเป๊ะ "อุดมเดช-ศิริชัย" รอด". ผุจัดการออนไลน์. September 7, 2016. สืบค้นเมื่อ September 8, 2016.
แหล่งข้อมูลอื่น
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ อุทยานราชภักดิ์
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์