ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มีป คีส"
Applezapotis (คุย | ส่วนร่วม) หน้าใหม่: {{Infobox person | name = '''เมียพ จีส์''' | image = Miep Gies (1987).jpg | caption = เมียพ จีส์ ในปี พ.ศ. 2530 | birth_d... |
Applezapotis (คุย | ส่วนร่วม) |
||
บรรทัด 17: | บรรทัด 17: | ||
== ชีวิตในช่วงต้น == |
== ชีวิตในช่วงต้น == |
||
เมียพ จีส์ เกิดในเวียนนา จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ด้วยชื่อแฮร์มีเนอ ซันทรูชิทซ์ (ภายหลังออกเสียงกันทั่วไปว่า ''ซันเทราชิทซ์'' ในเนเธอร์แลนด์) เธอถูกส่งตัวจากเวียนนาไปยัง[[ไลเดิน]]ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2463 เพื่อหลีกหนีจากภาวะขาดแคลนอาหารในออสเตรียหลัง[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]] และอาศัยอยู่กับครอบครัวนีเวอเบิร์ส ซึ่งเป็นครอบครัวชนชั้นแรงงานที่มีบุตรธิดาของตนอยู่แล้ว 6 คนและรับอุปการะเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ครอบครัวนี้เองที่เรียกเธอด้วยชื่อเล่นว่า "เมียพ" อันเป็นชื่อที่รู้จักกันเป็นการทั่วไปในภายหลัง ต่อมาในปี พ.ศ. 2465 เธอย้ายที่อยู่ไปยัง |
เมียพ จีส์ เกิดในเวียนนา จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ด้วยชื่อแฮร์มีเนอ ซันทรูชิทซ์ (ภายหลังออกเสียงกันทั่วไปว่า ''ซันเทราชิทซ์'' ในเนเธอร์แลนด์) เธอถูกส่งตัวจากเวียนนาไปยัง[[ไลเดิน]]ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2463 เพื่อหลีกหนีจากภาวะขาดแคลนอาหารในออสเตรียหลัง[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]] และอาศัยอยู่กับครอบครัวนีเวอเบิร์ส ซึ่งเป็นครอบครัวชนชั้นแรงงานที่มีบุตรธิดาของตนอยู่แล้ว 6 คนและรับอุปการะเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ครอบครัวนี้เองที่เรียกเธอด้วยชื่อเล่นว่า "เมียพ" อันเป็นชื่อที่รู้จักกันเป็นการทั่วไปในภายหลัง ต่อมาในปี พ.ศ. 2465 เธอย้ายที่อยู่ไปยังบ้านเลขที่ 25 ถนนคาสพส์ทราท<ref name="Anne Frank Remembered Book, 2010">Anne Frank Remembered Book, 2010</ref> ในกรุง[[อัมสเตอร์ดัม]]พร้อมกับครอบครัวผู้อุปการะของเธอ เธอเข้าศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียนและเป็นนักเรียนดีเด่น ผู้กล่าวว่าตนเองนั้น "สงบเสงี่ยมและเป็นตัวของตัวเองมาก" หลังจากที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยม เธอเข้าทำงานในบริษัทสัญชาติเยอรมันที่มาเปิดสาขาในเนเธอร์แลนด์นามว่า "[[โอเปกตา]]" โดยเริ่มทำงานในฐานะพนักงานบัญชีก่อนที่จะถูกเลื่อนขั้นเป็นเลขานุการในภายหลัง ต่อมาออทโท ฟรังค์ ถูกโยกย้ายจากสำนักงานของบริษัทในเยอรมนีมายังเนเธอร์แลนด์และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการใหญ่ประจำสาขาเนเธอร์แลนด์ ที่ซึ่งบริษัทเพิ่งจะเข้ามาขยายกิจการได้ไม่นาน เมียพได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของครอบครัวฟรังค์เช่นเดียวกับแจน จีส์ คู่หมั้นของเธอ ต่อมาหนังสือเดินทางของเธอถูกยกเลิก เนื่องจากเธอปฏิเสธที่จะเข้าร่วมสมาคมสตรีของพรรคนาซี ทำให้เธอได้รับคำสั่งเนรเทศออกจากเนเธอร์แลนด์กลับไปยังออสเตรีย (ซึ่งในขณะนั้นถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนีและถือว่าเธอคือพลเมืองชาวเยอรมันคนหนึ่ง) ภายในระยะเวลา 90 วัน เธอและคู่หมั้นจึงรีบแต่งงานกันในวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2484 เพื่อที่จะได้สิทธิการเป็นพลเมืองชาวดัตช์และหลีกเลี่ยงการเนรเทศกลับออสเตรีย ด้วยความเชี่ยวชาญทั้ง[[ภาษาดัตช์]]และ[[ภาษาเยอรมัน]]ของเมียพ เธอได้ช่วยครอบครัวฟรังค์ซึมซับเอาวัฒนธรรมและปรับตัวเข้ากับสังคมดัตช์ เธอและสามีจึงเป็นแขกผู้แวะเวียนไปยังบ้านของครอบครัวฟรังค์อยู่เป็นประจำ |
||
== การให้ความช่วยเหลือ == |
== การให้ความช่วยเหลือ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:36, 6 กันยายน 2558
เมียพ จีส์ | |
---|---|
เมียพ จีส์ ในปี พ.ศ. 2530 | |
เกิด | 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2452 เวียนนา จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี |
เสียชีวิต | 11 มกราคม พ.ศ. 2553 (100 ปี) โฮร์น ฮอลแลนด์เหนือ เนเธอร์แลนด์ |
สาเหตุเสียชีวิต | อุบัติเหตุ |
มีชื่อเสียงจาก | ช่วยแอบซ่อนชาวยิว เช่น อันเนอ ฟรังค์ และครอบครัว จากนาซีเยอรมัน |
คู่สมรส | แจน จีส์ (พ.ศ. 2448-2536) (สมรสตั้งแต่ พ.ศ. 2484 จนกระทั่งสามีเสียชีวิต) |
บุตร | พอล จีส์ (เกิด พ.ศ. 2493) |
เว็บไซต์ | เมียพจีส์ดอตคอม |
แฮร์มีเนอ ซันทรูชิทซ์ (เยอรมัน: Hermine Santruschitz; 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2452 – 11 มกราคม พ.ศ. 2553) หรือเป็นที่รู้จักทั่วใปในภาษาดัตช์ว่า เมียพ จีส์ (ดัตช์: Miep Gies)[3] คือหนึ่งในชาวดัตช์ผู้ช่วยเหลืออันเนอ ฟรังค์, ครอบครัวของเธอ และชาวยิวอีกสี่คนในการหลบซ่อนตัวจากนาซีเยอรมัน ซึ่งทั้งหมดซ่อนตัวอยู่ในส่วนต่อเติมอาคารที่ทำการของบริษัทค้าขายของออทโท ฟรังค์ บิดาของอันเนอ ฟรังค์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เดิมทีเมียพ จีส์ ถือสัญชาติออสเตรียโดยกำเนิด แต่ในปี พ.ศ. 2463 ครอบครัวชาวดัตช์รายหนึ่งรับเธอมาอุปถัมภ์เป็นการชั่วคราวด้วยวัยเพียงเจ็ดขวบ ซึ่งในภายหลังเธอรู้สึกผูกพันกับครอบครัวนี้อย่างมาก เดิมทีครอบครัวรับอุปการะเธอเพียงหกเดือน และก็ถูกขยายออกไปเป็นหนึงปีเนื่องจากสุขภาพร่างกายที่เปราะบางของเธอ จนในที่สุดเธอเลือกที่จะอยู่กับครอบครัวดังกล่าวต่อไป และอาศัยอยู่ในเนเธอร์แลนด์ไปตลอดช่วงชีวิตที่เหลือ ในปี พ.ศ. 2476 เธอเริ่มทำงานให้กับออทโท ฟรังค์ นักธุรกิจเชื้อสายยิวผู้อพยพครอบครัวจากเยอรมนีมายังเนเธอร์แลนด์เพื่อหลีกเลี่ยงการปราบปรามชาวยิวโดยพรรคนาซี เมียพ จีส์ จึงกลายมาเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเพื่อนที่ครอบครัวฟรังค์ไว้วางใจ รวมถึงเป็นกำลังสำคัญที่ให้การช่วยเหลือครอบครัวตลอดระยะเวลาสองปีของการหลบซ่อนตัว เธอคือคนที่เก็บกู้สมุดบันทึกประจำวันของอันเนอไว้ได้หลังจากที่ครอบครัวถูกจับกุม และรักษาสมุดดังกล่าวไว้ในที่ปลอดภัยจนกระทั่งออทโท ฟรังค์ รอดชีวิตกลับมาจากค่ายกักกันเอาชวิทซ์ในปี พ.ศ. 2488 ทำให้เธอได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของอันเนอ[4][5][6][7][8][9][10] นอกจากนี้เธอยังเป็นผู้ประพันธ์หนังสือ Anne Frank Remembered: The Story of the Woman Who Helped to Hide the Frank Family ร่วมกับอลิสัน เลสลี โกลด์ และออกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2530
ชีวิตในช่วงต้น
เมียพ จีส์ เกิดในเวียนนา จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ด้วยชื่อแฮร์มีเนอ ซันทรูชิทซ์ (ภายหลังออกเสียงกันทั่วไปว่า ซันเทราชิทซ์ ในเนเธอร์แลนด์) เธอถูกส่งตัวจากเวียนนาไปยังไลเดินในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2463 เพื่อหลีกหนีจากภาวะขาดแคลนอาหารในออสเตรียหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และอาศัยอยู่กับครอบครัวนีเวอเบิร์ส ซึ่งเป็นครอบครัวชนชั้นแรงงานที่มีบุตรธิดาของตนอยู่แล้ว 6 คนและรับอุปการะเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ครอบครัวนี้เองที่เรียกเธอด้วยชื่อเล่นว่า "เมียพ" อันเป็นชื่อที่รู้จักกันเป็นการทั่วไปในภายหลัง ต่อมาในปี พ.ศ. 2465 เธอย้ายที่อยู่ไปยังบ้านเลขที่ 25 ถนนคาสพส์ทราท[11] ในกรุงอัมสเตอร์ดัมพร้อมกับครอบครัวผู้อุปการะของเธอ เธอเข้าศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียนและเป็นนักเรียนดีเด่น ผู้กล่าวว่าตนเองนั้น "สงบเสงี่ยมและเป็นตัวของตัวเองมาก" หลังจากที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยม เธอเข้าทำงานในบริษัทสัญชาติเยอรมันที่มาเปิดสาขาในเนเธอร์แลนด์นามว่า "โอเปกตา" โดยเริ่มทำงานในฐานะพนักงานบัญชีก่อนที่จะถูกเลื่อนขั้นเป็นเลขานุการในภายหลัง ต่อมาออทโท ฟรังค์ ถูกโยกย้ายจากสำนักงานของบริษัทในเยอรมนีมายังเนเธอร์แลนด์และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการใหญ่ประจำสาขาเนเธอร์แลนด์ ที่ซึ่งบริษัทเพิ่งจะเข้ามาขยายกิจการได้ไม่นาน เมียพได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของครอบครัวฟรังค์เช่นเดียวกับแจน จีส์ คู่หมั้นของเธอ ต่อมาหนังสือเดินทางของเธอถูกยกเลิก เนื่องจากเธอปฏิเสธที่จะเข้าร่วมสมาคมสตรีของพรรคนาซี ทำให้เธอได้รับคำสั่งเนรเทศออกจากเนเธอร์แลนด์กลับไปยังออสเตรีย (ซึ่งในขณะนั้นถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนีและถือว่าเธอคือพลเมืองชาวเยอรมันคนหนึ่ง) ภายในระยะเวลา 90 วัน เธอและคู่หมั้นจึงรีบแต่งงานกันในวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2484 เพื่อที่จะได้สิทธิการเป็นพลเมืองชาวดัตช์และหลีกเลี่ยงการเนรเทศกลับออสเตรีย ด้วยความเชี่ยวชาญทั้งภาษาดัตช์และภาษาเยอรมันของเมียพ เธอได้ช่วยครอบครัวฟรังค์ซึมซับเอาวัฒนธรรมและปรับตัวเข้ากับสังคมดัตช์ เธอและสามีจึงเป็นแขกผู้แวะเวียนไปยังบ้านของครอบครัวฟรังค์อยู่เป็นประจำ
การให้ความช่วยเหลือ
เมียพ จีส์ และสามีของเธอ ร่วมกับพนักงานคนอื่น ๆ ของโอเปกตา เช่น วิกเตอร์ คูกเลอร์, โยฮันเนส เคลย์มัน และเบพ โวสคูลย์ ในการช่วยเหลือออทโท ฟรังค์, เอดิท ฟรังค์, มาร์กอท ฟรังค์ และอันเนอ ฟรังค์ รวมถึงครอบครัวฟานเพลส์ ได้แก่ แฮร์มันน์ ฟานเพลส์, ออกุสต์ ฟานเพลส์ (ภรรยา), ปีเตอร์ ฟานเพลส์ (บุตรชาย) รวมถึงทันตแพทย์เพื่อนสนิทของครอบครัวอย่าง ฟริตซ์ เฟฟเฟอร์ หลบซ่อนตัวอยู่ในห้องต่าง ๆ ที่อยู่ชั้นบนของที่ทำการบริษัท ซึ่งตั้งอยู่บนถนนปรินเซินกราชท์ (Prinsengracht) ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2485 ถึง 4 สิงหาคม พ.ศ. 2487[12] เมียพ จีส์ให้สัมภาษณ์ว่าเธอรู้สึกดีใจที่ได้ช่วยครอบครัวชาวยิวหลบซ่อนตัว เพราะเธอเป็นกังวลหลังจากได้เห็นชะตากรรมของชาวรายอื่น ๆ ในอัมสเตอร์ดัม ในทุก ๆ วัน เธอเห็นรถบรรทุกที่เต็มไปชาวยิวแล่นไปยังสถานีรถไฟ ซึ่งหลังจากนั้นชาวยิวเหล่านี้จะถูกส่งขึ้นรถไฟมุ่งหน้าสู่ค่ายกักกันของนาซี เมียพ จีส์เก็บเรื่องการให้ความช่วยเหลือชาวยิวนี้ไว้เป็นความลับโดยไม่บอกใคร แม้กระทั่งครอบครัวบุญธรรมที่รับเธอมาเลี้ยงดู
เมียพ จีส์ หลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าสงสัยในขณะซื้อหาอาหารสำหรับครอบครัวผู้หลบซ่อนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น ซื้อหาอาหารจากร้านค้าหลาย ๆ แหล่งในหนึ่งวัน เธอไม่เคยถือของในจำนวนที่เกินกว่าถุงใบหนึ่งหรือกระเป๋าในเสื้อโคทของเธอจะบรรจุได้ อีกทั้งยังหลีกเลี่ยงการขึ้นไปยังห้องลับในช่วงเวลาทำการของบริษัท เพื่อไม่ให้คนงานคนอื่น ๆ ของบริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องเกิดความสงสัยอีกด้วย นอกจากนี้สามีของเมียพยังได้ช่วยแบ่งเบาภาระของเธอด้วยบัตรปันส่วนอาหารที่เขาหามาได้จากตลาดมืด ด้วยเหตุที่เมียพต้องซื้ออาหารจากหลาย ๆ แหล่งนี้เอง ทำให้เธอมีสัมพันธ์ที่ดีกับบรรดาผู้ค้าเหล่านั้น
และที่ห้องชุดที่พักของพวกเขาซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากที่ซ่อนตัว เมียพ จีส์และสามี (ซึ่งทั้งคู่เป็นสมาชิกขบวนการใต้ดินต่อต้านนาซีของดัตช์) ก็ได้ช่วยนักศึกษาผู้ต่อต้านนาซีหลบซ่อนตัวอีกด้วย[13]
การถูกจับกุม
ในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2487 ในขณะที่เธอกำลังทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน เมียพเงยหน้าขึ้นมองและพบว่ามีชายถือปืนชี้ไปที่อันเนอและพี่สาวของเธอพร้อมกับพูดว่า "นั่งลง! อย่าแม้กระทั่งเอะอะโวยวาย!" ครอบครัวผู้หลบซ่อนถูกหักหลัง ทำให้ตำรวจ กรือเนอโพลีไซ (Grüne Polizei; ตำรวจเขียว) เข้าจำกุมผู้ที่หลบซ่อนอยู่ ณ อาคารเลขที่ 263 ถนนปรินเซินกราชท์ รวมทั้งนายคูกเลอร์และนายโยฮันเนส เคลย์มัน ในวันถัดมาเมียพเดินทางไปยังสำนักงานตำรวจเยอรมันเพื่อหาพวกเขา เมียพเสนอเงินให้แก่ตำรวจเพื่อแลกกับอิสรภาพของผู้ถูกจับกุม แต่ความพยายามดังกล่าวไม่เป็นผล ทั้งนี้เมียพและผู้ให้การช่วยเหลือคนอื่น ๆ อาจถูกประหารชีวิตได้หากพบว่าให้ที่หลบซ่อนแก่ชาวยิว อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้ถูกจับกุมตัว เนื่องจากนายตำรวจผู้มาสอบสวนเธอก็มีภูมิลำเนามาจากกรุงเวียนนาซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอด้วยเช่นกัน[14] และแม้ว่าจะรู้สึกตกตะลึงและโศกเศร้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมียพและสามีของเธอก็ยังคงพำนักอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัมอย่างปลอดภัยตลอดช่วงระยะเวลาที่เหลือของสงคราม
เมียพเก็บกู้สมุดบันทึกของอันเนอได้และเก็บรักษามันไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของเธอ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จากทางการจะเข้ามาเก็บกวาดสถานที่หลบซ่อน ต่อมาเมื่อสงครามจบสิ้นลงและเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอันเนอเสียชีวิตในค่ายกักกันแบร์เกิน-เบลเซิน เมียพจึงได้มอบกระดาษและสมุดบันทึกที่รวบรวมได้แก่ออทโท ฟรังค์ ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในบรรดาผู้หลบซ่อนทั้งหมด[9] โดยงานเขียนในสมุดบันทึกของอันเนอแสดงให้เห็นความสามารถด้านวรรณกรรมของเธอได้อย่างเด่นชัด และหลังจากที่ถ่ายทอดส่วนของครอบครัวของเขาลงไปแล้ว ออทโทก็ได้ตระเตรียมการเผยแพร่งานเขียนดังกล่าวสู่สาธารณชนในปี พ.ศ. 2490 ทั้งนี้เมียพ จีส์ ไม่ได้อ่านสมุดบันทึกเล่มดังกล่าวก่อนที่จะมอบให้แก่ออทโทเลย ซึ่งภายหลังมีการตั้งข้อสังเกตกันว่าหากเธอได้อ่านมันเธอคงจะทำลายสมุดบันทึกเล่มนั้นทิ้ง เพราะภายในเต็มไปด้วยชื่อจริงของผู้ให้การช่วยเหลือครบทั้งห้าคน เช่นเดียวกับรายชื่อของผู้ค้าจากตลาดมืดหลายคน อย่างไรก็ตามออทโทได้โน้มน้าวให้เธออ่านบันทึกดังกล่าวในการตีพิมพ์ครั้งที่ 2 จนสำเร็จ[10] และในปี พ.ศ. 2490 นี้เอง เมียพและสามีของเธอก็ได้ย้ายที่พำนักไปยังบ้านเลขที่ 65 ถนนเยเคอร์สแทรทใกล้กับแมร์เวเดอเพลน ซึ่งออทโทก็ได้ย้ายไปกับพวกเขาด้วย[11]
เกียรติยศและรางวัล
ในปี พ.ศ. 2537 เมียพได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และเหรียญวัลเลนแบร์กโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ในปีถัดมาเธอได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติจากยาดวาเชม และในปี พ.ศ. 2540 เมียพได้รับพระราชทานยศชั้นอัศวินโดยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ออเรนจ์-นัสเซาจากสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ และมีการตั้งชื่อดาวเคราะห์ขนาดเล็กนามว่า 99949 เมียพจีส์ เพื่อเป็นเกียรติให้แก่เธอ[15]
ในวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เอกอัครราชทูตออสเตรียประจำเนเธอร์เแลนด์ โวล์ฟกัง พอล เป็นผู้แทนมอบเครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสาธารณรัฐออสเตรียให้แก่เมียพ จีส์ ณ บ้านพักของเธอ[16]
เสียชีวิต
ในวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553 เสียชีวิตลงด้วยภาวะแทรกซ้อนจากการลื่นล้ม ณ บ้านพักคนชราในโฮร์น เมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ห่างจากกรุงอัมสเตอร์ดัมไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 45 กิโลเมตร (28 ไมล์)[17] ทำให้เธอมีอายุยืนกว่าสามี 17 ปี และมีอายุรวม 100 ปี 10 เดือน 24 วัน
อ้างอิง
- ↑ "Miep Gies: Moving to Holland". Scholastic. สืบค้นเมื่อ 2011-08-22.
- ↑ Menachem Z. Rosensaft (January 12, 2010). "Sainthood for Miep Gies". The Washington Post. สืบค้นเมื่อ 2010-05-12.
- ↑ Gies in isolation: [ˈɣis].
- ↑ Obituary Los Angeles Times, 12 January 2010.
- ↑ Obituary Washington Post, 12 January 2010.
- ↑ Obituary The Times, 13 January 2010.
- ↑ Obituary London Guardian, 13 January 2010.
- ↑ Obituary London Independent, 14 January 2010.
- ↑ 9.0 9.1 "Anne Frank guardian reaches 100". BBC News. 15 February 2009.
- ↑ 10.0 10.1 Carolyn Kellogg (17 February 2009). "Miep Gies, Anne Frank's custodian, turns 100". Los Angeles Times.
- ↑ 11.0 11.1 Anne Frank Remembered Book, 2010
- ↑ María Mercedes Romagnoli "The guardians of Holland" The International Raoul Wallenberg Foundation
- ↑ Goldstein, Richard (11 January 2010). "Miep Gies, Protector of Anne Frank, Dies at 100". The New York Times.
{{cite news}}
:|access-date=
ต้องการ|url=
(help) - ↑ Narative by Miep Gies
- ↑ JPL Small-Body Database.
- ↑ "Grand Decoration of Honour for Services". สืบค้นเมื่อ 27 September 2012.
- ↑ "Anne Frank diary guardian Miep Gies dies aged 100". BBC News. 12 January 2010. สืบค้นเมื่อ 12 January 2010.
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์ทางการของเมียพ จีส์ (อังกฤษ)
- มีป คีส ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส (อังกฤษ)
- ประวัติของเมียพ จีส์ จากพิพิธภัณฑ์อันเนอ ฟรังค์ (อังกฤษ)
- ภาพการให้สัมภาษณ์ของเมียพ จีส์ จากพิพิธภัณฑ์อันเนอ ฟรังค์ (อังกฤษ)
- ภาพยนต์สั้นเกี่ยวกับการพบปะกันระหว่างเมียพ จีส์ และอันเนอ ฟรังค์ (อังกฤษ)
- ภาพบัตรประจำตัวประชนชนของเมียพ จีส์ ในช่วงสงครามโลก (อังกฤษ)
- ภาพถ่ายของเมียพและเฮงค์ จีส์, เบพ โวสคูลย์ และวิกเตอร์ คูกเลอร์ ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1970 (อังกฤษ)
- เมียพ จีส์ – การช่วยเหลือชาวยิวของเธอในช่วงฮอโลคอสต์จากเว็บไซต์ของยาดวาเชม (อังกฤษ)
- บรรณานุกรมของผู้ช่วยเหลือชาวยิวในช่วงฮอโลคอสต์ พร้อมด้วยข้อมูลและลิงก์เชื่อมโยงไปยังหนังสือเกี่ยวกับเมียพ จีส์ และผู้ช่วยเหลือชาวดัตช์คนอื่น ๆ (อังกฤษ)
- เมียพ จีส์ - ข่าวการมรณกรรมโดยหนังสือพิมพ์เดลี่เทเลกราฟ (อังกฤษ)