ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลิ่นจีน"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ล r2.6.4) (โรบอต เพิ่ม: eu:Manis pentadactyla |
||
บรรทัด 51: | บรรทัด 51: | ||
[[en:Chinese Pangolin]] |
[[en:Chinese Pangolin]] |
||
[[et:Pangoliin]] |
[[et:Pangoliin]] |
||
[[eu:Manis pentadactyla]] |
|||
[[fr:Pangolin à courte queue]] |
[[fr:Pangolin à courte queue]] |
||
[[it:Manis pentadactyla]] |
[[it:Manis pentadactyla]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 01:20, 8 มกราคม 2555
ลิ่นจีน | |
---|---|
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Mammalia |
อันดับ: | Pholidota |
วงศ์: | Manidae |
สกุล: | Manis |
สปีชีส์: | M. pentadactyla |
สปีชีส์ย่อย: | |
ชื่อทวินาม | |
Manis pentadactyla (Linnaeus, 1758) | |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ |
ลิ่นจีน (อังกฤษ: Chinese pangolin, ชื่อวิทยาศาสตร์: Manis pentadactyla) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง จำพวกลิ่น
รูปร่างลักษณะ
มีรูปร่างคล้ายสัตว์เลื้อยคลานจำพวกเหี้ยหรือจระเข้ ผิวหนังปกคลุมด้วยเกล็ดแข็งคล้ายสวมชุดเกราะ เล็บยาว เท้ามีรอยย่น ใต้ฝ่าเท้าไม่มีอุ้งเท้าหนา มีรูปร่างคล้ายลิ่นซุนดา (M. javanicus) แต่ว่าลิ่นจีนมีลำตัวบางและเล็กกว่าลิ่นซุนดา โดยหางของลิ่นจีนมีเกล็ดปกคลุมเพียง 14-17 เกล็ดเท่านั้น ในขณะที่ลิ่นซุนดามีเกล็ดปกคลุมมากถึง 30 เกล็ด และลิ่นจีนมีสีลำตัวที่เข้มกว่า
ขนาดเมื่อโตเต็มที่ มีความยาวลำตัวและหางประมาณ 440-480 เซนติเมตร ความยาวหาง 160-330 เซนติเมตร มีด้วยกัน 3 ชนิดย่อย (ดูในตาราง)[1]
การกระจายพันธุ์
มีการกระจายพันธุ์ในเกาะไต้หวัน, ฮ่องกง, ตอนใต้ของจีน, เกาะไหหลำ, รัฐอัสสัม, รัฐสิกขิม, เนปาล, ภูฐาน, บังกลาเทศ, พม่า, เวียดนาม, ลาว และในประเทศไทยเคยมีรายงานพบที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เมื่อปี พ.ศ. 2483 โดย Allen และ Coolidge แม้แต่ในปัจจุบัน ก็ถือเป็นสัตว์ที่หายากมากชนิดหนึ่งในประเทศไทย[2]
นิเวศน์วิทยาและพฤติกรรม
หากินตามลำพัง มีสายตาไม่ดี กินบนพื้นดินเป็นหลัก เนื่องจากหางไม่แข็งแรงพอที่จะเกาะเกี่ยวบนต้นไม้ได้เหมือนลิ่นชนิดอื่น กินปลวกและมดเป็นอาหารหลัก โดยใช้เล็บที่แหลมคมตะกุยรังมดหรือปลวกตกใจหนีออกมาจากรัง จากนั้นจึงใช้ลิ้นที่ยาวและมีน้ำลายที่เหนียวเนอะตวัดเข้าปากกินเป็นอาหาร ออกมากินในเวลากลางคืน กลางวันจะนอนหลับพักผ่อน โดยจะขุดหลุมลึกประมาณ 3-4 เมตร เพื่อสร้างที่หลับนอน ออกลูกในช่วงฤดูหนาวหรือฤดูร้อน ลูกลิ่นจีนจะลืมตาเมื่ออายุได้ 9-10 วัน เมื่อแรกเกิดเกล็ดตามลำตัวจะมีลักษณะอ่อนนุ่ม มีน้ำหนักตัวประมาณ 200 กรัม และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 กิโลกรัม ในเวลา 150 วัน
มีสถานภาพเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535[3]
อ้างอิง
- หนังสือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน (กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2543) โดย กองทุนสัตว์ป่าโลก ISBN 974-87081-5-2