พระเจ้ารามิโรที่ 2 แห่งอารากอน
พระเจ้ารามิโรที่ 2 | |
---|---|
พระบรมสาทิสลักษณ์พระเจ้ารามิโรที่ 2 จากพงศาวลีเคานต์แห่งบาร์เซโลนา คริสต์ศตวรรษที่ 15 | |
พระมหากษัตริย์แห่งอารากอน | |
ครองราชย์ | ค.ศ. 1134–1137/1157 |
ก่อนหน้า | พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 1 แห่งอารากอน |
ถัดไป | เปโตรนิยาแห่งอารากอน |
พระราชสมภพ | 24 เมษายน ค.ศ. 1086 |
สวรรคต | 16 สิงหาคม ค.ศ. 1157 (71 ปี) |
ฝังพระศพ | อารามซานเปโดรเอลบิเอโฆ |
คู่อภิเษก | อาแญ็สแห่งอากีแตน สมเด็จพระราชินีแห่งอารากอน |
ราชวงศ์ | ฆิเมเนซ |
พระราชบิดา | พระเจ้าซันโช รามิเรซแห่งอารากอนและนาวาร์ |
พระราชมารดา | เฟลีซีแห่งรูซี สมเด็จพระราชินีแห่งอารากอนและนาวาร์ |
ลายพระอภิไธย |
พระเจ้ารามิโรที่ 2 แห่งอารากอน (สเปน: Ramiro II; อารากอน: Remiro II; ค.ศ. 1075 – 16 สิงหาคม ค.ศ. 1157) หรือ รามิโรผู้เป็นพระ (สเปน: Ramiro el Monje; อารากอน: Remiro o Monche) เป็นพระโอรสคนที่สามของพระเจ้าซันโช รามิเรซ พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 1 ผู้ประจัญบาน พระเชษฐาของพระองค์สิ้นพระชนม์โดยไร้ทายาทและได้ยกราชอาณาจักรให้แก่คณะทหาร ทำให้รามิโรที่บวชเป็นพระและได้รับเลือกเป็นบิชอปแห่งบาร์บัสโตรต้องออกจากศีลบวชมาสมรสและสืบทอดราชบัลลังก์ ต่อมาเปโตรนิยา พระธิดาของพระองค์ถูกจับหมั้นหมายกับราโมน บารังเกที่ 4 เคานต์แห่งบาร์เซโลนา พระเจ้ารามิโรสละราชสมบัติให้แก่พระธิดาและพระชามาดาในปี ค.ศ. 1137 และในปี ค.ศ. 1164 ราชบัลลังก์อารากอนถูกรวมเข้ากับอาณาจักรเคานต์บาร์เซโลนาในรัชสมัยของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 2 แห่งอารากอน พระโอรสของทั้งคู่
ก่อนขึ้นครองราชย์
[แก้]พระองค์อุทิศชีวิตให้แก่ศาสนจักรตั้งแต่ยังเด็กมาก ทรงเริ่มต้นด้วยการบวชเป็นพระในอารามคณะเบเนดิกต์แซ็ง-ปงส์-เดอ-ตอเมียร์ในอาณาจักรไวเคานต์เบซีเย จากนั้นทรงขึ้นเป็นอธิการแห่งซานเปโดรเอลบิเอโฆในอูเอสกา ต่อมา เพื่อจำกัดอำนาจของรามิโร พระเจ้าอัลฟอนโซผู้ประจัญบาน พระเชษฐาของพระองค์ได้สกัดกั้นไม่ให้พระองค์ได้รับเลือกเป็นมุขนายกแห่งบูร์โกสและมุขนายกแห่งปัมโปลนา สุดท้ายพระองค์ได้รับเลือกเป็นมุขนายกแห่งบาร์บัสโตร-โรดา
ค.ศ. 1134 พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 1 แห่งอารากอน พระเชษฐาของพระองค์สิ้นพระชนม์โดยไร้ทายาท พระองค์ได้ยกราชอาณาจักรให้คณะทหาร ได้แก่ กลุ่มอัศวินเทมพลาร์, กลุ่มอัศวินฮอสปิทัลเลอร์ และกลุ่มอัศวินสุสานศักดิ์สิทธิ์แห่งเยรูซาเลม แต่ไม่มีใครประสงค์จะทำตามดำรินี้ รามิโรกลายเป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์ร่วมกับพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 แห่งเลออนและกัสติยาซึ่งไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนเนื่องจากเป็นกษัตริย์ต่างแดน ขณะที่ขุนนางอีกกลุ่มหนึ่งให้การสนับสนุนเปโดรแห่งอาตาเรส หลานชายของซันโช รามิเรซ เคานต์แห่งริบากอร์ซา บุตรชายนอกสมรสของพระเจ้ารามิโรที่ 1 แห่งอารากอน กลุ่มขุนนางได้ประชุมกันที่บอร์ฆาเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการสืบทอดบัลลังก์และได้ตกลงเลือกรามิโรเป็นกษัตริย์ ขณะเดียวกันขุนนางนาวาร์ได้เลือกการ์ซิอาผู้กอบกู้เป็นกษัตริย์ของพวกตน ทำให้ราชอาณาจักรทั้งสองถูกแยกออกจากกัน โดยในตอนที่ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของเชษฐา รามิโรซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นมุขนายกแห่งบาร์บัสโตร-โรดากำลังฉลองวันแม่พระบังเกิดอยู่ในติเอร์รันโตนา[1] พิธีราชาภิเษกของพระองค์ได้รับการจัดขึ้นในซาราโกซาในวันที่ 29 กันยาน ค.ศ. 1134[2]
ระหว่างครองราชย์
[แก้]พระเจ้ารามิโรที่ 2 ดำรงตำแหน่งเป็นกษัตริย์แห่งอารากอน, โซบราร์เบ และริบากอร์ซา[1][2] รัชสมัยของพระองค์เป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย ในช่วงแรกของการครองราชย์ทรงมีปัญหากับกลุ่มขุนนางที่คิดว่าพระองค์จะหัวอ่อนและชักจูงได้ง่าย แต่พระองค์กลับเด็ดขาดไม่ประนีประนอม วันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1135 ที่อาสนวิหารฆากา พระเจ้ารามิโรที่ 2 อภิเษกสมรสกับอาแญ็สแห่งอากีแตน ธิดาของกีโยมที่ 9 ดยุคแห่งอากีแตนที่ตกพุ่มม่ายและมีบุตรธิดามากมายจากการสมรสครั้งแรก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตทายาท ทั้งคู่มีพระธิดาด้วยกัน คือ เปโตรนิยาซึ่งเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1136[3] กษัตริย์และพระมเหสีได้แยกทางกันในปลายปีนั้น อาแญ็สเกษียณตัวเข้าสู่อารามแม่พระแห่งฟงเตอวโร ทรงสิ้นพระชนม์ที่อารามดังกล่าวในราวปี ค.ศ. 1159
ราชอาณาจักรเลออนได้กดดันให้พระเจ้ารามิโรที่ 2 ยกพระธิดาให้สมรสกับพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 แห่งเลออนหรือไม่ก็ซันโชผู้เป็นที่ปรารถนา พระโอรสของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 เพื่อรวมราชบัลลังก์เลออนและอารากอนเข้าด้วยกันแต่ไม่สำเร็จ พระเจ้ารามิโรที่ 2 ได้จับพระธิดาวัย 1 พรรษาหมั้นหมายกับราโมน บารังเกที่ 4 เคานต์แห่งบาร์เซโลนา สัญญาหมั้นหมายได้รับการลงนามที่บาร์บัสโตรในวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1137 โดยมีเงื่อนไขว่าหากเปโตรนิยาซึ่งเป็นทายาทในบัลลังก์อารากอนสิ้นพระชนม์โดยไร้ทายาท บัลลังก์จะตกเป็นของราโมน บารังเก และทายาทที่เกิดจากภรรยาคนใดก็ได้ ทั้งคู่สมรสกันในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1150 ที่แยย์ดา เมื่อเปโตรนิยามีพระชนมายุครบ 14 พรรษาตามที่ศาสนจักรอนุญาตให้การสมรสสมบูรณ์ได้
บั้นปลายพระชนม์ชีพ
[แก้]พระเจ้ารามิโรที่ 2 ต้องรับมือกับการก่อกบฏของขุนนาง ด้วยรู้ตัวว่าไม่มีฝีมือด้านการทำสงคราม ในวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1137 พระองค์จึงมอบพระราชอำนาจแก่ราโมน บารังเก พระชามาดา แต่พระองค์ไม่เคยสละสิทธิ์ในการเป็นกษัตริย์อย่างเป็นทางการ[4] และยังคงติดตามกิจการภายในของราชอาณาจักร ทรงถอนตัวจากชีวิตในทางโลกกลับเข้าสู่อารามซานเปโดรในอูเอสกา จนเมื่อสิ้นพระชนม์ในอารามดังกล่าวในวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 1157 บัลลังก์จึงตกเป็นของเปโตรนิยา พระธิดาของพระองค์อย่างเป็นทางการ
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Iglesias Costa, Manuel (2001). Institute of Altoaragoneses Studies, ed. «History of the county of Ribagorza».
- ↑ 2.0 2.1 Rubio Calatayud, Adela (2004). «I.-Los Ramírez». Brief History of the Kings of Aragon (1st edition).
- ↑ Lapeña Paúl (2008: 140)
- ↑ Javier Leralta. (2008), Apodos reales: historia y leyenda de los motes regios. Madrid: Sílex, p. 78. (Serie Historia) ISBN 978-84-7737-211-0.