นีโคไล อัฟค์เซนเตียฟ
นีโคไล อัฟค์เซนเตียฟ | |
---|---|
Николай Авксентьев | |
อัฟค์เซนเตียฟ เมื่อ ค.ศ. 1921 | |
ประธานรัฐบาลชั่วคราวแห่งรัสเซียทั้งปวง | |
ดำรงตำแหน่ง 23 กันยายน – 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 | |
ก่อนหน้า | สถาปนาตำแหน่ง (วลาดีมีร์ วอลสกี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ) |
ถัดไป | ยกเลิกตำแหน่ง (อะเลคซันดร์ คอลชัค ในฐานะผู้ปกครองสูงสุดแห่งรัสเซีย) |
ประธานสภาชั่วคราวแห่งสาธารณรัฐรัสเซีย | |
ดำรงตำแหน่ง 3 ตุลาคม – 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 1917 | |
ก่อนหน้า | สถาปนาตำแหน่ง |
ถัดไป | ยกเลิกตำแหน่ง |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แห่งรัฐบาลชั่วคราวรัสเซีย | |
ดำรงตำแหน่ง 7 สิงหาคม – 15 กันยายน ค.ศ. 1917 | |
ก่อนหน้า | อีรัคลี เซเรเตลี |
ถัดไป | อะเลคเซย์ นีคีติน |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1878 เปนซา จักรวรรดิรัสเซีย |
เสียชีวิต | 4 มีนาคม ค.ศ. 1943 นครนิวยอร์ก สหรัฐ | (64 ปี)
พรรคการเมือง | พรรคสังคมนิยมปฏิวัติ (ค.ศ. 1905–1921) |
การศึกษา | มหาวิทยาลัยไฮเดิลแบร์ค |
นีโคไล ดมีตรีเยวิช อัฟค์เซนเตียฟ (รัสเซีย: Никола́й Дми́триевич Авксе́нтьев; 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1878 – 24 มีนาคม ค.ศ. 1943) เป็นสมาชิกแกนนำพรรคสังคมนิยมปฏิวัติ ผู้ดำรงตำแหน่งประธานรัฐบาลชั่วคราวแห่งรัสเซียทั้งปวง ซึ่งเป็นตำแหน่งประมุขแห่งรัฐรัสเซียตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1918 ถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 หลังจากการโค่นล้มอำนาจและจับกุมตัวเขาโดยอะเลคซันดร์ คอลชัค ผู้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสงคราม ซึ่งต่อมากลายเป็นผู้ปกครองสูงสุดแห่งรัสเซีย
เขาเกิดที่เปนซาเมื่อ ค.ศ. 1878 ในครอบครัวชนชั้นสูง[1] เขาเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยมอสโกจนกระทั่งถูกขับออกใน ค.ศ. 1899 เนื่องจากเข้าร่วมกิจกรรมการล้มล้างการปกครอง จากนั้นเขาจึงลี้ภัยเรียนต่อที่เยอรมนีในระหว่าง ค.ศ. 1900 ถีง ค.ศ. 1904[1]
ต่อมาเขาได้รับเลือกเป็นประธานร่วมในสภาโซเวียตเซนต์ปีเตอส์เบิร์กในช่วงการปฏิวัติรัสเซีย ค.ศ. 1905 ในฐานะตัวแทนของพรรคสังคมนิยมปฏิวัติ[2] แต่หลังจากความล้มเหลวของการปฏิวัติ พรรคสังคมนิยมปฏิวัติก็เข้าสู่วิกฤตที่ร้ายแรง[3] ทำให้อัฟค์เซนเตียฟเริ่มหันเหสู่กระแสการเมืองใหม่ที่เรียกว่า "ลัทธิกำจัด" (iquidationism) ซึ่งเป็นกระแสการเมืองฝ่ายขวาสุดของพรรคและใกล้ชิดกับฝ่ายเสรีนิยมมากกว่าฝ่ายสังคมนิยมอื่น ๆ โดยเขาเชื่อมั่นถึงความจำเป็นในการเข้าร่วมกับสถาบันที่ก้าวหน้าอย่างเซมสตโว (земство)[4] ในการประชุมครั้งที่สองของพรรคที่จัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1907 เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกคณะกรรมการส่วนกลางและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ของพรรค[5] ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาเป็นหนึ่งในผู้นำสังคมนิยมกระแสลัทธิป้องกันของพรรคสังคมนิยมปฏิวัติ[6] โดยเขาอาศัยอยู่ที่ปารีสในระหว่างความขัดแย้งและเดินทางกลับกรุงเปโตรกราดในช่วงฤดูใบไม้ผลิของ ค.ศ. 1917[7]
ท่ามกลางการปฏิวัติรัสเซีย อัฟค์เซนเตียฟกลายเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของสภาผู้แทนแรงงานและทหารเปโตรกราด (สภาโซเวียตเปโตรกราด) โดยการมีส่วนร่วมของเขาถูกจำกัดเนื่องจากกิจกรรมของเขาในสภาชาวนาที่เขาเป็นประธาน[8] อัฟค์เซนเตียฟเป็นหนึ่งในสมาชิกฝ่ายขวาของพรรค (เช่นเดียวกับเพื่อนนักเรียนที่เหลือของเขาจากมหาวิทยาลัยไฮเดิลแบร์ค) ซึ่งเป็นกลุ่มส่วนน้อยแต่มีอิทธิพลมาก[9] โดยภายในกลุ่มนี้ อัฟค์เซนเตียฟเป็นที่โดดเด่นจากมีบทบาทหลักต่อการสนับสนุนการทำสงครามโลกของรัสเซีย[9] รวมถึงยังแสดงการสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลผสมระหว่างชนชั้นนายทุนและนักสังคมนิยมอย่างแข็งขัน[10] เขาดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม [ตามปฎิทินเก่า: 24 กรกฎาคม] ค.ศ. 1917 แทนที่อีรัคลี เซเรเตลี ถึงกลางเดือนกันยายน ปีเดียวกัน[11][12]
ต่อมาอัฟค์เซนเตียฟกลายเป็นประธานสภาชั่วคราวแห่งสาธารณรัฐรัสเซีย[13] ซึ่งเขาไม่เห็นด้วยต่อการเถลิงอำนาจของบอลเชวิคของเลนินในช่วงการปฏิวัติเดือนตุลาคม[14] โดยหลังจากการปฏิวัติ เขาจึงเป็นประธานคณะกรรมการเพื่อความอยู่รอดของบ้านเกิดเมืองนอนและการปฏิวัติ ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับบอลเชวิค คณะกรรมการมีส่วนในการจลาจลต่อต้านบอลเชวิคที่ล้มเหลวของนักเรียนนายร้อยในเปโตรกราด ภายหลังการบดขยี้กลุ่มกบฏ[15] อัฟค์เซนเตียฟจึงหลบหนีออกจากเปโตรกราด[16] เขาพยายามรวบรวมการสนับสนุนจากสามเหล่าทัพที่อยู่ในแนวรบโรมาเนียแต่ไม่สําเร็จ[17] เขาถูกจับกุมในวันที่ 30 ธันวาคม [ตามปฎิทินเก่า: 17 ธันวาคม] ค.ศ. 1917 ซึ่งการจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการของรัฐบาลต่อสภาร่างรัฐธรรมนูญ และถือเป็นครั้งแรกในการจับกุมนักสังคมนิยมด้วยข้อหาต่อต้านการปฏิวัติ[18]
ในฤดูร้อนของ ค.ศ. 1918 เขาได้หลบหนีไปที่ซามาราเช่นเดียวกับผู้นําการปฏิวัติทางสังคมที่สำคัญคนอื่น ๆ เมื่อคณะกรรมาธิการสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดตั้งรัฐบาลต่อต้านบอลเชวิค ณ ที่แห่งนี้[19] จากนั้นในเดือนสิงหาคม เขากลายเป็นผู้มีอํานาจเต็มของสหภาพเพื่อการฟื้นฟูรัสเซีย โดยมีความพยายามในการรวมกลุ่มต่อต้านบอลเชวิคหลังจากการจลาจลของหน่วยทหารเชโกสโลวักแต่ก็ล้มเหลว[20] และยังเป็นประธานการประชุมแห่งชาติที่จัดขึ้นที่อูฟาจากนั้นไม่นาน[21][22] ต่อมาในฤดูใบไม้ร่วงของ ค.ศ. 1918 เขาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการออมสค์ ซึ่งเป็นรัฐบาลชั่วคราวที่จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 23 กันยายน แต่รัฐบาลของเขานั้นเป็นเพียงองค์กรขนาดเล็กที่ไม่มีแหล่งเงินทุน และในไม่ช้าก็ถูกกองทัพที่สนับสนุนพลเรือเอก อะเลคซันดร์ คอลชัค รัฐประหารรัฐบาล[23] อัฟค์เซนเตียฟไร้ซึ่งอํานาจที่แท้จริงและไม่ได้รับความไว้วางใจจากพรรคสังคมนิยมปฏิวัติตลอดจนฝ่ายขวา อัฟค์เซนเตียฟเป็นเสมือนผู้นำรัฐบาลแต่ไร้อำนาจ ซึ่งคล้ายคลึงกับรัฐบาลชั่วคราวรัสเซียในช่วงท้ายภายใต้เคเรนสกี[23] ทั้งกองกําลังพันธมิตร พรรคสังคมนิยมปฏิวัติ และฝ่ายขวา ต่างก็สมคบคิดเพื่อโค่นล้มเขาและรัฐบาลตั้งแต่ทีแรก[23] อัฟค์เซนเตียฟถูกกองกำลังฝ่ายขวาของคอลชัคจับกุมเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน และถูกเนรเทศ[24] เขาพำนักอยู่ที่ปารีสและยังคงเคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางเหล่าผู้อพยพขวาของรัสเซีย[25] และหลังจากความพ่ายแพ้ของฝรั่งเศสในตอนต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง เขาจึงย้ายไปอยู่ที่สหรัฐ[26] และถึงแก่อสัญกรรมใน ค.ศ. 1943[1]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 Hildermeier 2000, p. 376.
- ↑ Trapeznik 2007, p. 39.
- ↑ Radkey 1958, p. 80.
- ↑ Radkey 1958, p. 82.
- ↑ Hildermeier 2000, pp. 187, 376.
- ↑ Boniece 1995, p. 197.
- ↑ Radkey 1958, p. 138.
- ↑ Radkey 1958, p. 136.
- ↑ 9.0 9.1 Radkey 1958, p. 198.
- ↑ Radkey 1958, p. 209.
- ↑ Rabinowitch 1978, p. 55.
- ↑ Lincoln 1989, p. 236.
- ↑ Rabinowitch 1978, p. 259.
- ↑ Figes 1998, p. 510.
- ↑ Radkey 1963, p. 19.
- ↑ Radkey 1963, p. 39.
- ↑ Radkey 1963, p. 80.
- ↑ Carr 1966, p. 251.
- ↑ Figes 1998, p. 578.
- ↑ Smele 1996, p. 37.
- ↑ Lincoln 1989, pp. 236–237.
- ↑ Smele 1996, p. 45.
- ↑ 23.0 23.1 23.2 Figes 1998, p. 585.
- ↑ Smele 1996, p. 113.
- ↑ Johnston 1988, p. 48.
- ↑ Collomp 2005, p. 124.
บรรณานุกรม
[แก้]- Abraham, Richard (1990). Alexander Kerensky: The First Love of the Revolution (ภาษาอังกฤษ). Columbia University Press. p. 503. ISBN 9780231061094. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-07-29. สืบค้นเมื่อ 2024-06-10.
- Boniece, Sally A. (1995). Maria Spiridonova, 1884-1918: Feminine Martyrdom and Revolutionary Mythmaking (pdf) (วิทยานิพนธ์) (ภาษาอังกฤษ). Universidad de Indiana. OCLC 34461219.
{{cite thesis}}
:|format=
ต้องการ|url=
(help) - Carr, Edward Hallett (1966). The Bolshevik Revolution 1917-1923 Volume One (ภาษาอังกฤษ). Penguin. p. 448. OCLC OL23131550M.
{{cite book}}
: ตรวจสอบค่า|oclc=
(help) - Collomp, Catherine (2005). "The Jewish Labor Committee, American Labor, and the Rescue of European Socialists, 1934-1941". International Labor and Working-Class History. 68: 112-133.
- Deutscher, Isaac (1997). The Prophet Armed: Trotsky, 1879-1921 (ภาษาอังกฤษ). Replica Books. p. 540. ISBN 9780735100145. [1] [2]
- Figes, Orlando (1998). A people's tragedy: the Russian Revolution, 1891-1924 (ภาษาอังกฤษ). Penguin Books. p. 923. ISBN 9780140243642.
- Hildermeier, Manfred (2000). The Russian Socialist Revolutionary Party Before the First World War (ภาษาอังกฤษ). LIT Verlag. p. 385. ISBN 9783825842598.
- Johnston, Robert H. (1988). New Mecca, New Babylon: Paris and the Russian Exiles, 1920-1945 (ภาษาอังกฤษ). McGill-Queen's Press. p. 264. ISBN 9780773561588.
- Lincoln, W. Bruce (1989). Red Victory: A History of the Russian Civil War (ภาษาอังกฤษ). Simon & Schuster. p. 637. ISBN 0671631667.
- Rabinowitch, Alexander (1991). Prelude to Revolution: The Petrograd Bolsheviks and the July 1917 Uprising (ภาษาอังกฤษ). Indiana University Press. p. 320. ISBN 9780253206619.
- Rabinowitch, Alexander (1978). The bolsheviks come to power. The revolution of 1917 in Petrograd (ภาษาอังกฤษ). W. W. Norton & Company. p. 393. ISBN 9780393008937.
- Radkey, Oliver H. (1958). The Agrarian Foes of Bolshevism: Promise and Default of the Russian Socialist Revolutionaries February to October 1917 (ภาษาอังกฤษ). Columbia University Press. p. 521. ISBN 9780231021708.
- Radkey, Oliver H. (1963). The sickle under the hammer; The Russian Socialist Revolutionaries in the early months of the Soviet rule (ภาษาอังกฤษ). Columbia University Press. p. 525. OCLC 422729.
- Smele, Jonathan D. (1996). Civil war in Siberia: the anti-Bolshevik government of Admiral Kolchak, 1918-1920 (ภาษาอังกฤษ). Cambridge University Press. p. 759. ISBN 9780521573351. [3] [4]
- Trapeznik, Alexander (2007). V. M. Chernov : theorist, leader, politician (ภาษาอังกฤษ). Cambridge Scholars Press. p. 172. ISBN 9781847180865.
- Wells, Benjamin (2004). The Union of Regeneration: the Anti-Bolshevik Underground in Revolutionary Russia, 1917-1919 (pdf) (วิทยานิพนธ์) (ภาษาอังกฤษ). Universidad de Londres. OCLC 500281924. สืบค้นเมื่อ 17 กันยายน 2012.