ข้ามไปเนื้อหา

ธีรศักดิ์ หลงจิ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ธีรศักดิ์ หลงจิ
เกิดพ.ศ. 2535
จังหวัดตรัง ประเทศไทย
เสียชีวิต18 มิถุนายน พ.ศ. 2561 (26 ปี)
เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี ประเทศไทย
สาเหตุเสียชีวิตการประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษ
สุสานกุโบร์สาธารณะประโยชน์บ้านนาป้อ
สัญชาติไทย
ชื่ออื่นมิกโคกพลา
มีชื่อเสียงจากเป็นบุคคลแรกที่ถูกประหารชีวิตในรอบ 9 ปีในประเทศไทย
สถานะทางคดีถูกประหารชีวิต
เหตุจูงใจความหึงหวง
พิพากษาลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นอย่างทารุณโหดร้ายเพื่อชิงทรัพย์ มาตรา 289 (5) และมาตรา 340 วรรค 5
ข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนา
ชิงทรัพย์
บทลงโทษประหารชีวิต
รายละเอียด
ผู้เสียหายดนุเดช สุขมาก, 17 ปี
วันที่17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ประเทศประเทศไทย
รัฐจังหวัดตรัง
ตำแหน่งสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95 (เขาแปะช้อย)
อาวุธมีดเหน็บ
วันที่ถูกจับ
19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
จำคุกที่เรือนจำกลางเขาบิน
เรือนจำกลางบางขวาง

ธีรศักดิ์ หลงจิ หรือฉายามิกโคกพลา (พ.ศ. 2535 – 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561) เป็นฆาตกรที่กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นอย่างทารุณโหดร้ายเพื่อชิงทรัพย์ ในคดีฆาตกรรมนายดนุเดช สุขมาก ด้วยการแทงจำนวณ 24 แผลเพื่อชิงทรัพย์ในจังหวัดตรัง เขาถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษที่เรือนจำกลางบางขวางในวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561 และเป็นผู้ถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษเป็นรายที่7ของประเทศไทยซึ่งเป็นการประหารชีวิตครั้งล่าสุดของประเทศไทย โดยเขาเป็นผู้ถูกประหารชีวิตรายแรกในรอบ 9 ปีหลังการประหารชีวิตนายบัณฑิต เจริญวานิชและนายจิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์ในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552[1][2][3]

ประวัติ

[แก้]

เขาเคยถูกจับกุมหลายครั้งทั้งข้อหาเสพยาเสพติด ครอบครองกัญชาและครอบครองปืนลูกซองสั้น ซึ่งแก๊งค์ของเขาที่มีพฤติกรรมในการจี้ชิงทรัพย์นักเรียนในพื้นที่อำเภอเมืองตรัง[4]

การฆาตกรรม

[แก้]

ในวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 นายดนุเดช สุขมาก อายุ 17 ปี ถูกเขาและวัยรุ่นชายอีกคนใช้มีดปลายแหลมไล่แทง ดนุเดชได้วิ่งหนีเข้าไปภายในสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95 และถูกกระหน่ำแทง 24 แผลจนเสียชีวิต จากนั้นคนร้ายได้เอากระเป๋าสตางค์ซึ่งมีเงินสดประมาณ 2,000 บาทและโทรศัพท์มือถือหลบหนีไป[5]

การจับกุม การพิจารณาคดี

[แก้]

เขาถูกจับกุมขณะยืนอยู่หน้าวิทยาลัยเทคนิคตรังในวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555[6] ซึ่งเขารู้จักดนุเดชและแรงจูงใจในการฆาตกรรมคือความหึงหวงแฟนสาวของดนุเดช[7] เขามีประวัติถูกจับกุมหลายครั้งก่อนที่จะก่อเหตุฆาตกรรม เขาถูกจับในข้อหาเสพยา ครอบครองกัญชา และกระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน ส่วนผู้ก่อเหตุคนอื่นยังหลบหนีการจับกุมอยู่[8] ซึ่งเขาถูกตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและร่วมกันชิงทรัพย์ ศาลชั้นต้นได้พิพากษาประหารชีวิต และศาลอุทธรณ์กับศาลฎีกาพิพากษายืนประหารชีวิตเป็นผลให้คดีถึงที่สุด[9] ซึ่งเขาได้ถวายฎีกาทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษแต่ฎีกาดังกล่าวได้ถูกยกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2561 แต่การประหารชีวิตถูกเลื่อนไปเป็นเดือนมิถุนายนเนื่องจากเดือนพฤษภาคมเป็นเดือนรอมฎอน[10]

การประหารชีวิต

[แก้]

ในช่วงบ่ายของวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวเขาจากแดนที่คุมขังภายในเรือนจำกลางบางขวาง เพื่อแจ้งผลฎีกาทูลเกล้า หลังจากนั้นเขาได้ขอโทรศัพท์เพื่อสั่งเสียครอบครัวและพูดคุยกับภรรยา เขาได้ขอโทษภรรยาและเอ่ยปากสารภาพกับภรรยาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

ได้ทำผิดพลาดไปแล้วและขอให้ดูแลลูกให้ดีและขอให้ภรรยารักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีตนเองคงไม่ได้ดูแลครอบครัวได้อีกต่อไปเพราะได้กระทำความผิดกับชีวิตผู้อื่น

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพิมพ์ลายนิ้วมือและตรวจสอบกับแผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือของนักโทษที่มีอยู่ในสำนวนและหมายศาลมาทำการตรวจสอบ เพื่อความถูกต้องชัดเจนว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับทะเบียนประวัติที่เก็บอยู่ในกองทะเบียนประวัติอาชญากรเพื่อไม่ให้มีการประหารผิดตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้นักโทษทำพิธีทางศาสนาเป็นครั้งสุดท้ายทั้งนี้หากนักโทษมีความประสงค์จะขอทำพินัยกรรมก็จะจัดการและเรือนจำได้จัดอาหารมื้อสุดท้ายให้เขาเป็นเมนูข้าวเหนียวไก่ย่างให้ตามที่เขาต้องการ[11] เมื่อเริ่มการประหารชีวิตเขาเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่เพชฌฆาตได้ฉีดยาเข้าที่บริเวณเส้นเลือดแขนข้างซ้ายในจุดให้น้ำเกลือแต่การควานหาเส้นเลือดทำด้วยความยากลำบากเนื่องจากเขาเส้นเลือดเปราะและมีรอยสักเต็มตัว การเดินยาเข็มแรกเป็นโซเดียมไทโอเพนทอลเพื่อให้นักโทษรู้สึกผ่อนคลายและหลับไปประมาณ 10 นาทีหลังจากนั้นเพชฌฆาตได้เดินยาเข็มที่ 2แพนคูโรเนียมโบรไมด์และเข็มที่ 3โพแทสเซียมคลอไรด์จนหัวใจหยุดเต้น จากนั้นเป็นการชันสูตรศพของคณะกรรมการและพนักงานสอบสวนที่เดินทางมาเฝ้าสังเกตการณ์ เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการประหารชีวิต ในระหว่างการประหารชีวิตเขาได้สวดบทสวดของศาสนาอิสลามด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออยู่ตลอดเวลาบนเตียงประหาร[12] หลังการประหารชีวิตศพของเขาได้ถูกฝังตามพิธีตามศาสนาอิสลามและนำไปฝังที่กุโบร์สาธารณประโยชน์บ้านนาป้อ[13]

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. ความตายในรอบ 9 ปี 'ราชทัณฑ์' ประหารชีวิตนักโทษชาย คดีฆ่าชิงทรัพย์
  2. ก่อเหตุอะไร โหดแค่ไหน ย้อนรอยคดี นักโทษถูกประหารแห่งปี 2561
  3. เปิดแฟ้ม 7 คดีดัง “โทษประหาร” บ้างตาย บ้างรอชดใช้กรรม
  4. รวบแล้ว 1 มือแทงนักเรียน ม.5 ตรังดับ
  5. ฉีดยาประหารชีวิต “ธีรศักดิ์ หลงจิ”
  6. รวบมือมีดรุมแทงเด็กม.5
  7. "Killer put to death". Bangkok Post. 19 June 2018. สืบค้นเมื่อ 9 October 2022.
  8. เปิดประวัติ “มิ๊ก” นักโทษประหาร ทั้ง “ฆ่า-จี้-พัวพันยา” ตั้งแต่อายุไม่ถึง 19
  9. ย้อนรอยจุดนักโทษประหาร ฆ่าหนุ่ม ม.5สุดเหี้ยม เผยก่อคดีตั้งแต่ปี 51
  10. หนังสือคำสารภาพสุดท้ายของนักโทษประหาร เผยแพร่ปีพ.ศ. 2565 โดยอรรถยุทธพวงสุวรรณ
  11. เปิดขั้นตอนฉีดยาประหารนักโทษรายที่ 7 !!!
  12. เผยนาทีฉีดยาประหาร นักโทษร่ายบทสวดแบบเสียงสั่น ก่อนหมดลม!
  13. ฝังศพนักโทษประหารกลางดึก ตามพิธีอิสลาม 'แม่' ลั่นเชื่อลูกบริสุทธิ์
ก่อนหน้า
บัณฑิต เจริญวานิชและจิรวัฒน์ พุ่มพฤกษ์
24 สิงหาคม 2552
บุคคลที่ถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษในประเทศไทย
ธีรศักดิ์ หลงจิ
18 มิถุนายน 2561
ถัดไป
ไม่มี