คลองแม่ข่า
คลองแม่ข่า, น้ำแม่ข่า หรือ แม่น้ำข่า เป็นคลองโบราณสายหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในชัยภูมิที่พญามังรายทรงเลือกที่จะสร้างเมืองเชียงใหม่เมื่อกว่า 700 ปีที่แล้ว เดิมคลองแม่ข่าทำหน้าที่เป็นคูเมืองชั้นนอกที่โอบล้อมเมือง และเป็นทางระบายน้ำล้นลงสู่แม่น้ำปิง แต่จากการขยายตัวของชุมชนเมืองเมื่อสามทศวรรษที่ผ่านมาทำให้น้ำในคลองเน่าเสียหนัก ซึ่งได้มีความพยายามที่จะพัฒนาคลองนี้ให้กลับมามีสภาพปรกติดังเดิมแต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ
ประวัติ
[แก้]คลองแม่ข่า หรือ น้ำแม่ข่า เป็นคลองโบราณที่ปรากฏใน ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ที่อธิบายถึงชัยภูมิ 7 ประการ และแหล่งน้ำ 4 แห่ง อันเป็นเหตุผลที่พญามังรายทรงเลือกที่จะสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1839[1] โดยชัยภูมิ 7 ประการ และแหล่งน้ำ 4 แห่ง มีดังนี้[2]
|
|
และยังปรากฏใน พื้นเมืองเชียงใหม่ อีก ความว่า[3]
"...อยู่ที่นี่ หันน้ำตกแต่อุชุปัตตาดอยสุเทพ มาเป็นแม่น้ำไหลไปหนเหนือ แล้วไหลดะไปหนวันออก แล้วไหลไปใต้ แล้วไหลไปวันตกเกี้ยวเวียงกุมกาม แม่น้ำนี้เป็นนครคุณเกี้ยวเมืองอันนี้..."
คลองแม่ข่าไหลจากมาจากอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นสายน้ำที่หล่อเลี้ยงเมืองเชียงใหม่ ในอดีตคลองแม่ข่าทำหน้าที่ทั้งเส้นทางสัญจร เป็นคูเมืองชั้นนอกเพราะคลองนั้นโอบรอบเวียง และยังเป็นทางระบายน้ำ มวลน้ำบางส่วนจะไหลไปรวมกันที่หนองบัวเจ็ดกอ (บ้างเรียก หนองบัว, หนองเขียว หรือหนองป่าแพ่ง) ซึ่งเป็นหนองน้ำโบราณที่มีมาตั้งแต่สร้างเมืองเชียงใหม่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง ก่อนไหลไปสู่แม่น้ำปิง[2] แต่ปัจจุบันหนองน้ำดังกล่าวสิ้นสภาพไปแล้วและถูกถนนอัษฎาธรตัดผ่านเพื่อไปบรรจบกับถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง[2] ในอดีตหนองน้ำนี้จะทำหน้าที่รองรับมวลน้ำมหาศาลซึ่งถือเป็นการป้องกันอุทกภัย อันแสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านการจัดการน้ำของชาวเชียงใหม่ในอดีต[2] และชาวเชียงใหม่ในอดีตกล่าวว่าหากปีใดหนองบัวไม่มีน้ำจะเกิดทุกข์ เป็นอาทิ[2] คลองแม่ข่าจะทำหน้าที่ส่งน้ำเลี้ยงคูเมืองชั้นนอก และยังรับน้ำจากลำห้วยต่าง ๆ ที่ไหลลงสู่เมืองเชียงใหม่ไม่ให้ไหลลงแม่น้ำปิงไปเสียก่อนเพื่อกระจายน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคแก่บรรดาชุมชนต่าง ๆ ที่เรียงรายไปตามลำคลอง[4]
ในอดีตคลองแม่ข่ามีความอุดมสมบูรณ์ น้ำใสสะอาด ชาวบ้านสามารถใช้ประโยชน์จากน้ำจากคลอง รวมทั้งสามารถจับปลาและปูที่อยู่ในคลองมาบริโภคได้[3][5] แต่ด้วยความที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การศึกษา และวัฒนธรรมของภาคเหนือ ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของเมืองเชียงใหม่อย่างไร้ระบบในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา มีชุมชนแออัดผุดขึ้นรวมทั้งเกิดการบุกรุกคลองแม่ข่าทำให้มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น คลองมีขนาดแคบลงกว่าแต่ก่อน และทรุดโทรมอย่างยิ่ง[3][6] ทั้งมีการทิ้งน้ำเสียจากทั้งจากสถานประกอบการต่าง ๆ จนถึงระดับครัวเรือนที่ขาดระบบบำบัดน้ำเสีย จนทำให้คลองแม่ข่าเน่าเสียมายาวนานจนเป็นปัญหาเรื้อรังที่แก้ไม่ตก และใช้งบประมาณในการทำความสะอาดคลองหลายล้านบาทในแต่ละปี[7] จากการศึกษาคุณภาพน้ำพบว่าน้ำในคลองนั้นเสียอยู่ในระดับที่ 5 คือคุณภาพเสียสูงสุด ไม่สามารถนำมาใช้อุปโภคบริโภคได้อีก มีอ็อกซิเจนต่ำกว่ามาตรฐาน ทั้งพบสารปนเปื้อน อาทิ อีโคไลน์ ไนเตรต และฟอสฟอรัสสูงกว่าปรกติ ทำให้น้ำมีกลิ่นเหม็นและมีสีขุ่นดำ[6]
ต้นปี พ.ศ. 2560 ทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ที่ร่วมมือกับทุกภาคส่วน วางแผนที่จะฟื้นฟูคลองแม่ข่าซึ่งเป็นคลองสายประวัติศาสตร์นี้ โดยใช้งบประมาณ 50 ล้านบาทสำหรับการขุดลอกคลอง กำจัดวัชพืช ติดตั้งเครื่องเติมอากาศ ใช้พืชน้ำบัดบัดน้ำเสีย และจ้างคนดูแลคลองด้วย อันเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ยูเนสโกพิจารณาเมืองเชียงใหม่เป็นมรดกโลก[8] หลายฝ่ายมองว่าทั้งคลองแม่ข่าและลำคูไหวซึ่งเป็นคลองสาขาของคลองแม่ข่าสายหนึ่ง ถือเป็นมรดกที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เชียงใหม่ที่ควรได้รับการพัฒนาสำหรับเป็นจุดขายการท่องเที่ยวได้[9]
ลักษณะ
[แก้]คลองแม่ข่าเป็นธารน้ำจากภูเขามีต้นกำเนิดแถบอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย คือลำห้วยแม่ชะเยืองและห้วยตึงเฒ่าไหลรวมเข้ากับลำเหมืองกลางและลำเหมืองแม่หยวกเป็นคลองแม่ข่า[10] ที่ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่[11] ไหลผ่านตัวอำเภอเมืองเชียงใหม่โดยมีลักษณะไหลโอบรอบเวียง[2] ที่ไหลเลี่ยงเมืองจากมุมเมืองด้านเหนือลงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีกำแพงเมืองชั้นนอกช่วยเบนคลองแม่ข่าห่างเมืองออกไปทางทิศตะวันออกแล้ววกมาทางใต้สมทบกับห้วยแก้วและลำห้วยต่าง ๆ ไหลไปตามชุมชนต่าง ๆ ขนานไปกับแม่น้ำปิง[4] ก่อนไหลรวมเข้ากับแม่น้ำปิงที่สบข่าในอำเภอหางดง[11] รวมความยาวราว 31 กิโลเมตร[1] คลองมีลักษณะคดโค้งบางช่วง แต่ปัจจุบันมีคลองบางส่วนโดยเฉพาะในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่มีการทำแนวคอนกรีตด้วย[11]
คลองแม่ข่ามีลำน้ำสาขาคือน้ำแม่ท่าช้าง โดยไหลเชื่อมเข้ากับคลองแม่ข่าเหนือแจ่งศรีภูมิ 500 เมตร กับอีกสายคือลำคูไหว ที่เริ่มต้นจากแจ่งกู่เฮืองบรรจบกับคลองแม่ข่าที่ถนนสุริยวงศ์ ที่ลำน้ำสองสายนี้จะทำหน้าที่ระบายน้ำออกจากคูเมืองเชียงใหม่[10]
ส่วนปัญหาด้านมลพิษในน้ำจะพบว่าบริเวณต้นคลองที่อำเภอแม่ริมนั้นไม่มีปัญหารุนแรง แต่ในอำเภอเมืองเชียงใหม่นั้นถูกรุกล้ำและเน่าเสียอย่างรุนแรง[5][6][11] โดยเฉพาะจุดที่เชื่อมกับลำคูไหวที่ประสบปัญหาน้ำเน่าเสียเช่นกัน[5][6] ทั้งทำหน้าที่รับน้ำฝนและน้ำทิ้งของเมือง[10] ส่วนลำเหมืองกลางที่ชักน้ำใสสะอาดจากบึงประดิษฐ์นั้นก็แทบจะไม่ช่วยให้คลองแม่ข่าสะอาดขึ้นแม้แต่น้อย[11] เมื่อน้ำไหลไปถึงตำบลป่าแดดซึ่งเป็นปลายน้ำก่อนไหลลงสบข่า ก็ยิ่งทวีกลิ่นเน่าเหม็นอันส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนในชุมชน รวมทั้งเกษตรกรที่เลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำปิง[12] ซึ่งบริเวณประตูน้ำตรงสบข่านั้นน้ำในคลองจะมีสีดำตัดกับสีของแม่น้ำปิงอย่างชัดเจน ผิวน้ำจะมีฟองอากาศ และคราบน้ำมันส่งกลิ่นเหม็น[11]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 "คลองแม่ข่ากับการพัฒนาที่ยั่งยืน". หน่วยวิจัยภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-16. สืบค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : อมรินทร์, 2552, หน้า 133-137
- ↑ 3.0 3.1 3.2 "คลองแม่ข่า น้ำแม่ข่าในยุคที่เทศบาลทำผนังซีเมนต์ปิดทึบทั้ง 2 ฝั่ง เมื่อ พ.ศ. 2510". สำนักหอสมุดและสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-21. สืบค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 4.0 4.1 ศรีศักร วัลลิโภดม. สร้างบ้านแปงเมือง. กรุงเทพฯ : มติชน, 2560, หน้า 71-73
- ↑ 5.0 5.1 5.2 "ฟื้นฟูสภาพน้ำคลองแม่ข่า เริ่มที่ต้นตอผุดบ่อบำบัดชุมชน ?". คมชัดลึก. 6 มกราคม 2558. สืบค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 "เปลี่ยนปัญหา เป็นโอกาส : คลองแม่ข่า THE HIDDEN GEMS OF CHIANG MAI". Dream Action. 10 สิงหาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ชี้เหตุ "คลองแม่ข่า" เน่าหนัก หลังพบผู้ประกอบการกว่า 150 รายต่อท่อทิ้งน้ำเสียไร้บำบัด". ASTV ผู้จัดการออนไลน์. 4 ธันวาคม 2557. สืบค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)[ลิงก์เสีย] - ↑ "ระดมสมอง ดัน 'เชียงใหม่' สู่มรดกโลก ทุ่ม 50 ล้าน ฟื้น 'คลองแม่ข่า' สายน้ำประวัติศาสตร์". มติชนออนไลน์. 12 มกราคม 2560. สืบค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "มหัศจรรย์เวียงเจ็ดลิน ของดีที่ถูกลืม". ประชาไท. 27 กันยายน 2548. สืบค้นเมื่อ 26 มีนาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 10.0 10.1 10.2 "ระบบพยากรณ์และเตือนภัยน้ำท่วม เขตเมืองเชียงใหม่". หน่วยวิจัยภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-01-09. สืบค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 11.0 11.1 11.2 11.3 11.4 11.5 "แม่ข่า จากลำห้วยใหญ่น้อยต้นน้ำ สู่คลองระบายน้ำของชุมชน". COMPASS. สืบค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)[ลิงก์เสีย] - ↑ "ชาวบ้านป่าแดด เชียงใหม่โวย ทนทุกข์ดมกลิ่นน้ำเน่าเหม็น "คลองแม่ข่า" กว่า 30 ปี วอนรัฐเร่งแก้ปัญหา". MGR Online. 9 กุมภาพันธ์ 2560. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-02-12. สืบค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- คลองแม่ข่ากับการพัฒนาที่ยั่งยืน เก็บถาวร 2017-04-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน หน่วยวิจัยภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ — เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ