ปูม้า

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก Cancer pelagicus)
ปูม้า
ปูม้าตัวผู้
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Arthropoda
ไฟลัมย่อย: Crustacea
ชั้น: Malacostraca
อันดับ: Decapoda
อันดับฐาน: Brachyura
วงศ์: Portunidae
สกุล: Portunus
สปีชีส์: P.  armatus
ชื่อทวินาม
Portunus armatus
(Linnaeus, 1758)
ชื่อพ้อง
  • Cancer pelagicus Linnaeus, 1758

ปูม้า (ชื่อวิทยาศาสตร์: Portunus armatus อดีตคือ Portunus pelagicus[1]) จัดเป็นปูที่อาศัยอยู่ในทะเลชนิดหนึ่ง ที่อยู่ในสกุล Portunus ซึ่งพบทั้งหมด 90 ชนิดทั่วโลก และพบในน่านน้ำไทยราว 19 ชนิด[2]

ลักษณะ[แก้]

ลักษณะทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนตัว, อก และท้อง ส่วนหัวและอกยุบรวมกัน มีกระดองหุ้มอยู่ตอนบน ทางด้านข้างทั้งสองของกระดองจะเป็นรอยหยักคล้ายฟันเลื่อยเป็นหนามแหลมข้างละ 9 อัน มีขาเดิน 5 คู่ คู่แรกเปลี่ยนแปลงไปเป็นก้ามใหญ่เพื่อใช้ป้องกันตัวและจับอาหาร ขาคู่ที่ 2, 3 และ 4 จะมีขนาดเล็กปลายแหลมใช้เป็นขาเดิน ขาคู่สุดท้ายตอนปลายมีลักษณะเป็นใบพายใช้ในการว่ายน้ำ ขนาดกระดองสามารถโตเต็มที่ได้ราว 15–20 เซนติเมตร

การกระจายพันธุ์[แก้]

สำหรับปูม้าในประเทศไทยสามารถพบได้แทบทุกจังหวัดทั้งฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย โดยอาศัยอยู่บริเวณปากแม่น้ำและแถบชายฝั่งทะเล หากินในเวลากลางคืน โดยจะฝังตัวอยู่ใต้พื้นทราย แล้วโผล่มาแค่ลูกตา จะพบได้ในระดับน้ำลึกที่ตื้นกว่า 40 เมตร พบได้ชุกชุกชุมที่ระดับ 7–30 เมตร

การขยายพันธุ์[แก้]

ปูม้าตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะแตกต่างกันที่จับปิ้งและสี ตัวผู้มีก้ามยาวเรียวกว่า มีสีฟ้าอ่อนและมีจุดขาวตกกระทั่วไปบนกระดองและก้าม พื้นท้องเป็นสีขาว จับปิ้งเป็นรูปสามเหลี่ยมเรียวสูง ตัวเมียจะมีก้ามสั้นกว่ากระดองและก้ามมีสีฟ้าอมน้ำตาลอ่อนและมีจุดขาวประทั่วไปทั้งกระดองและก้าม เมื่อถึงฤดูกาลวางไข่ ปูม้าตัวเมียจะมีไข่ติดอยู่บริเวณระยางค์ซึ่งเคยเป็นขาว่ายน้ำในระยะวัยอ่อน โดยในระยะแรกไข่จะอยู่ภายในกระดองต่อมากระดองทางหน้าท้องเปิดออกมาทำให้สามารถเห็นไข่ชัดเจน จึงมักเรียกปูม้าในระยะนี้ว่าปูม้าที่มีไข่นอกกระดอง ไข่นอกกระดองนี้ในขณะที่เจริญแบ่งเซลล์อยู่ภายในเปลือกไข่ สีของไข่จะค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีเหลืองอมส้มเป็นสีเหลืองปนเทา สีเทาและสีเทาอมดำ ปูม้าที่มีไข่สีเทาอมดำนั้นจะวางไข่ภายใน 1–2 วัน วางไข่ได้ตลอดทั้งปี ตัวหนึ่งมีไข่ได้ถึง 120,000–1,300,000 ฟอง มีระยะเวลาการผสมพันธุ์นานถึง 12 วัน หลังผสมพันธุ์ ตัวผู้จะยังเกาะหลังตัวเมียต่อไปอีก 2 วัน

ความสำคัญทางเศรษฐกิจ[แก้]

ปูม้า นับเป็นปูอีกชนิดหนึ่งที่มนุษย์ใช้ปรุงเป็นอาหารเช่นเดียวกับปูทะเล (Scylla sp.) โดยใช้ปรุงได้ทั้งอาหารยุโรป, อาหารจีน, อาหารญี่ปุ่นและอาหารไทย สำหรับอาหารไทยนั้นยังอาจปรุงเป็นส้มตำปูม้าได้อีกด้วย

ปูม้า จึงเป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่หน่วยงานภาครัฐ คือ กรมประมงได้ทำการเพาะขยายพันธุ์ในที่เลี้ยงและส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไทยเลี้ยงในเชิงพาณิชย์[3] เช่น ที่จังหวัดกระบี่ เป็นต้น[4]

อ้างอิง[แก้]

  1. Craig, John F. (2016-01-12). Freshwater Fisheries Ecology. Wiley. pp. 57–. ISBN 9781118394403. สืบค้นเมื่อ 2 November 2017.
  2. "ปูม้า". crab-tef. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-08-06. สืบค้นเมื่อ 2010-06-11.
  3. "การเพาะเลี้ยงปูม้า". กรมประมง. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-06-05. สืบค้นเมื่อ 2010-06-11.
  4. ""ปูม้า" อาชีพยั่งยืนของคนบ้านติงไหร". pamame.[ลิงก์เสีย]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]