โล่ปราบจลาจล
โล่ปราบจลาจล (อังกฤษ: riot shield) เป็นอุปกรณ์ป้องกันที่มีน้ำหนักเบา ปกติจะใช้งานโดยตำรวจและหน่วยทางทหารบางหน่วย หรือแม้แต่ผู้ประท้วงก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว โล่ปราบจลาจลจะมีความยาวพอที่จะปิดบังตัวคนโดยเฉลี่ยตั้งแต่ศีรษะจนถึงหัวเข่า แม้ว่าบางหน่วยจะมีการใช้งานรุ่นขนาดเล็กกว่าที่สามารถถือได้ด้วยมือเดียวก็ตาม ซึ่งทั่วไปจะมีวัตถุประสงค์ในการปราบจลาจล ใช้เพื่อปกป้องผู้ใช้งานจากการโจมตีระยะประชิดด้วยอาวุธทื่อหรืออาวุธมีคม และยังใช้เป็นที่กำบังในการโยนวัตถุวิถีโค้งไปยังผู้ชุมนุมหรือใช้งานอาวุธที่อันตรายไม่ถึงชีวิต เช่น กระสุนยาง และปืนฉีดน้ำแรงดันสูง นอกจากนี้ยังใช้เป็นอาวุธระยะประชิดระยะสั้นสำหรับผลักดันกองกำลังหรือฝูงชนฝ่ายตรงข้าม โล่ปราบจลาจลส่วนใหญ่ไม่สามารถป้องกันจากกระสุนปืนได้ ซึ่งโล่กันกระสุนจะถูกนำมาใช้งานในสถานการณ์ที่คาดว่าจะมีการต่อต้านด้วยอาวุธหนัก
โล่ปราบจลาจลถูกใช้ในเกือบทุกประเทศที่มีกองกำลังตำรวจตามรูปแบบมาตรฐาน และถูกผลิตสำหรับใช้งานโดยบริษัทหลายแห่ง ในการบังคับใช้กฎหมายโล่ปราบจลาจลจะถูกใช้งานร่วมกับกระบอง โล่ปราบจลาจลที่จัดทำขึ้นสำหรับการบังคับใช้กฎหมายมักจะถูกสร้างขึ้นจากโพลีคาร์บอเนตโปร่งใสเพื่อให้ผู้ถือสามารถมองเห็นวัตถุที่ถูกโยนเข้ามา ส่วนของโล่จลาจลที่ผู้ประท้วงใช้งานนั้นมักจะสร้างจากวัสดุชั่วคราว เช่น ไม้ เศษโลหะ หรือถังพลาสติก แม้ว่าโล่ปราบจลาจลจะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้ผู้ประท้วงฝ่าแนวตำรวจไปได้ แต่การใช้โล่ในลักษณะนี้มักจะกระตุ้นให้เกิดการขว้างปาวัตถุสิ่งของใส่แนวโล่ได้[1]
ประวัติ
[แก้]สมาพันธ์ตำรวจแห่งอังกฤษและเวลส์เริ่มล็อบบี้ให้นำโล่ปราบจลาจลมาใช้หลังจากเหตุจลาจลในเทศกาลนอตติ้งฮิลล์คาร์นิวัลเมื่อปี พ.ศ. 2519 ซึ่งระหว่างเทศกาลนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากได้รับบาเจ็บจากการถูกขว้างปาก้อนหิน อิฐ และขวดใส่ ซึ่งในเวลานั้นโล่ปราบจลาจลมีการใช้งานอยู่ก่อนแล้วในไอร์แลนด์เหนือและยุโรปแผ่นดินใหญ่[2] ซึ่งกองกำลังสหราชอาณาจักรได้ส่งพวกมันไปในช่วงเหตุฉุกเฉินไซปรัสช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950[3][4][5] ตำรวจฝรั่งเศสใช้งานโล่ปราบจลาจลในเหตุจลาจลเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2511[6][7] และกองกำลังสหราชอาณาจักรได้ใช้โล่ปราบจลาจลในไอร์แลนด์เหนือมาตั้งแต่อย่างน้อยช่วงปี พ.ศ. 2512[8] โล่ปราบจลาจลถูกใช้งานครั้งแรกในอังกฤษระหว่างยุทธการที่เลวิแชมในปี พ.ศ. 2520[9][10] ในขณะที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลออกแบบให้โล่ปราบจลาจลเป็นเพียงอุปกรณ์ตั้งรับและป้องกันตัวเท่านั้น นิว ไซแอนทิสต์ รายงานว่า "ชิ้นโล่ (ที่ใช้ในเลวิแชม) เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือในการปฏิบัติการที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวรุนแรงอย่างยิ่ง" ผู้ประท้วงจำนวนมากจงใจทุบเข้าใส่โล่ปราบจลาจลของตำรวจ โดยโฆษกตำรวจระบุว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้สึกว่าตนถูกคุกคาม ก็มักจะตอบโต้ด้วยทุกอย่างที่อยู่ในมือของตนเอง และเสริมว่า "ผมไม่เห็นวิถีทางที่จะหยุดไม่ให้เขาใช้โล่ปราบจลาจลตอบโต้เลย"[2]
ในระหว่าการจลาจลในไอร์แลนด์เมื่อคริสต์ทศวรรษ 1960 และ 1970 มีการบันทึกไว้ว่าไม่มีการใช้งานโล่ปราบจลาจล ขณะที่บุคลากรของกองทัพบกโต้การประท้วงที่เคอร์ราห์ พวกเขาเลือกที่จะใช้ดาบปลายปืนสำหรับการปราบจลาจลเมื่อมีโล่ปราบจลาจลใช้งานประกอบกันด้วย เมื่อเกิดการจลาจลที่ลิฟฟอร์ด ผลคือทำให้กิดการบาดเจ็บของตำรวจไอร์แลนด์จำนวน 9 นาย มีรายงานว่าในเหตุการณ์นั้นไม่มีโล่ปราบจลาจลสำหรับใช้งาน ในการจลาจลที่โมนาฮัน บุคลากรของกองทัพบกจำนวน 44 นายถูกส่งเข้าไปปราบจลาจลในขณะที่มีโล่ปราบจลาจลเพียง 5 ชิ้นเท่านั้นที่ใช้สำหรับกั้นระหว่างพวกเขากับผู้ก่อจลาจล เพื่อตอบสนองต่อปัญหาการขาดแคลนโล่ปราบจลาจล จึงมีการสั่งผลิตโล่ปราบจลาจลจำนวน 200 ชิ้นในเมืองดับลินเมื่อปี พ.ศ. 2515[11]
การออกแบบและประเภท
[แก้]ปกติแล้วโล่ปราบจลาจลจะทำมาจากโพลีคาร์บอเนตโปร่งใสที่มีความหนาระหว่าง 4–6 มิลลิเมตร (0.16–0.24 นิ้ว) โล่ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อการแตกหัก แม้ว่าทั่วไปแล้วจะไม่สามารถกันกระสุนได้ก็ตาม[12] โล่บางชนิดที่ใช้ในการตอบโต้ผู้ก่อจลาจลสามารถป้องกันจากกระสุนปืนความเร็วต่ำที่ยิงมาจากปืนพกหรือปืนลูกซอง อย่างไรก็ตาม มีการใช้โล่กันกระสุนแทนในสถานการณ์ที่คาดว่าจะมีการตอบโต้เจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธหนัก[13]
โล่โดยทั่วไปจะมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมหรือวงกลม มีความยาวระหว่าง 36–48 นิ้ว (91–122 เซนติเมตร) และมีความกว้างที่แตกต่างกันไป โล่ปราบจลาจลส่วนใหญ่หากใช้งานอย่างเหมาะสมจะสามารถปกป้องผู้ใช้งานตั้งแต่ศีรษะจนถึงหัวเข่า[12] ปกติโล่จะมีรูปทรงกระบอกเล็กน้อย และมีด้ามจับที่ทำจากโลหะหรือพลาสติกเสริมแรง ยึดติดด้วยกาวหรือวงแหวน[12] ด้ามจับจะได้รับการออกแบบให้ผู้ถือสามารถถือในลักษณะกำหมัด และมีส่วนป้องกันเพิ่มเติมช่วงปลายแขนสำหรับวางพักแขนได้ รวมถึงอาจจะเป็นสายรัดตีนตุ๊กแกเพื่อยึดให้ปลายแขนอยู่กับที่[12] โล่อาจจะมีช่องเก็บของสำหรับกระบองหรืออาวุธไม่ร้ายแรง และบางชนิดอาจจะออกแบบมาให้สามารถเชื่อมต่อกับโล่อื่นทั้งสองด้านเพื่อสร้างกำแพงโล่ที่มีประสิทธิผลมากขึ้น ซึ่งประเภทของโล่ที่จะใช้งานนั้นมีหลายรูปแบบแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับทั้งสถานการณ์และวัตถุประสงค์ของภารกิจและงบประมาณของหน่วยงาน[12]
โล่เว้าได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ในการตรึงผู้ก่อจลาจลหรือนักโทษลงและใส่กุญแจมือ[14] และโล่ไฟฟ้าออกแบบมาเพื่อส่งไฟฟ้าช็อตในระดับไม่ถึงชีวิตไปยังบุคคลที่โล่นั้นสัมผัส[12][15] โล่ไฟฟ้าถูกผลิตขึ้นในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 มีแถบโลหะด้านนอกโพลีคาร์บอเนต การช็อคไฟฟ้าจะถูกส่งผ่านการกดปุ่มที่ด้านข้างของผู้ถือ ซึ่งโล่ไฟฟ้าทำให้เกิดผู้เสียชีวิตหลายคนจากการถูกใช้งาน[16] ในปี พ.ศ. 2554 เรย์เธียนได้จดสิทธิบัตรสำหรับโล่ปราบจลาจลแบบอะคูสติกส์ (acoustic riot shield) ที่สามารถปล่อย "เสียงความถี่ต่ำซึ่งทำให้เกิดการสะท้อนที่ทางเดินหายใจ ทำให้หายใจลำบาก"[17]
ผู้ประท้วงอาจจะสร้างโล่ปราบจลาจลของตนเอง ซึ่งทำจากวัสดุต่าง ๆ เช่น ไม้, พาร์ติเคิลบอร์ด หรือเศษโลหะ[18][19][20][21]
การใช้งานและประสิทธิผล
[แก้]การเลือกใช้โล่ปราบจลาจลหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้กำลังของผู้บังคับการในการใช้กำลังกับผู้ประท้วง โดยมีข้อแนะนำให้กองกำลังรักษาความสงบที่ใช้โล่ปราบจลาจลร่วมกันกับอาวุธที่ไม่ร้ายแรงถึงชีวิต, การเฝ้าระวัง และกองกำลังสำรอง โล่ปราบจลาจลได้รับออกแบบมาให้เป็นอาวุธด้านการป้องกันเป็นหลัก แม้ว่าจะสามารถนำมาใช้ในลักษณะที่ก้าวร้าวเมื่อนำมาผลักดันสปะทะกับผู้ประท้วงก็ตาม มันถูกออกแบบมาให้ใช้งานติดอยู่กับแขนข้างที่ไม่ถนัดและทำมุมเข้าด้านในเล็กน้อยเพื่อใช้เบี่ยงเบนทิศทางจากวัตถุที่ถูกโยนลงสู่พื้น[12] เมื่อผู้ประท้วงได้ปะทะโดยตรงกับโล่ปราบจลาจล ผู้ประท้วงจะพยายามเข้าแย่งโล่จากเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากผู้ประท้วงพยายามที่จะคว้าส่วนบนของโล่ เจ้าหน้าที่จะได้รับคำสั่งให้โจมตีใส่ผู้ชุมนุมด้วยมืออีกข้างที่ว่างอยู่ หากพยายามคว้าส่วนล่าง เจ้าหน้าที่จะได้รับคำสั่งให้ย่อเข่าลงข้างหนึ่งและกระแทกโล่ลงกับพื้นอย่างแรง เพื่อตรึงนิ้วมือของผู้ประท้วง ซึ่งโล่ปราบจลาจลมักจะใช้ร่วมกับกระบอง[12]
โล่ปราบจลาจลแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการผลักดันผู้ประท้วงกลับออกไป และป้องกันไม่ให้ผู้ประท้วงผลักดันผ่านแนวของตำรวจ เจ้าหน้าที่จากสหภาพแรงงานเหมืองระบุว่า แม้จะเป็นเรื่องยากมากในการฝ่าแนวกั้นของตำรวจเมื่อตำรวจไม่มีโล่และต้องอาศัยรูปขบวนลิ่มในการป้องกันการนัดหยุดงานของคนงานเหมืองสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2515 แต่ในการนัดหยุดงานของคนงานในปี พ.ศ. 2527 กลับกลายเป็นว่าผู้ประท้วงไม่สามารถฝ่าแนวของตำรวจได้เลยเมื่อตำรวจเลิกใช้งานรูปขบวนลิ่มและนำโล่ปราบจลาจลพร้อมกับกระบองมาใช้งานแทน เจ้าหน้าที่ได้ข้อสรุปว่าผู้ประท้วงที่ไม่มีอาวุธจะไม่สามารถต่อต้านตำรวจที่ติดโล่ปราบจลาจลได้เลย[1] การใช้งานประกอบกันของโล่ปราบจลาจลและกระบองถือว่าช่วสเสริมความแข็งแกร่งให้กับกำลังของเจ้าหน้าที่ซึ่งมากพอที่จะรับมือและควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้ ยกเว้นในกรณีที่เกิดการจลาจลที่รุนแรงที่สุด หากมาตรการในการใช้โล่และกระบองไม่เพียงพอ ตำรวจอาจจะยกระดับไปใช้วิธีการอื่นเพิ่มเติม เช่น ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง, แก๊สซีเอส และกระสุนยาง[1]
โล่ปราบจลาจลอาจใช้งานร่วมกับอาวุธอันตรายไม่ถึงชีวิต เช่น แก๊สซีเอส ในวิธีการที่เรียกว่า "เทคนิคการแตะ-ลง" (Tap-down technique) โดยเจ้าหน้าที่ที่มีอาวุธวิถีโค้งจะเข้าหาผู้ถือโล่จากด้านหลัง จากนั้นจะแตะไหล่ผู้ถือโล่เพื่อส่งสัญญาณ ผู้ถือโล่จะตอบสนองด้วยการย่อเข่าลงข้างหนึ่งโดยที่โล่ปราบจลาจลยังตั้งปิดอยู่ด้านหน้า เจ้าหน้าที่ที่ถืออาวุธจะโน้มตัวไปที่หลังของผู้ถือโล่โดยใช้เข่าค้ำ ยื่นอาวุธปืนออกไปเหนือโล่และยิงไปยังผู้ชุมนุมที่เป็นภัยคุกคาม วิธีการนี้ดีที่สุดในการป้องกันทั้งผู้ยิงและผู้ถือโล่[12] ขณะที่ "ชุดสกัด" (Extraction teams) จะประกอบไปด้วยกองกำลังสำรองและทำหน้าเข้าถอนตัวบุคคลที่ตกอยู่ในอันตรายหรือเข้าจับกุมผู้ประท้วงเป็นรายบุคคล สามารถจัดวางชุดในจุดใดก็ได้หลังแนวป้องกันของโล่ ในการฝึกสอน เจ้าหน้าที่สองนายในแนวหน้าจะก้าวถอยหลังไปทางซ้ายและทางขวาตามลำดับ ทำให้เกิดช่องว่างชั่วขณะหนึ่งที่เปิดให้เจ้าหน้าที่ชุดสกัดออกไปหน้าแนวจนเจ้าหน้าที่คนสุดท้ายของชุดออกไปเจ้าหน้าที่ที่ถือโล่จึงก้าวขึ้นมาปิดช่องว่างของแนวโล่งนั้น ซึ่งเป้าหมายของชุดจะถูกระบุไว้ล่วงหน้าแล้วก่อนออกมาหน้าแนวและมีการมอบหมายหน้าที่ของเจ้าหน้าที่แต่ละนายอย่างชัดเจน ว่านายใดเป็นผู้เข้าจับกุมเป้าหมาย นายใดเป็นผู้สวมกุญแจมือ และนายอื่น ๆ นอกเหนือจากหน้าที่หลักจะคอยคุ้มครองขณะเข้าจับกุม เมื่อจับกุมแล้วแนวโล่ที่ใช้ผ่านเข้าไปยังหน้าแนวจะถูกเปิดออกเพื่อรับตัวชุดสกัดและผู้ต้องหาจากการชุมนุมที่ถูกพาตัวเข้ามายังหลังแนวโล่ ซึ่งโดยปกติจะแนะนำให้ชุดสกัดไม่ควรออกห่างไปจากแนวโล่เกินกว่า 10 เมตร[12]
แม้ว่าโล่ปราบจลาจลจะสามารถให้การป้องกันที่มีประสิทธิภาพในตัวมันเอง แต่การใช้งานโล่อาจจะกระตุ้นให้ผู้คนขว้างปาสิ่งของเข้าใส่ผู้ถือ[1] หัวหน้าผู้กำกับการคนหนึ่งในสหราชอาณาจักรระบุว่า แม้ปกติผู้ประท้วงจะไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำร้ายตำรวจ แต่ความไม่ตั้งใจนั้นจะหายไปหากเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้งานโล่ปราบจลาจล มีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้ประท้วงจะไม่ขว้างปาสิ่งของใส่จนกว่าตำรวจจะนำโล่เข้ามาใช้ และบางคนก็จงใจที่จะขว้างปาสิ่งของใส่ไปที่โล่เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการทำร้ายตำรวจจริง ๆ[1]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 Geary, Roger (1985). Policing Industrial Disputes: 1893 to 1985. Cambridge University Press. pp. 109, 143. ISBN 978-0521303156. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 29, 2018.
- ↑ 2.0 2.1 "Riot shields – protective or aggressive". New Scientist: 739. September 22, 1977. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 30, 2018.
- ↑ "British Journal for Military History". British Journal for Military History. 1 (2): Front cover. 2015. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 16, 2018.
- ↑ French, David (2015). Fighting EOKA: The British Counter-Insurgency Campaign on Cyprus, 1955-1959. Oxford University Press. p. 120. ISBN 978-0191045592. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 17, 2018.
- ↑ Universal International News (Video) (Television broadcast). Universal-International. May 31, 1956. เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ 00:35. สืบค้นเมื่อ April 16, 2018.
- ↑ Tariq, Ali (1998). 1968, Marching in the Streets. Free Press. p. 42. ISBN 978-0684853604. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 17, 2018.
- ↑ Black, Jeremy (2007). Tools of War. BOOK SALES Incorporated. p. 12. ISBN 978-1847240125. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 17, 2018.
- ↑ Jeffery, Keith (1985). The Divided Province: The Troubles in Northern Ireland, 1969-1985. Orbis Books. p. 45. ISBN 978-0856137990. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 17, 2018.
- ↑ Mackie, Lindsay (August 15, 1977). "The real losers in Saturday's battle of Lewisham". The Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 30, 2018.
- ↑ Bourne, Jenny (September 19, 2007). "Lewisham '77: success or failure?". Institute of Race Relations. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 4, 2012.
- ↑ Mulroe, Patrick (2017). Bombs, Bullets and the Border: Policing Ireland's Frontier: Irish Security Policy, 1969–1978. Irish Academic Press. pp. 85–86. ISBN 978-1911024521. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 30, 2018.
- ↑ 12.00 12.01 12.02 12.03 12.04 12.05 12.06 12.07 12.08 12.09 Hunsicker, A. (2011). Behind the Shield: Anti-Riot Operations Guide. Universal-Publishers. pp. 122–124, 135, 153–154. ISBN 9781612330358. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 29, 2018.
- ↑ Bhatnagar, Ashok (2016). Lightweight Ballistic Composites: Military and Law-Enforcement Applications. Woodhead Publishing. p. 214. ISBN 978-0081004258. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 29, 2018.
- ↑ "New GenTex Subduer helps you handle recalcitrant prisoners". American Journal of Correction. 28–30: 18. 1966. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 28, 2018.
- ↑ October 19, 2017 (19 October 2017). "Protesters Beware, Russian Law Enforcement Could Soon Wield Stun Shields". The Moscow Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 30, 2018.
- ↑ "The Globalization of Repression". Earth Island Journal. 16 (4): 32. 2001.
- ↑ Hambling, David (December 7, 2011). "Riot shields could scatter crowds with 'wall of sound'". New Scientist. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 30, 2018.
- ↑ Mogollon, Mery (May 4, 2017). "Gas masks, face paint, shields: Battle gear for a Venezuela protest". Los Angeles Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 28, 2018.
- ↑ Zuñiga, Mariana; Miroff, Nick (May 9, 2017). "Gas masks, wooden shields, gardening gloves: How Venezuela's protesters are protecting themselves". The Washington Post. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 9, 2017.
- ↑ Daileda, Colin (April 17, 2014). "Riot Gear: How Protesters Around the World Suit Up". Mashable. สืบค้นเมื่อ October 3, 2020.
- ↑ Flaccus, Gillian (July 26, 2020). "On Portland's streets: Anger, fear, and a fence that divides". Seattle Times. สืบค้นเมื่อ October 3, 2020.