ข้ามไปเนื้อหา

เออร์สกิน คอลด์เวลล์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เออร์สกิน คอลด์เวลล์
คอลด์เวลล์ใน ค.ศ. 1975
คอลด์เวลล์ใน ค.ศ. 1975
เกิดเออร์สกิน เพรสตัน คอลด์เวลล์'
17 ธันวาคม ค.ศ. 1903
มอร์แลนด์ รัฐจอร์เจีย สหรัฐ
เสียชีวิต11 เมษายน ค.ศ. 1987(1987-04-11) (83 ปี)
แพราไดส์แวลลีย์ รัฐแอริโซนา สหรัฐ
ที่ฝังศพScenic Hills Memorial Park แอชแลนด์ รัฐออริกอน
อาชีพนักเขียน, นักเขียนเรื่องสั้น
ผลงานที่สำคัญTobacco Road
God's Little Acre
คู่สมรส

เออร์สกิน เพรสตัน คอลด์เวลล์ (อังกฤษ: Erskine Preston Caldwell; 17 ธันวาคม ค.ศ. 1903 - 11 เมษายน ค.ศ. 1987) เป็นนักประพันธ์และนักเขียนเรื่องสั้นชาวอเมริกัน[7][8] งานเขียนของเขามักเกี่ยวกับความยากจน, คตินิยมเชื้อชาติ และปัญหาทางสังคมในสหรัฐตอนใต้ นิยายอย่าง Tobacco Road (1932) และ God's Little Acre (1933) ทำให้เขาได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชม

ประวัติ

[แก้]

คอลด์เวลล์เกิดในรัฐจอร์เจีย ในครอบครัวของพระนิกายเพรสไบทีเรียนซึ่งออกเดินทางไปตามตำบลต่างๆ ทำให้เขาต้องเรียนหนังสือจากแม่ และเรียนรู้ชีวิตจากงานต่างๆ ที่เขาทำในช่วงวัยหนุ่ม ก่อนที่จะหันมาทำอาชีพนักหนังสือพิมพ์และเขียนหนังสือเต็มตัว ในช่วงต้นทศวรรษ 1930 สไตล์การเขียนซึ่งผสมผสานระหว่างความสมจริงสุดขีดและเซ็กซ์กับความรุนแรงทำให้เกิดการถกเถียงขึ้นอย่างหนักหน่วง เมื่อสมาคมนิวยอร์กเพื่อป้องกันความชั่วร้ายพยายามจะประกาศห้ามเรื่อง God's little acre คอลด์เวลล์ก็ฟ้องศาลและชนะคดี

ชีวิตส่วนตัว

[แก้]

ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 คอลด์เวลล์กับเฮเลน ภรรยาคนแรก จัดการกับร้านหนังสือที่รัฐเมน หลังหย่ากับภรรยาคนแรก คอลด์เวลล์จึงแต่งงานกับ Margaret Bourke-White ช่างภาพ โดยมีส่วนร่วมในสารคดี-ภาพสามชุดของเธอ: You Have Seen Their Faces (1937), North of the Danube (1939) และ Say, Is This The USA (1941)[9] ในช่วงสงครามดลกครั้งที่สอง คอลด์เวลล์ได้รับวีซ่าจากสหภาพโซเวียต ซึ่งทำให้เขาอนุญาตเดินทางไปที่ยูเครนและทำงานเป็นผู้สื่อข่าวต่างประเทศ บันทึกการทำสงครามที่นั่น[10][11]

หลังกลับมาจากสงครามโลกครั้งที่สอง คอลด์เวลล์จึงหาที่อยู่อาศัยในรัฐคอนเนตทิคัต ภายหลังจึงย้ายไปอยู่กับ June Johnson (J.C. Martin) ภรรยาคนที่สามที่รัฐแอริโซนา ใน ค.ศ. 1957 คอลด์เวลล์แต่งงานกับ Virginia Moffett Fletcher Caldwell Hibbs ผู้วาดภาพในหนังสือที่เขาออกช่วงล่าสุด[11] จากนั้นจึงย้ายไปที่ทวินพีกในซานฟรานซิสโก[12] และย้ายไปยังแพราไดส์แวลลีย์ รัฐแอริโซนาใน ค.ศ. 1977[11]

เนื่องคอลด์เวลล์เป็นผู้สูบบุหรี่จัด ทำให้เขาเสียชีวิตจากอาการแทรกซ้อนของถุงลมโป่งพองและมะเร็งปอดในวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 1987 ที่แพราไดส์แวลลีย์ รัฐแอริโซนา ศพของเขาถูกฝังที่ Scenic Hills Memorial Park แอชแลนด์ รัฐออริกอน แม้ว่าเขาไม่ได้อาศัยอยู่ที่นั่น แต่ลูกเลี้ยงชายกับภรรยาคนที่ 4 เคยอยู่ที่นั่น[13][14] และขอให้ฝังร่างเขาใกล้กับสุสานของครอบครัว[15] Virginia เสียชีวิตในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2017 ด้วยอายุ 98 ปี

ปู่ของอดัม ฮันเตอร์ คอลด์เวลล์คือเออร์สกิน คอลด์เวลล์[16] เขาทำอาชีพเป็นอาจารย์วิจิตรศิลป์ใน Academy of Art University.[16]

ผลงาน

[แก้]

คอลด์เวลล์แต่งนิยายถึง 25 เล่ม เรื่องสั้น 150 เรื่อง สารคดีชุด 12 ชุด อัตชีวประวัติ 2 เล่ม และหนังสือสำหรับนักอ่านรุ่นเยาว์ 2 เล่ม[17] เขายังมีส่วนแก้ไข American Folkways series ชุดหนังสือ 28 เล่มเกี่ยวกับภูมิภาคต่าง ๆ ของสหรัฐด้วย[18]

  • The Bastard (1929)
  • Poor Fool (1930)
  • American Earth, เรื่องสั้น (1931)
    • ภายหลังเผยแพร่ภายใต้ชื่อ A Swell Looking Girl
  • Tobacco Road (1932)
  • We Are the Living, เรื่องสั้น (1933)
  • God's Little Acre (1933)
  • Tenant Farmers, เรียงความ (1935)
  • Some American People, เรียงความ (1935)
  • Journeyman (1935)
  • Kneel to the Rising Sun, เรื่องสั้น (1935)
  • The Sacrilege of Alan Kent (1936)
    • เดิมมาจาก American Earth
  • You Have Seen Their Faces
  • Southways, เรื่องสั้น (1938)
  • North of the Danube
  • Trouble in July (1940)
  • The First Autumn (1940)[19][20]
  • Say Is This the USA
  • Moscow Under Fire, จดหมายต่างประเทศ (1942)
  • Russia at War,จดหมายต่างประเทศ (1942)
  • All-Out on the Road to Smolensk, จดหมายต่างประเทศ (1942)
  • All Night Long (1942)
    • บรรยายเป็น A Novel of Guerrilla Warfare in Russia
  • Georgia Boy (1943), เรื่องเชื่อมโยง
  • Tragic Ground (1944)
  • A House in the Uplands (1946)
  • The Sure Hand of God (1947)
  • This Very Earth (1948)
  • Place Called Estherville (1949)
  • Episode in Palmetto (1950)
  • The Humorous Side of Erskine Caldwell,
  • Call It Experience, autobiography (1951)
  • The Courting of Susie Brown, เรื่องสั้น (1952)
  • A Lamp for Nightfall (1952)
  • The Complete Stories of Erskine Caldwell (1953)
  • Love and Money (1954)
  • Gretta (1955)
  • Gulf Coast Stories, เรื่องสั้น (1956)
  • Certain Women, เรื่องสั้น (1957)
  • Claudelle Inglish (1958)
  • Molly Cottontail, หนังสือสำหรับเด็ก (1958)
  • When You Think of Me, เรื่องสั้น (1959)
  • Jenny by Nature (1961)
  • Men and Women, เรื่องสั้น (1961)
  • Close to Home (1962)
  • The Last Night of Summer (1963)
  • Around About America, งานเขียนการเดินทาง (1964)
  • In Search of Bisco, งานเขียนการเดินทาง (1965)
  • The Deer at Our House, หนังสือสำหรับเด็ก (1966)
  • Writing in America, เรียงความ (1967)
  • In the Shadow of the Steeple,
    • second autobiography (1967)[21]
  • Miss Mama Aimee (1967)
  • Summertime Island (1968)
  • Deep South, งานเขียนการเดินทาง (1968)
  • The Weather Shelter (1969)
  • The Earnshaw Neighborhood (1971)
  • Annette (1973)
  • Afternoons in Mid America, เรียงความ (1976)
  • With All My Might,
    • third autobiography (1987)[3]
  • Erskine Caldwell: Selected Letters, 1929–1955,
    • edited by Robert L. McDonald (1999)

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 McDowell, Edwin (13 April 1987). "Erskine Caldwell, 83, Is Dead; Wrote Stark Novels Of South". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 1 October 2022.
  2. Trueheart, Charles (1 March 1987). "Erskine Caldwell The Final Chapter". Washington Post. สืบค้นเมื่อ 1 October 2022.
  3. 3.0 3.1 "Erskine Caldwell Dead at 83". AP NEWS (ภาษาอังกฤษ). Paradise Valley, Arizona. April 12, 1987. สืบค้นเมื่อ 1 October 2022.
  4. "Caldwell, Virginia Moffett, b. 1919". Dartmouth Library Archives & Manuscripts. dartmouth.edu. สืบค้นเมื่อ 2 October 2022.
  5. "Caldwell, Virginia Moffett Fletcher". Social Networks and Archival Context. สืบค้นเมื่อ 2 October 2022.
  6. "Virginia Moffett Fletcher Caldwell Letter 1984 and 1985". A Guide to Materials on Women Women, Materials on Multiple numbers. Special Collections, University of Virginia Library. สืบค้นเมื่อ 2 October 2022.
  7. Obituary The New York Times, April 13, 1987.
  8. Obituary Variety, April 15, 1987.
  9. Erskine Caldwell, Margaret Bourke-White, and the Popular Front: Photojournalism in Russia By Jay E. Caldwell pages xi and 268
  10. Erskine Caldwell, Margaret Bourke-White, and the Popular Front: Photojournalism in Russia By Jay E. Caldwell pages 15-21
  11. 11.0 11.1 11.2 Caldwell, Jay E. "Wanting to learn more about his dad leads Erskine Caldwell's son to write a book of his own". Arizona Daily Star (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 1 October 2022.
  12. Collins, Carvel (1 July 1958). "Erskine Caldwell at Work: A Conversation With Carvel Collins". The Atlantic (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 1 October 2022.
  13. "He loved the South but painted its evils in words", nytimes.com, December 17, 2003.
  14. Profile เก็บถาวร มกราคม 9, 2015 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, times-herald.com; accessed June 28, 2015.
  15. "Novelist Erskine Caldwell's Ashes Rest in Ashland, Ore". Jefferson Public Radio. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ พฤษภาคม 24, 2013. สืบค้นเมื่อ มีนาคม 14, 2012.
  16. 16.0 16.1 "Adam Caldwell". Hieronymus Objects. สืบค้นเมื่อ 1 October 2022.
  17. "Biography". John Wade. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 29, 2011. สืบค้นเมื่อ September 29, 2011.
  18. Firsts Magazine, v.8, n.5 (May 1988).
  19. MS-1046: Erskine Caldwell papers. ""Jackpot," Gallery Proofs with Corrections: "The First Autumn" - "The Growing Season", 1940". Dartmouth Library Archives & Manuscripts. Dartmouth College. สืบค้นเมื่อ 1 October 2022.
  20. Caldwell, Erskine. "The stories of Erskine Caldwell". District of Columbia Public Library (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-10-06. สืบค้นเมื่อ 1 October 2022.
  21. "Caldwell, Erskine (Preston)". Encyclopedia.com. สืบค้นเมื่อ 2 October 2022.

ข้อมูล

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]

ผลงานที่แปลเป็นภาษาไทย

[แก้]