เนเมียวสีหตู
เนเมียวสีหตู နေမျိုးစည်သူ | |
---|---|
เกิด | หุบเขามู, อาณาจักรตองอู |
รับใช้ | ราชวงศ์โก้นบอง |
แผนก/ | กองทัพอาณาจักรพม่า |
ประจำการ | พ.ศ. 2308–2312 |
ชั้นยศ | แม่ทัพ |
การยุทธ์ | สงครามก่อตั้งราชวงศ์โก้นบอง (พ.ศ. 2295–2302) สงครามจีน-พม่า (พ.ศ. 2308–2312) |
เนเมียวสีหตู (พม่า: နေမျိုးစည်သူ, ออกเสียง: [nè mjó sìθù]) นับเป็นผู้ชำนาญการรบแบบจรยุทธที่เก่งกาจที่สุดผู้หนึ่งของพม่า โดยพระเจ้ามังระเห็นถึงความสามารถในด้านนี้ของเขา และเลือกใช้งานเขาเพื่อก่อกวนแนวหลังของต้าชิง ซึ่งเนเมียวสีหตูก็สามารถทำผลงานได้เป็นอย่างดี จนทำให้กองทัพต้าชิงต้องลำบากทุกครั้งที่เจอเขา เนเมียวสีหตูนับเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังชัยชนะทุกครั้งของพม่า และทุกความพ่ายของต้าชิงจะต้องมีเขาอยู่ด้วยตลอด
ปกป้องกรุงอังวะ[แก้]
พระเจ้ามังระได้แต่งตั้งเขาให้เป็นผู้รับศึกกับต้าชิง จากการรุกรานในครั้งที่หนึ่งปี (พ.ศ. 2308–09) และครั้งที่สองระหว่างปี (พ.ศ. 2309–10) ซึ่งเนเมียวสีหตูได้แสดงความสามารถด้านจรยุทธของเขาให้เป็นที่ประจักษ์ สามารถคำนวณเวลาการซุ่มโจมตีได้อย่างแม่นยำ ประกอบความชำนาญในภูมิประเทศ ทำให้การโจมตีในเวลากลางคืนของเขามีประสิทธิภาพ จนกองทัพต้าชิงต้องคอยพะวงหลังทุกครั้งที่เจอเขา อีกทั้งยังสามารถประสานงานกับบาลามินดินได้เป็นอย่างดี ทำให้กองทัพต้าชิงที่บุกมาในครั้งที่หนึ่งและสองนั้นพ่ายแพ้กลับไป
ผู้อยู่เบื้องหลังชัยชนะ[แก้]
ส่วนในการบุกครั้งที่ 3 และ 4 ของต้าชิงนั้น เขาอยู่ภายใต้สังกัดของอะแซหวุ่นกี้แม่ทัพใหญ่ของพระเจ้ามังระ โดยอะแซหวุ่นกี้มักจะให้เขาทำหน้าที่หาเสบียงฝ่ายตรงข้ามเพื่อทำลาย และหายเข้าป่าซึ่งเป็นการรบแบบที่เขาถนัด เนเมียวสีหตูนับเป็นแม่ทัพฝีมือดีอีกคนของราชวงศ์โก้นบองที่มีบทบาทสำคัญต่อชัยชนะในการศึกทุกครั้งของพม่า
กองกำลังพิเศษแห่งอังวะ[แก้]
โดยเฉพาะการบุกครั้งที่ 3 ของจีนนั้นสร้างความลำบากให้แก่กองทัพพม่าเป็นอย่างมาก เนื่องจากหมิงรุ่ยเป็นผู้เจนจบในพิชัยสงครามเขาเคลื่อนกองทัพอย่างระมัดระวังตลอดการทำศึก นั้นทำให้แม้แต่อะแซหวุ่นกี้เองก็ยากที่จะใช้กลอุบายเอาชนะเขาได้ ในขณะนั้นเองพระเจ้ามังระได้ตัดสินใจ ส่งกองกำลังพิเศษของพระองค์ออกไปทัพหนึ่ง นำโดยเนเมียวสีหตู, เต็งจามินกองมีจุดประสงค์เพื่อทำสงครามกองโจรกับหมิงรุ่ย ซึ่งทั้ง2 ก็สามารถทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง แม้เขาจะมีกองทัพไม่ถึง1พันนาย แต่ก็สามารถปั่นป่วนกองทัพนับหมื่นของหมิ่งรุ่ยจนไม่สามารถเคลื่อนที่ได้สะดวก อีกทั้งยังสามารถตัดกำลังบำรุงของฝ่ายจีนที่ส่งมากจากแสนหวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนกองทัพของหมิงรุ่ยที่บุกลึกเข้ามาเริ่มอดอาหาร นั้นทำให้ผลของสงครามเริ่มเปลี่ยนไป ชื่อเสียงของเนเมียวสีหตู, เตงจามินกอง และพระเจ้ามังระที่พลิกสถานการณ์ให้ฝ่ายอังวะในครั้งนั้นจึงเป็นที่เลื่องลือขึ้นมา ก่อนที่อะแซหวุ่นกี้และพระเจ้ามังระจะรวมกำลังกันเผด็จศึกต้าชิงได้อย่างเด็ดขาดในยุทธการเมเมียว
บั้นปลาย[แก้]
เนเมียวสีหตูเป็นอีกหนึ่งขุนพลเอกของพระเจ้ามังระ ที่ถูกปลดทิ้งจากตำแหน่งหลังการสวรรคตของพระองค์ พร้อมๆกับอะแซหวุ่นกี้, เนเมียวสีหบดี และหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ของพม่า บ้างก็ว่าถูกประหารทิ้งหลังจากถูกถอดยศได้ไม่นาน
อ้างอิง[แก้]
- Kyaw Thet (1962). History of Burma (in Burmese). Yangon: University of Rangoon Press. pp. 310–318.
- Jump up ^ Lt. Gen. Sir Arthur P. Phayre (1883). History of Burma (1967 ed.). London: Susil Gupta. pp. 194–199.
- Htin Aung, Maung (1967). A History of Burma. New York and London: Cambridge University Press.