เชลซี เดวี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เชลซี เดวี
เดวี ขณะเป็นเพื่อนเจ้าสาว ในงานสมรสของเลดีเมลิสซา เพร์ซี
เกิดเชลซี อีวอน เดวี
13 ตุลาคม พ.ศ. 2528 (38 ปี)
บูลาวาโย ประเทศซิมบับเว
สัญชาติซิมบับเว
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเคปทาวน์
มหาวิทยาลัยลีดส์
คู่สมรสแซม คัตมอร์-สกอต (พ.ศ. 2565–ปัจจุบัน)
คู่รักเจ้าชายแฮร์รี (2547–2553)
บุตร1 คน
บุพการีชาลส์ เดวี
เบเวอร์ลีย์ เดวี
ญาติฌอน เดวี (พี่ชาย)
จอร์จ เดวี (น้องชาย)

เชลซี อีวอน เดวี (อังกฤษ: Chelsy Yvonne Davy; เกิด 13 ตุลาคม พ.ศ. 2528) สตรีชาวซิมบับเว มีชื่อเสียงทางสังคมจากการเป็นอดีตคนรักของเจ้าชายแฮร์รีแห่งเวลส์ ช่วงปี พ.ศ. 2547 ถึง 2553[1][2]

ประวัติ[แก้]

เชลซี อีวอน เดวี เกิดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2528 ในเมืองบูลาวาโย ประเทศซิมบับเว เป็นบุตรของชาลส์ เดวี เกษตรกรซาฟารี กับเบเวอร์ลีย์ "เบฟ" เดวี อดีตนางงามโคคา-โคลาโรดีเซีย[3] มีพี่ชายชื่อฌอน เดวี[4][5] และน้องชายชื่อจอร์จ เดวี

มีการรายงานว่าครอบครัวของเดวีมีความสัมพันธ์กับประธานาธิบดี โรเบิร์ต มูกาเบ นายเดวีกล่าวกับนักข่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างบุตรสาวกับเจ้าชายแฮร์รีทำให้ "น้ำท่วมขยะ" (a spate of rubbish) ตีพิมพ์เรื่องในครอบครัวออกมาทางสื่อ ส่วนความสัมพันธ์กับรัฐบาลนั้น เขากล่าวในหนังสือพิมพ์ เดอะเดลีเทเลกราฟ (The Daily Telegraph) ว่า "ผมทำธุรกิจของผม ไม่เกี่ยวกับการเมืองแต่อย่างใด"[6][7] เชลซี เดวี เติบโตขึ้นในไร่ของครอบครัวในแถบเลมโกซาฟารี[8][8][9]

เดือนกันยายน พ.ศ. 2550 เดวีได้ย้ายไปยังอังกฤษเพื่อใกล้ชิดกับเจ้าชายแฮร์รีซึ่งคบหากัน และเข้าศึกษาต่อด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยลีดส์[10] ทั้งคู่ปราฏตนต่อสาธารณชนบ่อยครั้งตลอดระยะเวลาที่คบหากัน

หลังจากที่ทั้งสองเลิกรากัน เดวีได้กลับไปยังแอฟริกา ก่อนที่จะกลับมาร่วมพระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียมกับแคเธอริน มิดเดิลตันในอีกหลายเดือนต่อมา และเริ่มงานของเธอที่สำนักกฎหมายลอนดอน

หน้าที่การงาน[แก้]

เดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 เดวี เข้าฝึกงานที่ฟาร์เรอร์แอนด์คอมพานี (Farrer & Company) มีรายงานว่าเธอคาดหวังที่จะมีตำแหน่งที่ถาวรในบริษัท[11] และในปีต่อมา เดวีได้เปลี่ยนไปฝึกงานเป็นล่ามให้กับบริษัทอัลเลนแอนด์โอวารี (Allen & Overy)[12]

ความสัมพันธ์กับเจ้าชายแฮร์รี[แก้]

เดวีได้ให้คำอธิบายความสัมพันธ์ที่ "ป่วน" (turbulent) กับเจ้าชายแฮร์รี พระโอรสองค์เล็กในเจ้าชายชาลส์ กับเจ้าหญิงไดอานาแห่งเวลส์ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2547 ขณะที่เธอยังเป็นนักเรียนประจำที่โรงเรียนสโตว์ ก่อนที่จะยุติความสัมพันธ์ลงอย่างถาวรในปี พ.ศ. 2553 หลังจากที่ทั้งสองรัก ๆ เลิก ๆ กันหลายครา[13] เดวีได้ประกาศยุติความสัมพันธ์ผ่านทางเฟซบุ๊กในปีต่อมา ทั้งนี้มีข่าวลือว่าทั้งสองจะกลับมาคืนดีกันอีกครั้งหนึ่ง เจ้าชายแฮร์รีได้กล่าวต่อสาธารณชนว่าพระองค์ "โสดร้อยเปอร์เซนต์" (100 percent single) ซึ่งเผยให้เห็นว่าพระองค์ก็ไม่มีเวลาสำหรับความสัมพันธ์ใด ๆ[14][15][16][17] หลังงานพระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียมกับแคเธอริน มิดเดิลตัน เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เดวีได้กล่าวว่าเธอจะไม่เสกสมรสกับเจ้าชายแฮร์รี เพราะว่า "มันไม่ใช่ชีวิตของฉัน" (It's not a life for me)[18]

พ.ศ. 2561 เดวีได้รับเชิญไปในพระราชพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รีกับเมแกน มาร์เกิล[19][20]

อ้างอิง[แก้]

  1. English, Rebecca (7 May 2010). "Air corps blimey! Chelsy Davy looks simply stunning in cream babydoll dress as Prince Harry gets his helicopter wings". Daily Mail. London.
  2. "Prince Harry and Chelsy Davy split?". Female First.
  3. Sykes, Tom (26 April 2011). "Chelsy Davy, The Hard-Partying Wedding Guest". The Daily Beast. USA. สืบค้นเมื่อ 26 April 2011.
  4. "Charles Davy mutilates our story, threatens lawsuit". The Zimdiaspora. 10 January 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-01-14. สืบค้นเมื่อ 25 June 2008.
  5. Blair, David (6 November 2005). "Chelsy Davy: The flighty blonde in a bikini who couldn't face up to life as a princess". Daily Mail. UK. สืบค้นเมื่อ 25 June 2008.
  6. Blair, David (6 November 2005). "Zimbabwe's great white survivor". The Daily Telegraph. UK. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-07-01. สืบค้นเมื่อ 25 June 2008.
  7. Hunt, Peter (25 January 2011). "When Harry Met Chelsy". BBC. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-04-01. สืบค้นเมื่อ 30 March 2009.
  8. 8.0 8.1 "5 Things You Don't Know About Chelsy Davy". US Magazine via MSN entertainment. 27 April 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-13. สืบค้นเมื่อ 21 June 2011.
  9. Marre, Oliver (5 July 2006). "Introducing the Ladies in Waiting". The Observer. UK. สืบค้นเมื่อ 17 July 2006.
  10. Adams, Stephen (9 July 2007). "Prince Harry in trouble for making Chelsy wait". The Daily Telegraph. UK. สืบค้นเมื่อ 9 July 2007.
  11. Nicholl, Katie (2 March 2009). "Chelsy Davy seeks permanent position". Daily Mail. UK. สืบค้นเมื่อ 30 March 2009.
  12. "When Harry Met Chelsy". The Evening Standard. 2 March 2009. สืบค้นเมื่อ 30 March 2009.[ลิงก์เสีย]
  13. "Prince Harry and girlfriend split". BBC News. 24 January 2009. สืบค้นเมื่อ 24 January 2009.
  14. Pierce, Andrew (25 January 2009). "Chelsy Davy announces end of relationship to Prince Harry on Facebook". The Daily Telegraph. UK. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-02-12. สืบค้นเมื่อ 9 May 2009.
  15. Nicholl, Katie (25 January 2009). "It's no life for me', says Chelsy Davy". The Telegraph. UK. สืบค้นเมื่อ 2 May 2011.
  16. Nicholl, Katie (25 January 2009). "It's the Army or me, Harry". Daily Mail. UK. สืบค้นเมื่อ 2 May 2011.
  17. "Prince Harry says he's 100 per cent single". The Daily Telegraph. UK. 27 June 2011. สืบค้นเมื่อ 27 June 2011.
  18. Nicholl, Katie. "Why Chelsy Davy Will Never Marry Prince Harry". Daily Mail. สืบค้นเมื่อ 1 May 2011.
  19. "Royal Wedding 2018: Pictures of the guests, from Oprah to Elton John". BBC. 19 May 2018. สืบค้นเมื่อ 19 May 2018.
  20. "All the Celebrities at Prince Harry and Meghan Markle's Royal Wedding". Elle. 19 May 2018. สืบค้นเมื่อ 19 May 2018.