เจฟเฟอร์สัน เดวิส

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เจฟเฟอร์สัน เดวิส
ประธานาธิบดีสมาพันธรัฐอเมริกา
ดำรงตำแหน่ง
22 กุมภาพันธ์ 1862 – 10 พฤษภาคม 1865
ชั่วคราว: 18 กุมภาพันธ์ 1861 - 22 กุมภาพันธ์ 1862
รองประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ สตีเฟนส์
ก่อนหน้าสถาปนาตำแหน่ง
ถัดไปยุบเลิกตำแหน่ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสงครามสหรัฐคนที่ 23
ดำรงตำแหน่ง
7 มีนาคม 1853 – 4 มีนาคม 1857
ประธานาธิบดีแฟรงกลิน เพียร์ซ
ก่อนหน้าชาลส์ คอนแรด
ถัดไปจอห์น ฟลอยด์
สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐจากรัฐมิสซิสซิปปี
ดำรงตำแหน่ง
4 มีนาคม 1857 – 21 มกราคม 1861
ก่อนหน้าสตีเฟนส์ แอดัมส์
ถัดไปแอเดลเบิร์ต เอมส์
(ตำแหน่งว่างถึงปี 1870)
ดำรงตำแหน่ง
10 สิงหาคม 1847 – 23 กันยายน 1851
ก่อนหน้าJesse Speight
ถัดไปJohn McRae
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากรัฐมิสซิสซิปปี
ดำรงตำแหน่ง
8 ธันวาคม 1845 – 1 มิถุนายน 1846
ก่อนหน้าTilghman Tucker
ถัดไปHenry Ellett
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด
เจฟเฟอร์สัน ฟินิส เดวิส

3 มิถุนายน ค.ศ. 1808(1808-06-03)
เทศมณฑลคริสเตียน รัฐเคนทักกี
เสียชีวิต6 ธันวาคม ค.ศ. 1889(1889-12-06) (81 ปี)
นิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา
ที่ไว้ศพสุสานฮอลลีวูด
ริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย
เชื้อชาติอเมริกัน
ศาสนาEpiscopal
พรรคการเมืองแดโมแครต
คู่สมรสซาราห์ เทย์เลอร์
(ต. 1835; เธอเสียชีวิตปี 1835)
วารินา โฮเวลล์
(ต. 1845; เขาเสียชีวิตปี 1889)
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยทรานซิลเวเนีย
วิทยาลัยทหารสหรัฐ
ลายมือชื่อCursive signature in ink
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
รับใช้ สหรัฐ
สังกัดกองทัพบกสหรัฐ
กองอาสาสหรัฐ
ประจำการ1825–1835
1846–1847
ยศ ร้อยโท
พันเอก
หน่วยFirst Dragoons
บังคับบัญชาFirst Mississippi
ผ่านศึกIndian Wars

Mexican War

เจฟเฟอร์สัน ฟินิส เดวิส (อังกฤษ: Jefferson Finis Davis, 3 มิถุนายน ค.ศ. 1808 – 6 ธันวาคม ค.ศ. 1889) เป็นนักการเมืองอเมริกัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐจากรัฐมิสซูรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสงครามสหรัฐคนที่ 23 และประธานาธิบดีสมาพันธรัฐอเมริการะหว่างสงครามกลางเมืองอเมริกา เขารับผิดชอบแผนศึกของสมาพันธรัฐ แต่ไม่พบยุทธศาสตร์พิชิตฝ่ายสหภาพซึ่งมีประชากรมากกว่าและเป็นอุตสาหกรรมมากกว่า ความพยายายามทางการทูตของเขาไม่สามารถได้มาซึ่งการรับรองจากต่างประเทศแม้แต่ประเทศเดียว และในประเทศ เศรษฐกิจของสมาพันธรัฐที่กำลังล่มสลายบังคับให้รัฐบาลของเขาพิมพ์เงินกระดาษมากขึ้นทุกทีเพื่อโปะรายจ่ายของสงคราม นำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อแบบกู่ไม่กลับและการลดค่าเงินตราดอลลาร์สมาพันธรัฐ

เดวิสเกิดในรัฐเคนทักกีในครอบครัวเกษตรกรมั่งมีปานกลาง และเติบโตในไร่ใหญ่ฝ้ายของพี่ชายเขา โจเซฟ ในรัฐมิสซิสซิปปีและรัฐลุยเซียนา โจเซฟ เดวิสยังทำให้เขาได้รับแต่งตั้งเขาวิทยาลัยทหารสหรัฐที่เวสต์พอยต์ หลังสำเร็จการศึกษา เจฟเฟอร์สัน เดวิสรับราชการเป็นร้อยโทในกองทัพบกสหรัฐหกปี เขาสู้รบในสงครามเม็กซิโก–อเมริกา (ค.ศ. 1846–1848) เป็นพันเอกแห่งกรมอาสาสมัคร เขารับราชการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสงครามสหรัฐตั้งแต่ ค.ศ. 1853 ถึง 1857 ภายใต้ประธานาธิบดีแฟรงกลิน เพียร์ซ และเป็นสมาชิกวุฒิสภาพรรคแดโมแครตจากรัฐมิสซิสซิปปี ก่อนสงคราม เขาดำเนินการไร่ใหญ่ฝ้ายในรัฐมิสซิสซิปปีและมีทาสกว่า 100 คน หลังสงครามยุติ เขายังเป็นผู้แก้ต่าง (apologist) อุดมการณ์ความเป็นทาสซึ่งเขาและสมาพันธรัฐต่อสู้[1] แม้เดวิสโต้แย้งการแยกตัวออกใน ค.ศ. 1858[2] แต่เขาเชื่อว่าแต่ละรัฐมีอำนาจอธิปไตยและมีสิทธิอย่างไม่ต้องสงสัยในการแยกตัวออกจากฝ่ายสหภาพ

ภรรยาคคนแรกของเดวิส ซาราห์ น็อกซ์ เทย์เลอร์ เสียชีวิตจากมาลาเรียสามเดือนหลังการสมรส และเขาเผชิญกับคราวเป็นซ้ำของโรค[3] เขาสุขภาพไม่ดีเป็นส่วนใหญ่ของชีวิต เมื่ออายุ 36 ปี เขาสมรสอีกครั้งกับวารินา โฮเวลล์วัย 18 ปี คนพื้นเมืองแนตเชสผู้ได้รับการศึกษาในฟิลาเดลเฟียและมีความสัมพันธ์ครอบครัวบ้างในภาคเหนือ ทั้งสองมีบุตรหกคน มีเพียงสองคนที่รอดชีวิต และมีคนเดียวที่แต่งงานและมีบุตร

นักประวัติศาสตร์จำนวนมากให้เหตุผลความอ่อนแอของสมาพันธรัฐว่าเพราะความเป็นผู้นำที่เลวของประธานาธิบดีเดวิส[4] การหมกมุ่นกับรายละเอียด ความไม่เต็มใจมอบหมายความรับผิดชอบ การขาดการสนับสนุนของประชาชน การพิพาทกับผู้ว่าการและแม่ทัพของรัฐที่ทรงอำนาจ ความลำเอียงต่อเพื่อนเก่า ความไร้สามารถมีความสัมพันธ์กับผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับเขา การปฏิเสธปัญหาทางพลเรือนโดยเน้นปัญหาทางทหาร และการคัดค้านความเห็นสาธารณะทั้งหมดเล่นงานเขา[5][6] นักประวัติศาสตร์เห็นตรงกันว่าเขาเป็นผู้นำสงครามที่ด้อยประสิทธิภาพกว่าประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์นของฝ่ายสหภาพมาก หลังเดวิสถูกจับใน ค.ศ. 1865 เขาถูกกล่าวหาฐานกบฏ เขาไม่เคยถูกพิจารณาคดีและถูกปล่อยตัวอีกสองปีถัดมา แม้ไม่ถูกทำให้อัปยศ แต่เดวิสเสียความชอบของอดีตฝ่ายสมาพันธรัฐหลังสงครามโดยแม่ทัพชั้นนำของเขา โรเบิร์ต อี. ลี เดวิสเขียนบันทึกความทรงจำชื่อ ความเจริญและความเสื่อมของรัฐบาลสมาพันธรัฐ (The Rise and Fall of the Confederate Government) ที่เขียนเสร็จใน ค.ศ. 1881 เมื่อปลายคริสต์ทศวรรษ 1880 เขาเริ่มสนับสนุนการปรองดอง โดยบอกชาวใต้ให้ภักดีต่อสหภาพ อดีตฝ่ายสมาพันธรัฐหันมาชื่นชมบทบาทของเขาในสงคราม โดยมองว่าเขาเป็นผู้รักประเทศชาติชาวใต้ และเขากลายเป็นวีรบุรุษของอุดมการณ์สาบสูญในภาคใต้หลังสมัยบูรณะ[7]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Reconstruction and Fusion: Jefferson Davis on race and slavery in his memoirs, no lessons learned". Confederate Truths: Documents of the Confederate & Neo-Confederate Tradition from 1787 to the Present. 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-02-18. สืบค้นเมื่อ February 18, 2013.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  2. "The Anti-Secessionist Jefferson Davis". National Park Service. สืบค้นเมื่อ 2015-07-27.
  3. Cooper 2000, pp. 70–71.
  4. Cooper 2008, pp. 3–4.
  5. Wiley, Bell I. (January 1967). "Jefferson Davis: An Appraisal". Civil War Times Illustrated. 6 (1): 4–17.
  6. Escott 1978, pp. 197, 256–274.
  7. Strawbridge, Wilm K. (December 2007). "A Monument Better Than Marble: Jefferson Davis and the New South". Journal of Mississippi History. 69 (4): 325–347.