หม่อมเจ้าพระศีลวราลังการ (เนตร)
หม่อมเจ้า พระศีลวราลังการ (เนตร ) | |
---|---|
หม่อมเจ้าพระศีลวราลังการ (เนตร) ทรงฉายพระรูปร่วมกับพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อ พ.ศ. 2408 (ภาพถ่ายโดย จอห์น ทอมสัน) | |
ส่วนบุคคล | |
ประสูติ | หม่อมเจ้าเนตร พ.ศ. 2377 |
สิ้นชีพิตักษัย | 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2457 (80 ปี) |
ศาสนา | พุทธ |
บุพการี |
|
ราชวงศ์ | ปัทมสิงห์ (ราชวงศ์จักรี) |
นิกาย | เถรวาท |
สำนัก | มหานิกาย |
ตำแหน่งชั้นสูง | |
ที่อยู่ | วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร จังหวัดพระนคร |
หม่อมเจ้าพระศีลวราลังการ มีพระนามเดิมว่าหม่อมเจ้าเนตร ประสูติปี พ.ศ. 2377 ในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นพระโอรสในพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบัว ต้นราชสกุลปัทมสิงห์ (พระราชโอรสในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาศรี) กับหม่อมชะมด ธิดาเจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรียะ คชเสนี) มีพระโสทรานุชาคือหม่อมเจ้าหนูโต ปัทมสิงห์[1]
เมื่อทรงพระเยาว์ หม่อมเจ้าเนตรมักเที่ยวเตร่ ไม่เข้ารับราชการ ต่อมาทรงหนีไปผนวชที่เมืองมอญ เมื่อเสด็จกลับเมืองไทยทรงไปประทับที่วัดบวรนิเวศวิหาร และย้ายมาประทับที่วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหารได้หลายพรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่ามีศรัทธาจริงจึงได้พระราชทานนิตยภัตไตรปีตามอย่างหม่อมเจ้าพระ[2]
เมื่อไฟไหม้พระปรางค์ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในคืนวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2446 หม่อมเจ้าพระเนตรทรงเป็นคนแรกที่เข้าไปทอดพระเนตรพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรด้วยทรงเป็นห่วง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงยกย่องว่ามีเป็นผู้ความกตัญญู ถึงในวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 จึงทรงตั้งเป็นหม่อมเจ้าพระศีลวราลังการ ที่พระราชาคณะ มีนิตยภัตราคาเดือนละ 4 ตำลึง[3]
หม่อมเจ้าพระศีลวราลังการประชวรโรคชรา สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2457 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ชันษา 81 ปี[4][5] นับเป็นเจ้านายพระชันษายืนพระองค์หนึ่งในราชวงศ์จักรี
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จฯ กรมพระยา, ลำดับสกุลคชเสนี กับ โบราณคดีมอญ ๒๕๐๘, หน้า 38
- ↑ สมมอมรพันธุ์, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ. เรื่องตั้งพระราชาคณะผู้ใหญ่ในกรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๑. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2545. 197 หน้า. หน้า 91, 95. ISBN 974-417-530-3
- ↑ "การตั้งตำแหน่งสมณศักดิ์ พระราชาคณะ, พระครู, เปรียญ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 20 (34): 586–587. 22 พฤศจิกายน ร.ศ. 122. สืบค้นเมื่อ 17 กันยายน พ.ศ. 2561.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ "ข่าวสิ้นชีพิตักษัย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 31 (0 ง): 406. 24 พฤษภาคม 2457. สืบค้นเมื่อ 17 กันยายน 2561.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "แก้คำผิด ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓๑ ตอนที่ ๘ ข่าวสิ้นชีพิตักษัย หน้า ๔๐๖" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 31 (0 ง): 406. 31 พฤษภาคม 2457. สืบค้นเมื่อ 17 กันยายน 2561.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)