หม่อมเจ้าถาวรมงคลวงศ์ ไชยันต์
บทความนี้อาศัยการอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิมากเกินไป |
บทความชีวประวัตินี้เขียนเหมือนประวัติสมัครงาน |
![]() | บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
พลเรือตรี นายแพทย์ หม่อมเจ้า ถาวรมงคลวงศ์ ไชยันต์ ป.ม., ท.จ.ว., จ.ช., ป.ป.ร.2 | |
---|---|
ศิษย์เก่า | โรงพยาบาลกายส์ฮอสปีตัล |
อาชีพ | แพทย์ทหาร, ตุลาการ, องคมนตรี |
พลเรือตรี นายแพทย์ หม่อมเจ้าถาวรมงคลวงศ์ ไชยันต์ (29 ธันวาคม พ.ศ. 2426 — 7 เมษายน พ.ศ. 2483) เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ประสูติแต่หม่อมกลีบ (สกุลเดิม ฌูกะวิโรจน์) เสกสมรสกับ หม่อมหลวงคลอง ไชยันต์ (ราชสกุลเดิม สนิทวงศ์)
การศึกษา[แก้]
หม่อมเจ้าถาวรมงคลวงศ์ ไชยันต์ เป็นนักเรียนหลวงทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จไปศึกษาวิชาแพทย์ ณ ประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2439 ทรงสำเร็จการศึกษา หลักสูตรอายุรศาสตร์ โรคเมืองร้อน (L.C.R.) และ ศัลยศาสตร์ (M.R.C.S.) เมื่อปี พ.ศ. 2457 จากโรงพยาบาลกายส์ฮอสปีตัล กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
การทรงงาน[แก้]
หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาวิชาแพทย์แล้ว หม่อมเจ้าถาวรมงคลวงศ์ ได้เข้ารับราชการเป็นแพทย์ทหารเรือ และดำรงตำแหน่งนายแพทย์ประจำพระองค์ รวมถึงตำแหน่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- นายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ กระทรวงทหารเรือ พ.ศ. 2460 – พ.ศ. 2475 (ปัจจุบันคือตำแหน่งเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ)
- นายแพทย์ประจำพระองค์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 พ.ศ. 2460
- ประธานตุลาการศาล กรมบัญชาการทหารเรือ พ.ศ. 2469
- องคมนตรี ตามพระราชบัญญัติองคมนตรี พ.ศ. 2470
- องคมนตรี พ.ศ. 2474 - 2476[1]
- นายกอำนวยการจัดประชุมสมาคมเวชกรรมเมืองร้อนแห่งบูรพเทศ พ.ศ. 2473
ในทางทหารเรือได้มีบันทึกถึงกิจการที่ท่านได้วางรากฐานและพัฒนาไว้ ได้แก่ การสร้างสถานบริการแพทย์ไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย การจัดการศึกษานักเรียนพยาบาลเป็นหลัก การจัดงานแผนกต่าง ๆ ให้ทันสมัยและเรียบร้อย ได้จัดการปราบโรคเหน็บชาในกองทัพเรือจนสิ้นเชิง ได้จัดอาสารักษาอหิวาตกโรคสำหรับพลเมืองทั่วไปกับทหาร ในขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ ท่านได้ยกวิทยฐานะของแพทย์ผู้ประกอบโรคศิลปะทั้งหมดที่มีอยู่ในการแพทย์ทหารเรือให้เท่าเทียมกัน ให้ทุกคนมีสิทธิเสรีในการรักษาพยาบาลตามที่ตนเห็นชอบ ไม่กำหนดตามแบบเดิมที่ว่า แพทย์ประจำหมวดเรือหรือแพทย์ประจำแผนก ไม่มีสิทธิ์จะตั้งตำหรับยารักษาโรค ไม่มีสิทธิทำการักษาคนไข้โดยอิสระ ดำเนินการรักษาโดยลำพังไม่ได้ต้องมีหัวหน้าแพทย์ควบคุม พฤติการณ์ที่ท่านทรงกระทำนี้ นับว่าท่านได้ส่งเสริมวิทยฐานะของแพทย์ให้มีสิทธิเสรีอย่างน่าสรรเสริญยิ่ง ต่อมาท่านได้ทรงจัดตั้งโรงเรียนจ่าพยาบาลขึ้นในกรมแพทย์ทหารเรือสอนและอบรมจนกระทั่งสภาการแพทย์รับจดทะเบียนเป็นแพทย์ชั้น 2 ได้[2]
ในระหว่างทรงประกอบวิชาชีพแพทย์ทหารเรือ หม่อมเจ้าถาวรมงคลวงศ์ ไชยันต์ ทรงเป็นครูสอนวิชาแพทย์ ครูวิชาโรคผิวหนัง และบรรณาธิการวารสารการแพทย์ ทรงนิพนธ์ตำราแพทย์และคู่มือแพทย์หลายเล่มด้วยกัน อาทิเช่น คู่มือแพทย์ประจำครอบครัว รวมถึงได้ร่วมประชุมก่อตั้งแพทยสมาคมฯ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2464 โดยครั้งแรกได้จดทะเบียนเป็น “สมาคม” มีสำนักงานชั่วคราวอยู่ที่ตึกอำนวยการของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งแต่ก่อนที่จะมีสมาคมนี้ขึ้น ได้มีการประชุมของแพทย์ชั้นผู้ใหญ่ เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2464 เป็นครั้งแรก[3]
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงตำแหน่งกรรมการสภาองคมนตรี ตามพระราชบัญญัติองคมนตรี พุทธศักราช 2470[4]
พลเรือตรี นายแพทย์ หม่อมเจ้าถาวรมงคลวงศ์ ไชยันต์ สิ้นชีพิตักษัย เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2483 สิริชันษา 56 ปี
ภายหลังจากสิ้นชีพิตักษัย สมาคมแพทย์ทหารแห่งประเทศไทยได้ยกย่อง พลเรือตรี นายแพทย์ หม่อมเจ้าถาวรมงคลวงศ์ ไชยันต์ เป็นคนดีศรีแพทย์ทหาร สาขาแพทย์ทหารและการบริการสังคม
เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]
- พ.ศ. 2473 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)
- พ.ศ. 2468 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)
- พ.ศ. 2467 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
- พ.ศ. 2474 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2468 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.) (ฝ่ายหน้า)[5]
- พ.ศ. 2457 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 3 ตติยจุลจอมเกล้า (ต.จ.) (ฝ่ายใน)[6] สืบราชตระกูลพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย
- พ.ศ. 2461 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)
- พ.ศ. 2460 –
เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))
- พ.ศ. 2471 –
เหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการในพระองค์ (ร.ด.ม.(พ))[7][8]
- พ.ศ. 2474 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 2 (ป.ป.ร.2)[9]
- พ.ศ. 2469 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 3 (ป.ป.ร.3)[10]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ ประกาศตั้งกรรมการองคมนตรี พ.ศ. 2474 - 2476 ราจกิจจานุเบกษา วันที่ 15 มีนาคม 2473http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2473/A/433.PDF
- ↑ สมาคมแพทย์ทหารแห่งประเทศไทย
- ↑ ประวัติแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
- ↑ พระราชบัญญัติองคมนตรี พุทธศักราช 2470 ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 5 กันยายน 2470http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2470/A/205.PDF
- ↑ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เล่ม 42 หน้า 3105 ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 10 มกราคม 2468
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 31 หน้า 1842 วันที่ 11 พฤศจิกายน 2457 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2457/D/1839.PDF
- ↑ พระราชทานเข็มราชการในพระองค์ (สำหรับเหรียญดุษฎีมาลา) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 45 หน้า 1412 วันที่ 18 พฤศจิกายน 2471
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 20 มกราคม 2460 เล่ม 34 หน้า 3069 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2460/D/3069.PDF
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 47 หน้า 3092 วันที่ 15 พฤศจิกายน 2474
- ↑ ราชกิจจานุเบกษาวันที่ 26 พฤศจิกายน 2469 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2469/D/3120.PDF