วัดโกเมศรัตนาราม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วัดโกเมศรัตนาราม
แผนที่
ที่ตั้งเลขที่ 134 หมู่ที่ 4 ถนนแสงน้ำ ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี 12160
ประเภทวัดราษฎร์
นิกายธรรมยุติกนิกาย
เจ้าอาวาสพระธรรมเมธาจารย์ (อิ่ม อรินฺทโม)
พระพุทธศาสนา ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา

วัดโกเมศรัตนาราม เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 4 บ้านศาลาพัน ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

ผู้ริเริ่มสร้างวัดคือนางตวงรัตน์ โกเมศ ได้กราบเรียนปรึกษากับสมเด็จพระวันรัต (จับ ฐิตธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดโสมนัสราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ท่านได้มอบหมายให้พระธรรมเมธาจารย์ (อิ่ม อรินฺทโม) เป็นผู้ควบคุมดูแลการสร้างวัดฝ่ายสงฆ์ มีการตรวจดูสถานที่ที่จะสร้างวัดเมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2527 ที่ดินมีเนื้อที่จำนวน 42 ไร่เศษ ทั้งหมดเป็นของนางตวงรัตน์ แต่ขณะนั้นที่ดินยังอยู่กลางทุ่งนา ไม่มีทางเข้าออก จึงได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 และชาวบ้านในละแวกนั้น เพื่อขอที่ดินบางส่วนทำถนนเข้าวัด ได้สร้างถนนเลียบคลองเปรมประชากรเข้าไป ถนนกว้าง 8 เมตร ยาว 1,300 เมตร เมื่อ พ.ศ. 2528 ใช้เวลา 8 เดือน

พระธรรมเมธาจารย์ได้กำหนดการวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2529 โดยมีสมเด็จพระวันรัต (จับ ฐิตธมฺมเถร) เป็นประธานในพิธี เพื่อสร้างวัดและโรงเรียนพระปริยัติธรรมสำหรับให้เป็นที่ศึกษาศิลปวิทยาการทั้งทางโลกและทางธรรมของพระภิกษุสามเณร

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2529 ได้เริ่มก่อสร้างหอสวดมนต์ โดยได้ตั้งชื่อว่า ศาลาสวาสดิ์โกเมศ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่นางสวาสดิ์ โกเมศ มารดาของผู้สร้างวัด ศาลาสวาสดิ์โกเมศเป็นอาคาร 2 ชั้น มีกุฏิ 5 หลังทรงไทยคล้ายคุ้มขุนแผน ขนาดกว้าง 28 เมตร ยาว 29 เมตร ชั้นบนหอกลางใช้สำหรับสวดมนต์ไหว้พระและทำสังฆกรรม ชั้นล่างใช้เป็นห้องเรียนชั่วคราวของพระภิกษุสามเณรนักเรียน ต่อมาใน พ.ศ. 2553 ทางวัดได้เปิดการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษา (ปริญญาตรี) สาขารัฐศาสตร์การปกครองขึ้น โดยรับทั้งภิกษุสามเณรและประชาชนทั่วไปเข้ามาศึกษา[1]

จากข้อมูลของกรมการศาสนา วัดโกเมศรัตนารามตั้งวัดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2532 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538[2]

อ้างอิง[แก้]

  1. "นำเที่ยววัดโกเมศรัตนาราม ต.เชียงรากน้อย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี".
  2. "รายงานทะเบียนวัด จังหวัดปทุมธานี" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-01-25. สืบค้นเมื่อ 2021-03-17.