รถถังเบา เอ็มเค7 เททราร์ค
รถถังเบา เอ็มเค7 , เททราร์ค | |
---|---|
รถถังเบา เอ็มเค7 , 'เททราร์ค' | |
ชนิด | รถถังเบา |
แหล่งกำเนิด | สหราชอาณาจักร |
บทบาท | |
ผู้ใช้งาน | สหราชอาณาจักร สหภาพโซเวียต |
สงคราม | สงครามโลกครั้งที่สอง |
ประวัติการผลิต | |
ผู้ออกแบบ | Vickers-Armstrongs |
ช่วงการออกแบบ | 1938 |
บริษัทผู้ผลิต | Metro Cammell |
ช่วงการผลิต | 1938–1942[1] |
จำนวนที่ผลิต | 100–177[2] |
แบบอื่น | Tetrarch I CS, Tetrarch DD |
ข้อมูลจำเพาะ | |
มวล | 16,800 ปอนด์ (7,600 กิโลกรัม) |
ความยาว | 13 ft 6 in (4.11 m)[3] |
ความกว้าง | 7 ft 7 in (2.31 m)[1] |
ความสูง | 6 ft 11 in (2.12 m)[1] |
ลูกเรือ | 3[1] (Commander, gunner, driver) |
เกราะ | 14 mm maximum |
อาวุธหลัก | QF 2 pounder (40 mm) 50 rounds |
อาวุธรอง | 7.92 mm Besa machine gun 2,025 rounds |
เครื่องยนต์ | Meadows 12-cylinder petrol 165 hp (123 kW) |
กันสะเทือน | Coil spring |
พิสัยปฏิบัติการ | 140 ไมล์ (230 กิโลเมตร)[1] |
ความเร็ว | 40 ไมล์ต่อชั่วโมง (64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง),[1] off–road 28 ไมล์ต่อชั่วโมง (45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) |
รถถังเบา เอ็มเค7 (A17) ยังเป็นที่รู้จักกันคือ เททราร์ค เป็นรถถังเบาของบริติซที่ถูกผลิตโดยวิคเกอร์-อาร์มสตรองในช่วงปลายปี ค.ศ. 1930 และพัฒนาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เททราร์คนั้นเดิมทีได้รับการออกแบบให้เป็นรุ่นล่าสุดในสายของรถถังเบาที่ถูกสร้างขึ้นโดยกองร้อยจากกองทัพอังกฤษ มันได้รับการปรับปรุงตามรุ่นก่อน รถถังเบา เอ็มเค6บี โดยได้รับการแนะนำในการติดตั้งปืน 2-ปอนด์เดอร์ที่มีอำนาจการยิงเป็นพิเศษ สำนักงานการสงคราม(War Office)ได้สั่งซื้อรถถัง 70 คัน จากนั้นก็ได้สั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 200 คัน การผลิตที่ล่าช้าด้วยปัจจัยหลายประการและส่งผลทำให้มีการผลิตรถถังได้แค่เพียง 100 ถึง 177 คัน[Note 1]
ด้วยจุดข้อบกพร่องในการออกแบบของรถถัง บวกกับการตัดสินใจของสำนักงานการสงครามที่ไม่ใช้รถถังเบาในกองพลยานเกราะบริติซ จึงถูกห้ามไม่ให้มีการใช้เททราร์คในการทัพแอฟริกาเหนือ เป็นผลทำให้รถถังส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในสหราชอาณาจักร แม้ว่าจะมีการส่งไปยังสหภาพโซเวียตประมาณ 20 คันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการให้ยืม-เช่า ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1941 กองกำลังราชยานเกราะ(Royal Armoured Corps)ได้ก่อตั้งสามกองพันทหารม้าสำหรับการใช้ในปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบกในโพ้นทะเล ซึ่งถูกติดตั้งด้วยเททราร์ค ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1941 จำนวนเล็กน้อยของเททราร์คได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังบริติซที่ได้เข้าร่วมในการบุกครองมาดากัสการ์ และในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1942 เททราร์คได้ประจำการอยู่ในกองพลทหารโดดร่มที่ 1 หลังจากที่ได้มีการตัดสินใจแล้วว่าที่จะอนุญาตให้ใช้เป็นรถถังเบาที่สามารถขนส่งทางอากาศได้สะดวกเพื่อสนับสนุนกองกำลังทหารโดดร่มบริติซ เททราร์คได้ถูกขนส่งและลงจอดในเครื่องร่อนที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษอย่าง General Aircraft Hamilcar[4] การขาดแคลนเครื่องร่อนได้กีดขวางพวกเขาในการเข้าร่วมในฝ่ายสัมพันธมิตรบุกครองเกาะซิซิลีในปี ค.ศ. 1943 แทนที่พวกเขาจะประจำการในกองพลทหารโดดร่มที่ 6 ใหม่ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของกรมทหารโดดร่มลาดตระเวนยานเกราะที่ 6
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 Bean & Fowler, pp. 148–150
- ↑ Flint, p. 12
- ↑ White BT British Tanks 1915–1945 Ian Allan p. 41
- ↑ "Huge Gliders Spill Tanks Behind Enemy Lines'" Popular Mechanics, December 1944, p.17. Note – article has two errors. One it, mistakenly states the tank loading in the Hamilcar is the American M22 Locust when in fact they are British Tetrarchs. Two, the Hamilcars landed no tanks in Operation Tonga.
อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref>
สำหรับกลุ่มชื่อ "Note" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="Note"/>
ที่สอดคล้องกัน