ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจ้าหญิงอีเรเนอแห่งเฮ็สเซินและริมไรน์"
Dinamik-bot (คุย | ส่วนร่วม) ล โรบอต แก้ไข: ro:Prințesa Irene de Hesse |
ล โรบอต เพิ่ม: cs:Irena Hesensko-Darmstadtská |
||
บรรทัด 62: | บรรทัด 62: | ||
[[ca:Irene de Hessen-Darmstadt]] |
[[ca:Irene de Hessen-Darmstadt]] |
||
[[cs:Irena Hesensko-Darmstadtská]] |
|||
[[de:Irene von Hessen-Darmstadt]] |
[[de:Irene von Hessen-Darmstadt]] |
||
[[en:Princess Irene of Hesse and by Rhine]] |
[[en:Princess Irene of Hesse and by Rhine]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 03:44, 29 สิงหาคม 2553
เจ้าหญิงไอรีนแห่งเฮสส์และไรน์ (Princess Irene of Hesse and by Rhine พระนามเต็ม ไอรีน หลุยส์ มาเรีย แอนนา; ประสูติ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2409 สิ้นพระชนม์ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2496) ทรงเป็นพระธิดาในลำดับที่สามของเจ้าหญิงอลิซแห่งสหราชอาณาจักรและแกรนด์ดยุคลุดวิกที่ 4 แห่งเฮสส์และไรน์ และมีพระอัยกาและอัยยิกาฝ่ายพระชนนีคือ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย และ เจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา ส่วนพระอัยกาและอัยยิกาฝ่ายพระชนกคือ เจ้าชายคาร์ลแห่งเฮสส์และไรน์ และ เจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งปรัสเซีย พระองค์ทรงเป็นพระชายาในเจ้าชายไฮน์ริชแห่งปรัสเซีย พระญาติชั้นที่หนึ่ง และนอกจากนี้ก็ทรงเป็นพาหะของโรคเฮโมฟีเลียเช่นเดียวกับพระกนิษฐาคือ เจ้าหญิงอลิกซ์ โดยพระโอรสสองในสามพระองค์ทรงประชวรเป็นโรคเฮโมฟีเลียด้วย
เจ้าหญิงอลิกซ์ พระขนิษฐาทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งรัสเซีย โดยทรงเปลี่ยนมาใช้พระนามใหม่ว่า อเล็กซานดรา เฟโอโดรอฟนา พระอัครมเหสีในสมเด็จพระจักรพรรดินิโคลาสที่ 2 แห่งรัสเซีย และเจ้าชายแอร์นส์ ลุดวิก พระอนุชาทรงเป็นแกรนด์ดยุคครองรัฐแห่งเฮสส์และไรน์ ส่วนเจ้าหญิงวิกตอเรีย พระภคินีองค์โตได้อภิเษกสมรสกับ เจ้าชายหลุยส์แห่งแบ็ตเต็นเบิร์ก ซึ่งต่อมาทั้งสองทรงเป็นมาร์ควิสและมาร์ชเนสแห่งมิลฟอร์ดฮาเว็น และเจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระภคินีอีกพระองค์หนึ่ง (ซึ่งต่อมาทรงได้รับการยกย่องจากศาสนจักรออร์โธด็อกซ์รัสเซียให้เป็นนักบุญเอลิซาเบธ ผู้เสียสละ) อภิเษกสมรสกับ แกรนด์ดยุคเซอร์เกย์ อเล็กซานโดรวิชแห่งรัสเซีย
ชีวิตในวัยเยาว์
เจ้าหญิงประสูติในวันที่ 11 กรกฎาคมพ.ศ. 2409 ณ พระราชวังใหม่ เมืองดาร์มสตัดท์ โดยทรงได้รับพระนามแรก ที่มาจากภาษากรีก แปลว่า "สันติภาพ" เนื่องจากพระองค์ประสูติในช่วงของการสิ้นสุดสงครามออสเตรีย-ปรัสเซีย[1] เจ้าหญิงอลิซทรงเห็นว่าเจ้าหญิงไอรีนทรงเป็นเด็กที่ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดและครั้งหนึ่งทรงเขียนถึงเจ้าหญิงวิกตอเรีย พระภคินีว่าไอรีนนั้น "ไม่สวยน่ารัก"[2] แม้ว่าจะไม่ทรงมีพระสิริโฉมงามเท่าเจ้าหญิงเอลิซาเบธ แต่เจ้าหญิงทรงสุภาพเรียบร้อย ถึงแม้จะเป็นแค่ลักษณะนิสัย เจ้าหญิงอลิซทรงอบรมเลี้ยงดูพระธิดาแบบเรียบง่าย ทรงมีพระพี่เลี้ยงชาวอังกฤษควบคุมดูแลพระโอรสและธิดา และให้เสวยพระกระยาหารพวกข้าวบดเหลวกับแอ็ปเปิ้ลอบ และสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา ทรงสอนพระธิดาเรื่องการบ้านการเรือน เช่น การอบขนมเค้ก จัดปูเตียง จุดไฟในเตาผิง และปัดกวาดฝุ่นให้ห้องนอน เจ้าหญิงอลิซยังทรงเน้นถึงความจำเป็นในการช่วยเหลือคนจนและพาพระธิดาไปในการเยี่ยมเยียนโรงพยาบาลและงานการกุศลต่างๆ ด้วย[3]
ในปี พ.ศ. 2416 ทั้งครอบครัวรู้สึกโศกเศร้าเมื่อเจ้าชายฟรีดริช ซึ่งทรงมีพระนามเรียกเล่นว่า "ฟริตตี้" พระอนุชาที่ประชวรโรคเฮโมฟีเลียของเจ้าหญิงไอรีน พลัดตกจากหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ พระเศียรติดอยู่กับราวระเบียง และได้สิ้นพระชนม์ในอีกหลายชั่วโมงต่อมาเนื่องจากพระโลหิตคั่งในสมอง[4] ต่อมาอีกหลายเดือนหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระโอรสวัยเยาว์ เจ้าหญิงอลิซก็ทรงนำพระโอรสและธิดาไปยังหลุมฝังพระศพเพื่อสวดมนต์ต์และทรงหดหู่เมื่อถึงการฉลองครบรอบที่เกี่ยวกับพระองค์[5] ในฤดูใบไม้ร่วงของปี พ.ศ. 2421 เจ้าหญิงไอรีน พระภคินี พระอนุชา พระกนิษฐาและพระชนกทรงประชวรด้วยโรคคอตีบ เจ้าหญิงมารี ซึ่งทรงมีพระนามเรียกเล่นว่า "เมย์" ก็ได้สิ้นพระชนม์ด้วยโรคนี้ ส่วนพระชนนีซึ่งทรงเหนื่อยล้าจากการพยาบาลพระโอรสและธิดา ทรงติดโรคนี้ด้วยเช่นกัน เมื่อทรงทราบว่าประชวรใกล้สิ้นพระชนม์ เจ้าหญิงอลิซก็ทรงสั่งเสียความปรารถนาต่างๆ รวมถึงคำแนะนำในการเลี้ยงดูพระธิดาและดูแลการบ้านการเรือนกับพระสวามี เจ้าหญิงสิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคคอตีบเมื่อธันวาคม พ.ศ. 2421[6]
หลังจากการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงอลิซ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงตกลงพระทัยจะเป็นเหมือนเป็นพระชนนีให้กับพระราชนัดดาในราชวงศ์เฮสส์ เจ้าหญิงไอรีน พระภคินี พระกนิษฐาและพระอนุชาที่ยังทรงพระชนม์อยู่ ได้ทรงประทับอยู่ในอังกฤษช่วงวันหยุดต่างๆ และพระอัยยิกาทรงก็ส่งคำแนะนำเกี่ยวกับการศึกษาและความเห็นเกี่ยวกับฉลองพระองค์ของพระราชนัดดามายังพระอาจารย์ด้วย[7]
อภิเษกสมรส
เจ้าหญิงไอรีนทรงอภิเษกสมรสวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2431 ณ ปราสาทชาร์ล็อตเต็นบูร์ก กรุงเบอร์ลิน กับ เจ้าชายไฮน์ริชแห่งปรัสเซีย พระราชโอรสพระองค์ที่สองในสมเด็จพระจักรพรรดิฟรีดริชที่ 3 แห่งเยอรมนี และ เจ้าฟ้าหญิงวิกตอเรีย พระวรราชกุมารี พระจักรพรรดินีมเหสีแห่งเยอรมนี ในฐานะที่พระชนนีของทั้งสองพระองค์ทรงเป็นพี่น้องกัน เจ้าหญิงไอรีนและเจ้าชายไฮน์ริชทรงเป็นพระญาติชั้นที่หนึ่งของกันและกัน[8] การอภิเษกสมรสสร้างความไม่พอพระทัยแก่สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย เพราะพระองค์ไม่เคยทรงทราบถึงการขอความรักกันจนกระทั่งทั้งสองพระองค์ตกลงพระทัยที่จะอภิเษกสมรส[9] เจ้าหญิงวิกตอเรีย พระจักรพรรดินีมเหสีทรงพอพระทัยในตัวเจ้าหญิงไอรีนมาก อย่างไรก็ดี จักรพรรดินีทรงตกพระทัยมากเนื่องจากเจ้าหญิงไอรีนมิทรงสวมผ้าคลุมไหล่หรือผ้าคุลมบ่าเพื่ออำพรางพระอุทรขณะทรงพระครรภ์พระโอรสพระองค์แรกคือ เจ้าชายวัลเดมาร์ ซึ่งประชวรด้วยโรคเฮโมฟีเลียในปี พ.ศ. 2432 จักรพรรดินีที่ทรงสนพระทัยในการเมืองและเหตุการณ์ปัจจุบันยังทรงไม่เข้าพระทัยอีกด้วยว่าทำไมเจ้าชายไฮน์ริชและเจ้าหญิงไอรีนไม่เคยทรงอ่านหนังสือพิมพ์เลย[10] อย่างไรก็ตามทั้งสองพระองค์ทรงอภิเษกสมรสกันด้วยความสุขและทรงเป็นที่รู้จักว่า "The Very Amiables" (คู่ที่น่ารักมาก) ในหมู่พระประยูรญาติ เนื่องจากลักษณะท่าทางอันสุภาพเรียบร้อย ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระโอรสสามพระองค์คือ
- เจ้าฟ้าชายวัลเดมาร์แห่งปรัสเซีย (วัลเดมาร์ วิลเฮล์ม ลุดวิก ฟรีดริช วิคตอร์ ไฮน์ริช; 20 มีนาคม พ.ศ. 2432 - 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2488)[11]
- ทรงอภิเษกสมรสวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2462 ณ เมืองเฮมเมลมาร์ค ประเทศเยอรมนี กับ เจ้าหญิงคาลิกซ์ตา แอ็กเนส อเดลไฮด์ เอียร์มการ์ด เฮเลนา คาโรลา เอลิซา เอ็มมาแห่งลิปเปอ (14 ตุลาคม พ.ศ. 2438 - 15 ธันวาคม พ.ศ. 2525)
- เจ้าฟ้าชายซิกิสมุนด์แห่งปรัสเซีย (วิลเฮล์ม วิคตอร์ คาร์ล เอากุสต์ ไฮน์ริช ซิกิสมุนด์; 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2439 - 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521)
- ทรงอภิเษกสมรสในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2462 ณ เมืองเฮมเมลมาร์ค ประเทศเยอรมนี กับ เจ้าหญิงชาร์ล็อต แอ็กเนส แอร์เนสตีน เอากุสเท บาธิลดิส มารี เธเรซา อดอลฟีนแห่งแซ็กซ์-อัลเต็นบูร์ก ดัชเชสแห่งแซ็กโซนี (4 มีนาคม พ.ศ. 2442 - 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532)
- เจ้าฟ้าชายไฮน์ริชแห่งปรัสเซีย (ไฮน์ริช วิคตอร์ ลุดวิก ฟรีดริช; 9 มกราคม พ.ศ. 2443 - 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2447)
เชื้อสายของเจ้าชายไฮน์ริชและเจ้าหญิงไอรีนประกอบด้วยพระนัดดาสององค์ พระปนัดดาสององค์ และโอรสธิดาของพระปนัดดาอีกหกคน[12]
สัมพันธ์ในครอบครัว
เจ้าหญิงได้ทรงถ่ายทอดพันธุกรรมเฮโมฟีเลียไปยังเจ้าชายวัลเดมาร์และเจ้าชายไฮน์ริช พระโอรสองค์โตและองค์เล็ก พระพลานามัยของเจ้าชายวัลเดมาร์น่าเป็นห่วงมากสำหรับพระองค์เมื่อทรงพระเยาว์[13] ต่อมาก็ยังทรงโทมนัสเป็นอันมากเมื่อเจ้าชายไฮน์ริช พระโอรสองค์เล็กชนมายุ 4 ชันษา สิ้นพระชนม์หลังจากหกล้มและพระเศียรกระแทกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2447[14] หลังจากการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายไฮน์ริช เจ้าหญิงอลิกซ์ ซึ่งทรงเป็นพระขนิษฐาที่ขณะนี้เป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีอเล็กซานดรา เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย ทรงมีประสูติกาลพระโอรสที่ประชวรด้วยโรคเฮโมฟีเลีย พระนามว่า มกุฎราชกุมารอเล็กซิส ส่วนสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย ยูจีเนียแห่งสเปน พระญาติชั้นที่หนึ่งก็ทรงมีพระโอรสที่ประชวรด้วยโรคเฮโมฟีเลียสองพระองค์เช่นกัน
เจ้าหญิงไอรีนที่ทรงได้รับการเลี้ยงดูมาให้เชื่อวิถีความพฤติสมัยวิกตอเรียอย่างแท้จริง ทรงตกพระทัยอย่างง่ายดายกับสิ่งที่เห็นว่าเป็นความไร้ศีลธรรม [15] เมื่อเจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระภคินีทรงเลิกนับถือนิกายลูเธอรันเยอรมัน ที่ทั้งสองพระองค์ทรงเติบโตมาและเข้ารีตในศาสนจักรออร์โธด็อกซ์รัสเซียในปี พ.ศ. 2434 เจ้าหญิงทรงรู้สึกเศร้าพระทัยมาก พระองค์ทรงเขียนถึงพระชนกว่าทรง"ร้องไห้อย่างหนัก"กับการตัดสินใจของเจ้าหญิงเอลิซาเบธ[16] ต่อมาเจ้าหญิงอลิกซ์ได้ทรงเข้ารีตในศาสนจักรออร์โธด็อกซ์รัสเซียด้วยเช่นกันเมื่อทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระจักรพรรดินิโคลาสที่ 2 แห่งรัสเซีย แม้ว่าจะทรงผิดหวังกับการเลือกนับถือศาสนา พระองค์ยังคงใกล้ชิดสนิทสนมกับพระภคินีและขนิษฐาทั้งสอง ในปี พ.ศ. 2450 เจ้าหญิงไอรีนทรงช่วยเหลือจัดแจงการอภิเษกสมรสที่ต่อมาเป็นเสมือนหายนะระหว่างแกรนด์ดัชเชสมาเรีย ปาฟลอฟนาแห่งรัสเซียกับเจ้าชายวิลเฮล์มแห่งสวีเดน ดยุคแห่งโซเดอร์มันลานด์[17] สมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน พระชนนีในเจ้าชายวิลเฮล์มทรงเป็นสหายเก่าของทั้งเจ้าหญิงเอลิซาเบธและเจ้าหญิงไอรีน [18] แกรนด์ดัชเชสมาเรียทรงเขียนเล่าต่อมาว่าเจ้าหญิงไอรีนทรงกดดันพระองค์ให้ทำพิธีอภิเษกสมรสให้ลุล่วงเมื่อทรงสงสัย พระองค์ตรัสกับแกรนด์ดัชเชสว่าการล้มเลิกงานพิธีจะทำให้เจ้าหญิงเอลิซาเบธ"เสียใจอย่างมาก"[19] ในปี พ.ศ. 2455 เจ้าหญิงไอรีนทรงเป็นหนึ่งในแรงสนับสนุนต่อเจ้าหญิงอลิกซ์ พระขนิษฐา เมื่อมกุฎราชกุมารอเล็กซิสใกล้สิ้นพระชนม์จากความซับซ้อนของโรคเฮโมฟีเลียที่เรือนล่าสัตว์ของราชวงศ์ในประเทศโปแลนด์[20]
ปลายพระชนม์ชีพ
ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหญิงไอรีนกับพระภคินีและพระขนิษฐาต้องแตกแยกออกจากการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งทำให้ต้องทรงอยู่กันคนละฝ่าย เมื่อสงครามสิ้นสุดลง พระองค์ทรงได้ข่าวว่าเจ้าหญิงอลิกซ์ พระสวามี พระโอสธิดาและเจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระภคินีทรงถูกปลงพระชนม์โดยพวกบอลเชวิค หลังจากสงครามและการสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 ประเทศเยอรมนีไม่ได้ปกครองด้วยราชวงศ์ปรัสเซียอีกต่อไป แต่เจ้าหญิงไอรีนกับพระสวามียังคงประทับในตำหนักเฮมเมลมาร์ค ทางตอนเหนือของประเทศอยู่
เมื่อแอนนา แอนเดอร์สันปรากฏตัวขึ้นที่กรุงเบอร์ลินในปี พ.ศ. 2464 โดยอ้างว่าเป็นแกรนด์ดัชเชสอนาสตาเซีย นิโคไลเยฟนาแห่งรัสเซีย ผู้รอดชีวิตจากการปลงพระชนม์พระราชวงศ์ เจ้าหญิงไอรีนเสด็จไปพบกับหญิงสาวคนนั้นแต่ตัดสินว่านางแอนเดอร์สันไม่ใช่พระนัดดาที่ทรงพบครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2456[21] เจ้าชายไฮน์ริช พระสวามีทรงกล่าวว่าการพูดถึงนางแอนเดอร์สันรบกวนพระทัยเจ้าหญิงไอรีนมากเกินไปและทรงสั่งว่าห้ามมิให้ใครพูดถึงหญิงคนนั้นเมื่อพระองค์ทรงอยู่ด้วย เจ้าชายไฮน์ริชสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2472 และอีกหลายปีต่อมา เจ้าชายซิกิสมุนด์ พระโอรสทรงตั้งคำถามกับนางแอนเดอร์สันผ่านสื่อกลางเกี่ยวกับวัยเยาว์ที่มีร่วมกันและกล่าวว่าคำตอบถูกหมดทุกขัอ[22] เจ้าหญิงไอรีนทรงรับอุปการะเจ้าหญิงบาร์บารา พระธิดาในเจ้าชายซิกิสมุนด์ ที่ประสูติในปี พ.ศ. 2463 ไว้เป็นทายาทหลังจากที่เจ้าชายได้เสด็จออกจากเยอรมนีเพื่อไปประทับยังประเทศคอสตาริกาในช่วงทศวรรษที่ 1930 เจ้าชายซิกิสมุนด์ทรงปฏิเสธที่จะเสด็จกลับมาประทับในเยอรมนีหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2[23] เจ้าหญิงไอรีนทรงโทมนัสอย่างแสนสาหัสเมื่อเจ้าชายวัลเดมาร์ พระโอรสองค์โตทรงประชวรด้วยโรคเฮโมฟีเลียในปี พ.ศ. 2488 และสิ้นพระชนม์เนื่องจากการขาดเลือดสำหรับการถ่ายโลหิต ส่วนเจ้าหญิงก็สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2496 สิริพระชนมายุได้ 87 พรรษา 4 เดือน โดยได้ทรงทิ้งพระตำหนักเฮมเมลมาร์คไว้ให้เป็นมรดกแก่พระนัดดา
พระอิสริยยศ
- พ.ศ. 2409 - พ.ศ. 2431: สมเด็จพระองค์เจ้าหญิงไอรีนแห่งเฮสส์และไรน์ (Her Grand Ducal Highness Princess Irene of Hesse and by Rhine)
- พ.ศ. 2431 - พ.ศ. 2496: สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงไอรีนแห่งปรัสเซีย (Her Royal Highness Princess Irene of Prussia)
อ้างอิง
- ↑ Mager (1998), p. 27
- ↑ Pakula (1995), p. 322
- ↑ Mager (1998), pp. 28-29
- ↑ Mager (1998), p. 45
- ↑ Mager (1998), pp. 45-46
- ↑ Mager (1998), p. 56
- ↑ Mager (1998), p. 57
- ↑ Mager (1998), p. 111
- ↑ Queen Victoria (1975)
- ↑ Pakula (1995), p. 513
- ↑ Eilers (1997), p. 130-131
- ↑ Paul Theroff (2007). ""Mecklenburg"". An Online Gotha. สืบค้นเมื่อ 27 มีนาคม พ.ศ. 2550.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ Pakula (1995), p. 537
- ↑ Maylunas and Mironenko (1997), pp. 239-240
- ↑ Massie (1995), p. 165
- ↑ Mager (1998), p. 135.
- ↑ Mager (1998), p. 228
- ↑ Mager (1998), p. 228
- ↑ Grand Duchess Marie (1930)
- ↑ Maylunas and Mironenko (1997), p. 355
- ↑ Kurth (1983), p. 51
- ↑ Kurth (1983), p. 272
- ↑ Kurth (1983), p. 428
- Eilers, Marlene A. (1997), Queen Victoria’s Descendants, Rosvall Royal Books, Falköping, 2nd Edition. ISBN 9-163-05964-9.
- Kurth, Peter (1983). Anastasia: The Riddle of Anna Anderson. Little, Brown, and Company. ISBN 0-316-50717-2.
- Grand Duchess Marie (1930). Education of a Princess: A Memoir. Viking Press.
- Mager, Hugo (1998). Elizabeth: Grand Duchess of Russia. Carroll and Graf Publishers, Inc. ISBN 0-7867-0678-3
- Massie, Robert K. (1995). The Romanovs: The Final Chapter. Random House. ISBN 394-58048-6
- Mironenko, Sergei, and Maylunas, Andrei (1997). A Lifelong Passion: Nicholas and Alexandra: Their Own Story. Doubleday. ISBN 0-385-48673-1.
- Pakula, Hannah (1995). An Uncommon Woman: The Empress Frederick: Daughter of Queen Victoria, Wife of the Crown Prince of Prussia, Mother of Kaiser Wilhelm. Simon and Schuster. ISBN 0-684-84216-5.
- Queen Victoria (1975). Advice to my grand-daughter: Letters from Queen Victoria to Princess Victoria of Hesse. Simon and Schuster. ISBN-10 0671222422