ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เอลีซาแบ็ต-หลุยส์ วีเฌ-เลอเบริง"
ล โรบอต เพิ่ม: pnb:میری وجے لیبرن |
ล โรบอต เพิ่ม: bg:Елизабет Виже-Льо Брюн |
||
บรรทัด 102: | บรรทัด 102: | ||
{{death|1842}} |
{{death|1842}} |
||
[[bg:Елизабет Виже-Льо Брюн]] |
|||
[[da:Élisabeth Vigée-Le Brun]] |
[[da:Élisabeth Vigée-Le Brun]] |
||
[[de:Élisabeth Vigée-Lebrun]] |
[[de:Élisabeth Vigée-Lebrun]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 06:21, 23 สิงหาคม 2552
เอลีซาแบ็ต-หลุยส์ วีเฌ-เลอเบริง |
---|
เอลิซาเบธ-หลุยส์ วิฌี-เลอเบริง (ภาษาอังกฤษ: Élisabeth-Louise Vigée-Le Brun หรือ Marie Élisabeth-Louise Vigée) (16 เมษายน ค.ศ. 1755 - 30 มีนาคม ค.ศ. 1842) เป็นจิตรกรสมัยโรโคโคชาวฝรั่งเศสของคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 ผู้มีชื่อเสียงในการเขียนจิตรกรรมภาพเหมือน เอลิซาเบธแสดงความสนใจในศิลปะฟื้นฟูคลาสสิคแต่ไม่ได้จัดอยู่ในจิตรกรกลุ่มนี้เพราะความสนใจของเอลิซาเบธจำกัดอยู่แต่เพียงการแต่งตัวของแบบที่เขียนให้เป็นคลาสสิค มิใช่ความสนใจในการสร้างจิตรกรรมประวัติศาสตร์แบบคลาสสิค
ชีวิตเบื้องต้น
เอลิซาเบธ-หลุยส์ วิฌี-เลอเบริงเกิดเมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 1755 ที่เมืองปารีสในประเทศฝรั่งเศส โดยมีชื่อเมื่อแรกเกิดว่า มารี เอลิซาเบธ-หลุยส์ วิฌี ลูกสาวของจิตรกรภาพเหมือนและภาพบนพัด หลุยส์ วิฌี ผู้ที่เอลิซาเบธได้รับการศึกษาทางศิลปะเมื่อเริ่มแรก มารดาของเอลิซาเบธเป็นช่างแต่งผม[1] เอลิซาเบธถูกส่งไปอยู่กับญาติในเอเปร์นอง (Epernon) จนอายุ 6 ปีเมื่อเอลิซาเบธเข้าคอนแวนต์และอยู่ที่นั่นอีก 5 ปี พ่อของเอลิซาเบธเสียชีวิตเมื่อเอลิซาเบธอายุได้ 12 ปี ในปี ค.ศ. 1768 แม่ของเอลิซาเบธแต่งงานกับช่างอัญมณี, ฌาคส์ ฟรองซัวส์ เลอ เซเวร์ หลังจากนั้นครอบครัวก็ย้ายไปถนนแซงต์โอเนอร์ไม่ไกลจากพระราชวังหลวงแห่งปารีส (Palais Royal) ระหว่างนี้เอลิซาเบธก็ได้รับการศึกษาแนะนำจากกาเบรียล ฟรองซัวส์ โดแยง (Gabriel François Doyen), ฌอง แบ็พทิสต์ กรุซ (Jean-Baptiste Greuze) และโจเซฟ เวร์เนท์ (Joseph Vernet) และจิตรกรสำคัญคนอื่นๆ ในยุคนั้น
เมื่ออยู่ในวัยรุ่นเอลิซาเบธก็เริ่มเขียนภาพเหมือนเป็นอาชีพ หลังจากห้องเขียนภาพถูกปิดเพราะไม่มีใบอนุญาติเอลิซาเบธก็สมัครเป็นสมาชิกของสถาบันเซนต์ลูคที่ไม่เต็มใจแสดงภาพเขียนของเอลิซาเบธในห้องแสดงภาพของสถาบัน แต่เอลิซาเบธก็ได้รับเข้าเป็นสมาชิกเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1774
มารี อองตัวเนต
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 1775 เอลิซาเบธแต่งงานกับ ฌอง-แบ็พทิสต์-ปิแยร์ เลอเบริง จิตรกรและผู้ค้าขายศิลปะ เอลิซาเบธเขียนภาพเหมือนของเจ้านายคนสำคัญๆ ของสมัยนั้นหลายพระองค์และเมื่อมีชื่อเสียงมากขึ้นเอลิซาเบธก็ได้รับเชิญจากสำนักพระราชวังแวร์ซายส์ให้เขียนภาพมารี อองตัวเนต สมเด็จพระราชินีแห่งฝรั่งเศส
มารี อองตัวเนตทรงพอพระทัยในฝีมือจนทรงให้เอลิซาเบธเขียนภาพเหมือนของพระองค์และพระราชโอรสธิดาของพระองค์และพระญาติพระวงศ์ต่อมาอีกหลายปี เอลิซาเบธคลอดลูกสาวเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1780 ชื่อฌานน์ ฌูลี หลุยส์ ผู้ที่เอลิซาเบธเรียกว่า “ฌูลี”
ในปี ค.ศ. 1781 เอลิซาเบธและสามีก็ไปเดินทางไปเที่ยวบริเวณฟลานเดอร์ส และเนเธอร์แลนด์ที่เอลิซาเบธได้เห็นงานเขียนต่างๆ ของจิตรกรเฟล็มมิชคนสำคัญๆ ที่ทำให้ได้รับแรงบันดาลใจในการทดลองการเขียนวิธีใหม่ ระหว่างการเดินทางเอลิซาเบธก็มีโอกาสเขียนภาพเหมือนของเจ้านายที่นั่นรวมทั้งเจ้าชายวิลเลียมแห่งออเรนจ์
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1783 เอลิซาเบธก็ได้รับเข้าเป็นสมาชิกของ “าชสถาบันแห่งจิตรกรรมและประติมากรรม” ในฐานะจิตรกรภาพอุปมานิทัศน์ประวัติศาสตร์ อเดลเลด ลาบิเย-กุยาร์ด (Adélaïde Labille-Guiard]]ก็ได้รับเข้าเป็นสมาชิกในวันเดียวกัน
การยอมรับของเอลิซาเบธเข้าเป็นสมาชิกได้รับการต่อต้านเพราะสามีเป็นผู้ค้าศิลปะ แต่ในที่สุดมติของสมาคมก็ถูกเปลี่ยนโดยพระราชโองการของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 โดยมีมารี อองตัวเนตหนุนหลังพระสวามีในนามของเอลิซาเบธ การยอมรับสตรีสองคนเข้าเป็นสมาชิกของสถาบันในวันเดียวกันเป็นการเปรียบเทียบงานของสตรีสองคนแทนที่จะเปรียบคุณค่าของงานของเอลิซาเบธกับงานของสมาชิกของสมาคมที่มีอยู่แล้วซึ่งเป็นผู้ชายทั้งหมด
ในปี ค.ศ. 1789 อเล็กซานเดอร์ คูชาสกี (Alexander Kucharsky) ก็ได้เป็นช่างเขียนประจำราชสำนักต่อจากเอลิซาเบธ
การปฏิวัติฝรั่งเศส
หลังจากที่พระราชวงศ์ถูกจับระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส เอลิซาเบธก็หลบหนีจากฝรั่งเศสกับลูกสาว เอลิซาเบธไปทำงานอยู่ในอิตาลี, ออสเตรีย และรัสเซีย ในกรุงโรมภาพเขียนของเอลิซาเบธได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง และทำให้เอลิซาเบธได้รับเข้าเป็นสมาชิกของสถาบันเซนต์ลูคแห่งโรม
ในรัสเซียเอลิซาเบธเข้าเขียนภาพในราชสำนักของพระจักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่ 2 แห่งรัสเซีย ขณะที่พำนักอยู่ที่นั่นเอลิซาเบธก็ได้เข้าเป็นสมาชิกของ “สถาบันวิจิตรศิลป์แห่งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก” ส่วนฌูจีแต่งงานกับขุนนางรัสเซีย[1]
เอลิซาเบธได้รับการต้อนรับกลับฝรั่งเศสระหว่างรัชสมัยของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 งานของเอลิซาเบธเป็นที่ต้องการกันในหมู่ชนชั้นสูงไปทั่วยุโรป เอลิซาเบธเดินทางไปอังกฤษเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 และได้เขียนภาพเหมือนของขุนนางหลายคนรวมทั้งจอร์จ กอร์ดอน ไบรอน บารอนไบรอนที่ 6 (George Gordon Byron, 6th Baron Byron) ต่อมาในปี ค.ศ. 1807 เอลิซาเบธก็เดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์และได้เข้าเป็นสมาชิกกิติมศักดิ์ของสมาคมเพื่อความก้าวหน้าของวิจิตรศิลป์ (Société pour l'Avancement des Beaux-Arts” แห่งเจนีวา
เอลิซาเบธพิมพ์บันทึกความทรงจำในปี ค.ศ. 1835 และปี ค.ศ. 1837 ซึ่งเป็นที่น่าสนใจตรงที่ทำให้เห็นภาพพจน์ของการศึกษาของจิตรกรในปลายสมัยของจิตรกรรมที่มีอิทธิมาจากราชสถาบัน
เอลิซาเบธยังคงเขียนภาพจนอายุอยู่ในวัยห้าสิบ เอลิซาเบธซื้อบ้านที่ Louveciennes ในแคว้นอีล-เดอ-ฟรองซ์ และพำนักอยู่ที่นั่นจนถูกยึดโดยทหารของปรัสเซีย ระหว่างสงครามนโปเลียน ในปี ค.ศ. 1814 เอลิซาเบธพำนักอยู่ในปารีสจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1842 ร่างของเอลิซาเบธถูกนำกลับไปฝังที่ Louveciennes บนหินบนหลุมศพมีคำจารึก “Ici, enfin, je repose…”
เอลิซาเบธเขียนภาพเหมือนด้วยกันทั้งหมด 660 ภาพและภาพภูมิทัศน์อีก 200 ภาพ ภาพของเอลิซาเบธตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกรวมทั้งพิพิธภัณฑ์เฮอร์มิทาจและหอศิลป์แห่งชาติ (ลอนดอน) ในยุโรปและอีกหลายพิพิธภัณฑ์ในสหรัฐอเมริกา
อ้างอิง
- Lebrun, “Souvenirs”, ปารีส, ค.ศ. 1835–ค.ศ. 1837 (translated by Lionel Strachey, New York, 1903).
- Italian Wikipedia
- CyberPathways Art World
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เอลิซาเบธ-หลุยส์ วิฌี-เลอเบริง
- ชีวะประวัติของเอลิซาเบธ-หลุยส์ วิฌี-เลอเบริงที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเว็บ
- ภาพเขียนของเอลิซาเบธ-หลุยส์ วิฌี-เลอเบริงที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเว็บ
- ระเบียงภาพของเอลิซาเบธ-หลุยส์ วิฌี-เลอเบริงรวมทั้งบทความ, บันทึกความทรงจำและชีวประวัติ
- “บันทึกความทรงจำของมาดามวิฌี-เลอเบริง” แปลโดย ไลโอเนล สตราชีย์
สมุดภาพ
-
“มารี อองตัวเนต”
ค.ศ. 1786 -
“มาดามดู แบร์รี”
-
“Antoinette-Elisabeth-Marie d'Aguesseau”
ราว ค.ศ. 1785 -
“Marquise de Rougé with her Sons”
ราว ค.ศ. 1787 -
“น้องชายของจิตรกร”
ค.ศ. 1773 -
“Comte de Vaudreuil”
ค.ศ. 1784 -
“อูแบร์ต โรแบร์ต”
ค.ศ. 1788 -
“Caroline Murat with her daughter”
ราว ค.ศ. 1807 -
“เลดีแฮมมิลตันแต่งตัวเป็นอาเรียดเน”
ราว ค.ศ. 1790 -
“Bacchante”
ราว ค.ศ. 1785