ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รัฐสุลต่านรูม"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 33: | บรรทัด 33: | ||
คำว่า “Rûm” [[ภาษาอาหรับ|อาหรับ]]ที่ใช้เรียก[[จักรวรรดิโรมัน|โรมัน]] เซลจุคเรียกอาณาจักรของตนเองว่า “รัม” เพราะกองทัพมุสลิมต่างๆ ถือว่าบริเวณนี้เคยเป็นดินแดนที่ถือว่าเป็นดินแดน “โรมัน” มาแต่โบราณหรือของ[[จักรวรรดิไบแซนไทน์|จักรวรรดิโรมันตะวันออก]]<ref>Alexander Kazhdan, “Rūm” ''The Oxford Dictionary of Byzantium'' (Oxford University Press, 1991), vol. 3, p. 1816.</ref> นักประวัติศาสตร์ตุรกีสมัยปัจจุบันเรียกอาณาจักรนี้ว่า “อาณาจักรสุลต่านแห่งอานาโตเลีย” (“Anadolu Selçukluları”) หรือเมื่อไม่นานมานี้ก็เรียกว่า “เซลจุคแห่งตุรกี” (“Türkiye Selçukluları”) หรือบางครั้งก็มีบ้างที่เรียกว่า “อาณาจักรสุลต่านแห่งคอนยา” หรือ “อาณาจักรสุลต่านแห่งไอโคเนียม” ในบันทึกที่เขียนในตะวันตก |
คำว่า “Rûm” [[ภาษาอาหรับ|อาหรับ]]ที่ใช้เรียก[[จักรวรรดิโรมัน|โรมัน]] เซลจุคเรียกอาณาจักรของตนเองว่า “รัม” เพราะกองทัพมุสลิมต่างๆ ถือว่าบริเวณนี้เคยเป็นดินแดนที่ถือว่าเป็นดินแดน “โรมัน” มาแต่โบราณหรือของ[[จักรวรรดิไบแซนไทน์|จักรวรรดิโรมันตะวันออก]]<ref>Alexander Kazhdan, “Rūm” ''The Oxford Dictionary of Byzantium'' (Oxford University Press, 1991), vol. 3, p. 1816.</ref> นักประวัติศาสตร์ตุรกีสมัยปัจจุบันเรียกอาณาจักรนี้ว่า “อาณาจักรสุลต่านแห่งอานาโตเลีย” (“Anadolu Selçukluları”) หรือเมื่อไม่นานมานี้ก็เรียกว่า “เซลจุคแห่งตุรกี” (“Türkiye Selçukluları”) หรือบางครั้งก็มีบ้างที่เรียกว่า “อาณาจักรสุลต่านแห่งคอนยา” หรือ “อาณาจักรสุลต่านแห่งไอโคเนียม” ในบันทึกที่เขียนในตะวันตก |
||
อาณาจักรสุลต่านแห่งรัมมีความรุ่งเรืองที่สุดในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึงต้น คริสต์ศตวรรษที่ 13 เมื่อยึดเมืองท่าสำคัญบนฝั่ง[[ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน]]และบนฝั่ง[[ทะเลดำ]]จาก[[จักรวรรดิไบแซนไทน์]]ได้ ภายในอานาโตเลียเซลจุคก็ทำการค้าขายโดยใช้ระบบ[[สถานีคาราวาน]] (caravanserai) โดยการตั้งที่พักผู้ขนย้ายสินค้าเป็นระยะๆ ที่เป็นการช่วยให้ความสะดวกแก่การขนย้ายสินค้าจาก[[อิหร่าน]]และ[[เอเชียกลาง]]ไปยังเมืองท่าต่างๆ อาณาจักรสุลต่านแห่งรัมมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่แน่นหนากับ[[สาธารณรัฐเจนัว]]ก็ก่อตั้งขึ้นในสมัยนี้ ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นทำให้เซลจุคสามารถผนวกรัฐต่างๆ ในตุรกีที่ก่อตั้งขึ้นทางตะวันออกได้หลังจาก[[ยุทธการมันซิเคิร์ต]] (Battle of Manzikert) ที่รวมทั้งดินแดนของ[[ดานิชเมนด์ส |
อาณาจักรสุลต่านแห่งรัมมีความรุ่งเรืองที่สุดในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึงต้น คริสต์ศตวรรษที่ 13 เมื่อยึดเมืองท่าสำคัญบนฝั่ง[[ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน]]และบนฝั่ง[[ทะเลดำ]]จาก[[จักรวรรดิไบแซนไทน์]]ได้ ภายในอานาโตเลียเซลจุคก็ทำการค้าขายโดยใช้ระบบ[[สถานีคาราวาน]] (caravanserai) โดยการตั้งที่พักผู้ขนย้ายสินค้าเป็นระยะๆ ที่เป็นการช่วยให้ความสะดวกแก่การขนย้ายสินค้าจาก[[อิหร่าน]]และ[[เอเชียกลาง]]ไปยังเมืองท่าต่างๆ อาณาจักรสุลต่านแห่งรัมมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่แน่นหนากับ[[สาธารณรัฐเจนัว]]ก็ก่อตั้งขึ้นในสมัยนี้ ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นทำให้เซลจุคสามารถผนวกรัฐต่างๆ ในตุรกีที่ก่อตั้งขึ้นทางตะวันออกได้หลังจาก[[ยุทธการมันซิเคิร์ต]] (Battle of Manzikert) ที่รวมทั้งดินแดนของ[[ดานิชเมนด์ส]] (Danishmends), [[เมงกือเซ็ค]] (Mengücek), [[ซัลตุคลุ]] (Saltuklu) และ [[อาร์ตูคลุ]] (Artuklu) สุลต่านเซลจุคสามารถต่อต้าน[[นักรบครูเสด]] แต่ในปี ค.ศ. 1243 ก็มาเพลี่ยงพล้ำต่อ[[จักรวรรดิมองโกล]]ที่เข้ามารุกราน ในที่สุดเซลจุคก็กลายเป็นเมืองขึ้นของมองโกล และแม้ว่าชนชั้นบริหารจะพยายามรักษาความเป็นอาณาจักรสุลต่านไว้แต่ในที่สุดอำนาจของอาณาจักรสุลต่านก็เสื่อมโทรมลงในราวครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 13 และสลายตัวไปในสิบปีแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 14 |
||
ในช่วงสิบปีสุดท้ายบริเวณอาณาจักรสุลต่านแห่งรัมก็เป็นบ่อเกิดของ[[ราชรัฐ]]เล็กๆ น้อยๆ ที่ก่อตัวขึ้น (Beyliks) ที่รวมทั้งออสมันกลู (Osmanoğlu) ที่รุ่งเรืองขึ้นมาแทนที่เป็น[[จักรวรรดิออตโตมัน]] |
ในช่วงสิบปีสุดท้ายบริเวณอาณาจักรสุลต่านแห่งรัมก็เป็นบ่อเกิดของ[[ราชรัฐ]]เล็กๆ น้อยๆ ที่ก่อตัวขึ้น (Beyliks) ที่รวมทั้งออสมันกลู (Osmanoğlu) ที่รุ่งเรืองขึ้นมาแทนที่เป็น[[จักรวรรดิออตโตมัน]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 05:06, 2 กรกฎาคม 2552
อาณาจักรสุลต่านแห่งรัม سلاجقة الروم Anadolu Selçuklu Devleti Sultanate of Rûm | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 1077–ค.ศ. 1307 | |||||||||
ธงชาติ | |||||||||
แผนที่อาณาจักรสุลต่านแห่งรัม ในปี ค.ศ. 1190 | |||||||||
สถานะ | อาณาจักรสุลต่าน | ||||||||
เมืองหลวง | นิชาเพอร์ เรย์ | ||||||||
สุลต่าน | |||||||||
• ค.ศ. 1060-1077 | Kutalmish (คนแรก) | ||||||||
• ค.ศ. 1303-1308 | เมสุดที่ 2 (สุดท้าย) | ||||||||
ประวัติศาสตร์ | |||||||||
• แยกตัวออกจากจักรวรรดิเซลจุค | ค.ศ. 1077 | ||||||||
• ล่มสลาย | ค.ศ. 1307 ค.ศ. 1307 | ||||||||
|
อาณาจักรสุลต่านแห่งรัม หรือ อาณาจักรสุลต่านเซลจุคแห่งรัม (อังกฤษ: Sultanate of Rûm, อาหรับ: سلاجقة الروم) เป็นอาณาจักรของสุลต่านเซลจุคตุรกี[1] ที่ปกครองอาณาบริเวณส่วนใหญ่ของอานาโตเลียระหว่างปี ค.ศ. 1077 จนถึงปี ค.ศ. 1307 โดยมีเมืองหลวงอยู่ที่อิซนิคและต่อมาคอนยา เนื่องจากอาณาจักรสุลต่านเป็นอาณาจักรที่มีการเคลื่อนย้ายอยู่เสมอฉะนั้นเมืองอื่นเช่นเคย์เซรีและซิวาสต่างก็ได้เป็นเมืองหลวงอยู่ระยะหนึ่ง ในสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดอาณาจักรสุลต่านแห่งรัมมีอาณาบริเวณครอบคลุมกลางตุรกีตั้งแต่เมืองท่าอันทาลยา-อลันยาบนฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปจนถึงไซนอพบนฝั่งทะเลดำ ทางตะวันออกอาณาจักรสุลต่านก็ผนวกรัฐต่างๆ ของตุรกีไปจนถึงทะเลสาปวาน ทางด้านตะวันตกสุดก็มีอาณาบริเวณไปจรดบริเวณเดนิซลิและบริเวณทะเลอีเจียน
คำว่า “Rûm” อาหรับที่ใช้เรียกโรมัน เซลจุคเรียกอาณาจักรของตนเองว่า “รัม” เพราะกองทัพมุสลิมต่างๆ ถือว่าบริเวณนี้เคยเป็นดินแดนที่ถือว่าเป็นดินแดน “โรมัน” มาแต่โบราณหรือของจักรวรรดิโรมันตะวันออก[2] นักประวัติศาสตร์ตุรกีสมัยปัจจุบันเรียกอาณาจักรนี้ว่า “อาณาจักรสุลต่านแห่งอานาโตเลีย” (“Anadolu Selçukluları”) หรือเมื่อไม่นานมานี้ก็เรียกว่า “เซลจุคแห่งตุรกี” (“Türkiye Selçukluları”) หรือบางครั้งก็มีบ้างที่เรียกว่า “อาณาจักรสุลต่านแห่งคอนยา” หรือ “อาณาจักรสุลต่านแห่งไอโคเนียม” ในบันทึกที่เขียนในตะวันตก
อาณาจักรสุลต่านแห่งรัมมีความรุ่งเรืองที่สุดในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึงต้น คริสต์ศตวรรษที่ 13 เมื่อยึดเมืองท่าสำคัญบนฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและบนฝั่งทะเลดำจากจักรวรรดิไบแซนไทน์ได้ ภายในอานาโตเลียเซลจุคก็ทำการค้าขายโดยใช้ระบบสถานีคาราวาน (caravanserai) โดยการตั้งที่พักผู้ขนย้ายสินค้าเป็นระยะๆ ที่เป็นการช่วยให้ความสะดวกแก่การขนย้ายสินค้าจากอิหร่านและเอเชียกลางไปยังเมืองท่าต่างๆ อาณาจักรสุลต่านแห่งรัมมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่แน่นหนากับสาธารณรัฐเจนัวก็ก่อตั้งขึ้นในสมัยนี้ ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นทำให้เซลจุคสามารถผนวกรัฐต่างๆ ในตุรกีที่ก่อตั้งขึ้นทางตะวันออกได้หลังจากยุทธการมันซิเคิร์ต (Battle of Manzikert) ที่รวมทั้งดินแดนของดานิชเมนด์ส (Danishmends), เมงกือเซ็ค (Mengücek), ซัลตุคลุ (Saltuklu) และ อาร์ตูคลุ (Artuklu) สุลต่านเซลจุคสามารถต่อต้านนักรบครูเสด แต่ในปี ค.ศ. 1243 ก็มาเพลี่ยงพล้ำต่อจักรวรรดิมองโกลที่เข้ามารุกราน ในที่สุดเซลจุคก็กลายเป็นเมืองขึ้นของมองโกล และแม้ว่าชนชั้นบริหารจะพยายามรักษาความเป็นอาณาจักรสุลต่านไว้แต่ในที่สุดอำนาจของอาณาจักรสุลต่านก็เสื่อมโทรมลงในราวครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 13 และสลายตัวไปในสิบปีแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 14
ในช่วงสิบปีสุดท้ายบริเวณอาณาจักรสุลต่านแห่งรัมก็เป็นบ่อเกิดของราชรัฐเล็กๆ น้อยๆ ที่ก่อตัวขึ้น (Beyliks) ที่รวมทั้งออสมันกลู (Osmanoğlu) ที่รุ่งเรืองขึ้นมาแทนที่เป็นจักรวรรดิออตโตมัน
อ้างอิง
- ↑ "Seljuq Turks" in various scholastic sources
- ↑ Alexander Kazhdan, “Rūm” The Oxford Dictionary of Byzantium (Oxford University Press, 1991), vol. 3, p. 1816.