ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โรคอ้วน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
MuanN (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ตู่
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
ประยุทธ์
{{กล่องข้อมูล โรค
| Name = โรคอ้วน<br /> (Obesity)
| Image = Obesity-waist circumference.PNG
| Caption = ภาพเงาทึบแสดงเส้นรอบเอวของคนปกติ น้ำหนักเกิน และภาวะอ้วน
| DiseasesDB = 9099
| ICD10 = {{ICD10|E|66| |e|65}}
| ICD9 = {{ICD9|278}}
| MedlinePlus = 003101
| eMedicineSubj = med
| eMedicineTopic = 1653
| MeshName = Obesity
| MeshNumber = C23.888.144.699.500
}}

'''โรคอ้วน'''เป็น[[โรค|สภาวะทางการแพทย์]]ที่มีการสะสมไขมันในร่างกายมากถึงขนาดที่อาจมีผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้มีอายุสั้นลง และมีปัญหาสุขภาพเพิ่มขึ้น หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง<ref name="WHO 2000 p.6">WHO 2000 p.6</ref><ref name="HaslamJames">{{cite journal|author=Haslam DW, James WP |title=Obesity |journal=Lancet |volume=366 |issue=9492 |pages=1197–209 |year=2005 |pmid=16198769 |doi=10.1016/S0140-6736(05)67483-1}}</ref> การพิจารณาว่าบุคคลใดอ้วนนั้นพิจารณาจาก[[ดัชนีมวลกาย]] (BMI) ซึ่งเป็นการวัด มีค่าเท่ากับน้ำหนัก (หน่วยเป็นกิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (หน่วยเป็นเมตร) ยกกำลังสอง บุคคลที่มีดัชนีมวลกายเกิน 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตรถือว่าเป็นโรคอ้วน โดยในช่วง 25-30 กิโลกรัมต่อตารางเมตรนิยามเป็น[[น้ำหนักเกิน]]

โรคอ้วนเพิ่มโอกาสการป่วยเป็นโรคหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง[[โรคหัวใจ]] [[เบาหวาน]]ชนิดที่ 2 [[obstructive sleep apnea|ภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น]] [[มะเร็ง]]บางชนิด และ[[osteoarthritis|โรคข้อเสื่อม]]<ref name=HaslamJames/> โรคอ้วนมีสาเหตุมาจากการรับพลังงานจากอาหารมากเกิน การขาดการออกกำลังกาย และความเสี่ยงทางพันธุกรรมร่วมกันมากที่สุด แม้ว่าผู้ป่วยน้อยรายจะเกิดจากยีนหรือพันธุกรรม ความผิดปกติของ[[ต่อมไร้ท่อ]] ยาหรือการป่วยจิตเวชเป็นหลัก สำหรับมุมมองที่ว่าคนอ้วนบางรายกินน้อยแต่น้ำหนักเพิ่มเพราะ[[เมแทบอลิซึม]]ช้านั้นมีหลักฐานสนับสนุนจำกัด โดยเฉลี่ยแล้ว คนอ้วนมีการเสียพลังงานมากกว่าคนผอมเนื่องจากต้องใช้พลังงานมากกว่าในการรักษามวลร่างกายที่เพิ่มขึ้นคนอ้วนจึงเหนื่อยเร็วกว่าคนผอม <ref>{{cite book|author=Kushner, Robert |title=Treatment of the Obese Patient (Contemporary Endocrinology) |publisher=Humana Press |location=Totowa, NJ |year=2007 |page=158 |isbn=1-59745-400-1 |url=http://books.google.com/?id=vWjK5etS7PMC |doi= |accessdate=April 5, 2009}}</ref><ref name=Anes2000>{{cite journal|last=Adams |first=PG |last2=Murphy |title=Obesity in anaesthesia and intensive care |journal=Br J Anaesth |volume=85 |issue=1 |pages=91–108 |date=July 2000 |pmid=10927998 |doi=10.1093/bja/85.1.91 |url=http://bja.oxfordjournals.org/cgi/content/full/85/1/91 |first2=PG |author-separator=,}}</ref>

[[การจำกัดอาหาร]]และ[[การออกกำลังกาย]]เป็นหลักของการรักษาโรคอ้วน สามารถปรับปรุงคุณภาพอาหารได้โดยการลดการบริโภคอาหารพลังงานสูง เช่น อาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง และโดยการเพิ่มการรับ[[ใยอาหาร]] อาจบริโภค[[ยาลดวามอ้วน]]เพื่อลดความอยากอาหารหรือลดการดูดซึมไขมันเมื่อใช้ร่วมกันกับอาหารที่เหมาะสม หากอาหาร การออกกำลังกายและยาไม่ได้ผล การทำบอลลูนกระเพาะอาหาร (gastric ballon) อาจช่วยให้น้ำหนักลดได้ หรืออาจมีการผ่าตัดเพื่อลดปริมาตรกระเพาะอาหารและความยาวลำไส้ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและลดความสามารถในการดูดซึมสารอาหาร<ref>NICE 2006 p.10–11</ref><ref name=balloon2008>{{cite journal|last=Imaz |first=I |last2=Martínez-Cervell |first2=C |last3=García-Alvarez |first3=EE |last4=Sendra-Gutiérrez |first4=JM |last5=González-Enríquez |first5=J |title=Safety and effectiveness of the intragastric balloon for obesity. A meta-analysis |journal=Obes Surg |volume=18 |issue=7 |pages=841–6 |date=July 2008 |pmid=18459025 |doi=10.1007/s11695-007-9331-8 |display-authors=3 |author-separator=,}}</ref>

โรคอ้วนเป็นสาเหตุการตายอันดับต้น ๆ ทั่วโลกที่สามารถป้องกันได้ โดยมีอัตราเพิ่มขึ้นทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก ทางการมองว่าโรคอ้วนเป็นหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขที่ร้ายแรงที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 21<ref name=Barn1999>{{cite journal|last=Barness |first=LA |last2=Opitz |first2=JM |last3=Gilbert-Barness |first3=E |title=Obesity: genetic, molecular, and environmental aspects |journal=American Journal of Medical Genetics |volume=143A |issue=24 |pages=3016–34 |date=December 2007 |pmid=18000969 |doi=10.1002/ajmg.a.32035 |url=|author-separator=,}}</ref> โรคอ้วนถูกระบุว่าเป็นปัญหาในโลกสมัยใหม่อย่างมาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกตะวันตก) ทว่าในอดีต ความอ้วนถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งและความอุดมสมบูรณ์ และกระทั่งปัจจุบันก็ยังมีความเชื่อดังกล่าวในบางบริเวณของโลก<ref name=HaslamJames/><ref name=Woodhouse>{{cite journal|author=Woodhouse R |title=Obesity in art: A brief overview |journal=Front Horm Res |volume=36 |issue= |pages=271–86 |year=2008 |isbn=978-3-8055-8429-6 |pmid=18230908 |doi=10.1159/000115370 |url=http://books.google.com/?id=nXRU4Ea1aMkC&pg=PA271&lpg=PA271 |series=Frontiers of Hormone Research}}</ref> ใน ค.ศ. 2013 สมาคมแพทย์อเมริกาจัดความอ้วนเป็นโรค<ref name=NYTimes20130618>{{cite news|url=http://www.nytimes.com/2013/06/19/business/ama-recognizes-obesity-as-a-disease.html?_r=0 |title=A.M.A. Recognizes Obesity as a Disease |last=Pollack |first=Andrew |date=June 18, 2013 |newspaper=New York Times |archiveurl=http://www.webcitation.org/6Hav05TK0 |archivedate=June 18, 2013}}</ref><ref>{{cite web|url=http://www.hhnmag.com/hhnmag/HHNDaily/HHNDailyDisplay.dhtml?id=5870001020 |title=The Facts About Obesity |last1=Weinstock |first1=Matthew |date=June 21, 2013 |website=H&HN |publisher=[[American Hospital Association]] |accessdate=June 24, 2013}}</ref>


== สาเหตุ==
== สาเหตุ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:05, 20 พฤศจิกายน 2562

ประยุทธ์

สาเหตุ

  • กรรมพันธุ์ - ถ้าพ่อและแม่อ้วนทั้งคู่ลูกจะมีโอกาสอ้วนถึงร้อยละ 80 แต่ถ้าพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งที่อ้วนลูกจะมีโอกาสอ้วนถึงร้อยละ 40 แต่ไม่ควรที่จะวิตกกังวลจนเกินเหตุ ไม่ใช่ว่าคุณจะสิ้นโอกาสผอมหรือหุ่นดี
  • นิสัยจากการรับประทานอาหาร - คนที่มีนิสัยไม่ดีในการรับประทานอาหาร หรือที่เรียกกันว่า กินจุบจิบ ไม่เป็นเวลาก็ทำให้อ้วนขึ้นได้
  • การไม่ออกกำลังกาย

- ถ้ารับประทานอาหารที่มากเกินพอดี แต่มีการออกกำลังกาย บ้างก็อาจทำให้ยืดเวลาความอ้วน แต่ถ้ารับประทานอาหารที่มากเกินพอดีแล้วนั่งๆ นอนๆ โดยไร้ซึ่งการยืดเส้นยืดสาย ในไม่ช้าก็จะเกิดการสะสมไขมันในร่างกาย

  • อารมณ์และจิตใจ - มีบางคนที่รับประทานอาหารตามอารมณ์และจิตใจ เช่น กินอาหารเพื่อดับความโกรธแค้น กลุ้มใจ กังวลใจ บุคคลเหล่านี้จะรู้สึกว่าอาหารทำให้ใจสงบ จึงยึดอาหารไว้เป็นสิ่งที่สร้างความสบายใจ - แต่ในทางกลับกัน บางคนที่รู้สึกเสียใจ กลุ้มใจ ก็กินอาหารไม่ได้ ถ้าในระยะเวลานานๆ ก็มีผลทำให้เกิดการขาดอาหาร ฯลฯ
  • ความไม่สมดุลกับความรู้สึกอิ่ม ความหิว ความอยากอาหาร - เมื่อใดที่ความอยากกินเพิ่มขึ้นเมื่อนั้นการบริโภคก็จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถึงขั้น "กินจุ" ในที่สุดก็จะทำให้เกิดความอ้วน
  • เพศ - ผู้หญิงสามารถอ้วนได้ง่ายกว่าผู้ชาย เพราะโดยธรรมชาติมักสรรหาอาหารมากินได้ตลอดเวลา อีกทั้งผู้หญิงจะต้องตั้งครรภ์ทำให้น้ำหนักตัวมากขึ้น เพราะต้องกินอาหารมากขึ้น เพื่อบำรุงร่างกายและทารกในครรภ์ และบางคนหลังจากคลอดบุตรแล้วก็ไม่สามารถลดน้ำหนักลงให้เท่ากับเมื่อก่อนตั้งครรภ์ได้
  • อายุ - เมื่ออายุมากขึ้น โอกาสที่จะอ้วนก็เพิ่มขึ้น ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งอาจเกิดจากการใช้พลังงานน้อยลง
  • กระบวนการทางเคมีที่เกิดกับร่างกาย
  • ยา - ผู้ป่วยบางโรคนั้น จะได้รับสเตียรอยด์เป็นเวลานานก็ทำให้อ้วนได้ และในผู้หญิงที่ฉีดยาหรือใช้ยาคุมกำเนิด ก็ทำให้อ้วนได้เหมือนกัน
  • โรคบางชนิด เช่น ไฮโปไทรอยด์

โรคที่พบร่วมบ่อย

การจัดการ

การรักษาโรคอ้วนหลักประกอบด้วยการจำกัดอาหารและการออกกำลังกาย[1] โปรแกรมอาหารอาจทำให้น้ำหนักลดได้ในช่วงสั้น ๆ[2] แต่การรักษาการลดน้ำหนักนี้บ่อยครั้งเป็นเรื่องยากและมักต้องอาศัยการออกกำลังกายและการได้รับพลังงานจากอาหารน้อยลงเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของบุคคลอย่างถาวร[3][4] สัดส่วนความสำเร็จของการรักษาการลดน้ำหนักโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตนั้นต่ำ โดยมีพิสัยระหว่าง 2–20%[5] การเปลี่ยนแปลงอาหารและวิถีชวิตมีประสิทธิภาพในการจำกัดน้ำหนักเพิ่มเกินในสตรีมีครรภ์และให้ผลลัพธ์ดีขึ้นแก่ทั้งมารดาและบุตร[6]

วิทยาการระบาด

ความชุกของโรคอ้วนทั่วโลกในชาย (ซ้าย) และหญิง (ขวา)[7]   <5%   5–10%   10–15%   15–20%   20–25%   25–30%   30–35%   35–40%   40–45%   45–50%   50–55%   >55% ความชุกของโรคอ้วนทั่วโลกในชาย (ซ้าย) และหญิง (ขวา)[7]   <5%   5–10%   10–15%   15–20%   20–25%   25–30%   30–35%   35–40%   40–45%   45–50%   50–55%   >55%
ความชุกของโรคอ้วนทั่วโลกในชาย (ซ้าย) และหญิง (ขวา)[7]
  <5%
  5–10%
  10–15%
  15–20%
  20–25%
  25–30%
  30–35%
  35–40%
  40–45%
  45–50%
  50–55%
  >55%

ในยุคประวัติศาสตร์ช่วงต้น โรคอ้วนพบน้อย และมีเพียงอภิชนกลุ่มเล็กเท่านั้นที่เป็น แม้ยอมรับแล้วว่าเป็นปัญหาสุขภาพ แต่เมื่อความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นในสมัยใหม่ตอนต้น โรคอ้วนมีผลในประชากรกลุ่มใหญ่เพิ่มขึ้น[8] ในปี 2540 องค์การอนามัยโลกรับรองโรคอ้วนเป็นโรคระบาดทั่วโลกอย่างเป็นทางการ[9] ในปี 2551 องค์การอนามัยโลกประเมินว่า ผู้ใหญ่อย่างน้อย 500 ล้านคน (กว่า 10%) อ้วน โดยมีอัตราในหญิงสูงกว่าชาย[10] อัตราโรคอ้วนยังเพิ่มขึ้นตามอายุอย่างน้อยถึง 50 หรือ 60 ปี[11] และโรคอ้วนรุนแรงในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลียและแคนาดาเพิ่มขึ้นเร็วกว่าอัตราโรคอ้วนโดยรวม[12][13][14]

อ้างอิง

  1. Lau DC, Douketis JD, Morrison KM, Hramiak IM, Sharma AM, Ur E (April 2007). "2006 Canadian clinical practice guidelines on the management and prevention of obesity in adults and children summary". CMAJ. 176 (8): S1–13. doi:10.1503/cmaj.061409. PMC 1839777. PMID 17420481.{{cite journal}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  2. Strychar I (January 2006). "Diet in the management of weight loss". CMAJ. 174 (1): 56–63. doi:10.1503/cmaj.045037. PMC 1319349. PMID 16389240.
  3. Shick SM, Wing RR, Klem ML, McGuire MT, Hill JO, Seagle H (April 1998). "Persons successful at long-term weight loss and maintenance continue to consume a low-energy, low-fat diet". J Am Diet Assoc. 98 (4): 408–13. doi:10.1016/S0002-8223(98)00093-5. PMID 9550162.{{cite journal}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  4. Tate DF, Jeffery RW, Sherwood NE, Wing RR (1 April 2007). "Long-term weight losses associated with prescription of higher physical activity goals. Are higher levels of physical activity protective against weight regain?". Am. J. Clin. Nutr. 85 (4): 954–9. PMID 17413092.{{cite journal}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  5. Wing RR, Phelan, S (1 July 2005). "Science-Based Solutions to Obesity: What are the Roles of Academia, Government, Industry, and Health Care? Proceedings of a symposium, Boston, Massachusetts, USA, 10–11 March 2004 and Anaheim, California, USA, 2 October 2004". Am. J. Clin. Nutr. 82 (1 Suppl): 207S–273S. PMID 16002825.{{cite journal}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  6. Thangaratinam, S; Rogozinska, E; Jolly, K; และคณะ (16 May 2012). "Effects of interventions in pregnancy on maternal weight and obstetric outcomes: meta-analysis of randomised evidence". BMJ (Clinical research ed.). 344: e2088. doi:10.1136/bmj.e2088. PMC 3355191. PMID 22596383. {{cite journal}}: ไม่รู้จักพารามิเตอร์ |author-separator= ถูกละเว้น (help)
  7. "Global Prevalence of Adult Obesity" (PDF). International Obesity Taskforce. สืบค้นเมื่อ January 29, 2008.
  8. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Haslam2007
  9. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Caballero
  10. "Obesity and overweight". World Health Organization. สืบค้นเมื่อ April 8, 2009.
  11. Seidell 2005 p.5
  12. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ morbid2007
  13. Howard NJ, Taylor AW, Gill TK, Chittleborough CR (2008). "Severe obesity: Investigating the socio-demographics within the extremes of body mass index". Obesity Research & Clinical Practice. 2 (1): I–II. doi:10.1016/j.orcp.2008.01.001. PMID 24351678.{{cite journal}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  14. Tjepkema M (2005-07-06). "Measured Obesity–Adult obesity in Canada: Measured height and weight". Nutrition: Findings from the Canadian Community Health Survey. Ottawa, Ontario: Statistics Canada.

บรรณานุกรม

หนังสืออ่านเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น