พลับแห้ง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พลับแห้ง
พลับแห้ง
ประเภทผลไม้แห้ง
ภูมิภาคเอเชียตะวันออก
ส่วนผสมหลักพลับจีน

พลับแห้ง เป็นขนมผลไม้อบแห้งแบบดั้งเดิมรูปแบบหนึ่งของเอเชียตะวันออก[1] ชื่อในภาษาต่าง ๆ ได้แก่ ชื่อปิ่ง (จีน: 柿餅, shìbǐng), โฮชิงากิ (ญี่ปุ่น: 干し柿, hoshigaki), คดกัม (곶감, gotgam) และ ห่งโค (เวียดนาม: hồng khô) ตามธรรมเนียมแล้วนิยมทำในระหว่างฤดูหนาว โดยการตากแห้งพลับจีน พลับแห้งยังนำมาใช้ในการผลิตไวน์ ชา[2] ตลอดจนผลไม้อื่น ๆ

การผลิต[แก้]

กระบวนการตากแห้งพลับใกล้กับภูเขาฟูจิในฟูจิโนมิยะ จังหวัดชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น

พลับแห้งทำมาจากพลับจีนสายพันธุ์ต่าง ๆ โดยปกติแล้วเมื่อพลับสุกจะมีลักษณะเปลือกบาง นุ่ม และมีรสหวาน แต่พลับที่นำมาตากแห้งจะเก็บเกี่ยวก่อนที่จะสุก ทำให้มีลักษณะแน่น มีรสขม และมีขนาดหดเล็ก[3]

ญี่ปุ่น[แก้]

ในประเทศญี่ปุ่น พลับจะนำมาปอกเปลือกแล้วผูกด้วยด้ายแขวนแยกกัน[4] หลังเริ่มแห้ง จะมีการนวดผลพลับ[5] ทั้งหมดนี้ทำให้พลับแห้งของญี่ปุ่นมีรูปและรสสัมผัสที่ต่างจากพลับแห้งของญี่ปุ่นกับเกาหลี[6] อัมโปงากิ (Anpo-gaki) เป็นพลับแห้งรูปแบบหนึ่งที่ทำให้แห้งโดยใช้กำมะถันรมควัน ทำให้ได้เนื้อสัมผัสชุ่มน้ำและนุ่ม[7]

เกาหลี[แก้]

ในเกาหลี พลับจะถูกนำมาปอกเปลือก ทำให้แห้ง และผูกด้วยเชือกฟางจากข้าว แซ็กกี แล้วนำมาตากแห้งในพื้นที่รับแดดและมีลมผ่าน เช่น ชายคาของบ้านเรือน[8][9] เมื่อสีของพลับเป็นสีน้ำตาลและส่วนนอกแข็ง จะนำเมล็ดออก จากนั้นทำการห่อและนำไปกดให้แบน[10] หลังผ่านไปสามสัปดาห์ ที่ซึ่งผลพลับจะมีน้ำหนักเหลือเพียง 75% ของเดิม จะถูกคลุมด้วยฟางจากข้าว และนำไปเก็บรักษาในกล่องในที่เย็นจนกว่ากระบวนการตากแห้งจะเสร็จสิ้น และเกิดน้ำตาลพลับสีขาวเป็นผงเกิดขึ้นคลุมพลับที่แห้งแล้ว[1] พลับแห้งเป็นของขึ้นชื่อประจำเมืองซังจูในจังหวัดคย็องซังเหนือ[11][12]

สารอาหาร[แก้]

พลับแห้งเกาหลี คดกัม มักจะมีความชุ่มชื้นอยู่ที่ 32%, โปรตีน 6.3%, ไขมัน 0.44%, คาร์บ 44.8%, เส้นใย 15% และขี้เถ้า 1.99%[10] และให้พลังงาน (32g/ea) 75.8 กิโลแคลอรี

การนำไปประกอบอาหาร[แก้]

ในอาหารเกาหลี พลับแห้งสามารถนำมาทานเปล่า ๆ หรือใช้ประกอบอาหารอื่นได้ เช่น คดกัมซัม ซึ่งทำโดยการห่อวอลนัตด้วยพลับแห้ง[10] ส่วนพลับแห้งสอดไพน์นัตจะเสิร์ฟคู่กับ ซุกชิลกวา หรือผลไม้แห้ง[10] และยังใช้พลับแห้งเป็นส่วนประกอบหลักของ ซูจ็องกวา (พันช์ซินนามอน)[10]

ในวัฒนธรรมสมัยนิยม[แก้]

ตำนานพื้นถิ่นของเกาหลีเรื่อง "เสือกับพลับแห้ง" เป็นเรื่องราวของเสือที่กลัวพลับแห้ง[13][14]

ระเบียงภาพ[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 Means, Becky (2 August 2010). "Dried Persimmon". Houston Press. สืบค้นเมื่อ 3 June 2017.
  2. "수정과". terms.naver.com (ภาษาเกาหลี). สืบค้นเมื่อ 2021-05-09.
  3. "gotgam" 곶감. Doopedia (ภาษาเกาหลี). Doosan Corporation. สืบค้นเมื่อ 3 June 2017.
  4. Wan Yan Ling. "Grocery Ninja: Dried Persimmons Are a Taste of Honeyed Sunshine". www.seriouseats.com (ภาษาอังกฤษ). Serious Eats. สืบค้นเมื่อ 15 May 2018.
  5. "How To Make Hoshigaki (Dried Persimmons)". Root Simple. 13 November 2012. สืบค้นเมื่อ 15 May 2018.
  6. Mucci, Kristy (November 15, 2016). "This is the Kobe Beef of Dried Fruit". SAVEUR (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 19 May 2018.
  7. "Go Go Tohoku". www.facebook.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-09-01.
  8. Korea Tourism Organization (5 October 2016). "Seasonal foods to eat this fall". Stripes. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 August 2017. สืบค้นเมื่อ 3 June 2017.
  9. "First lady to treat Trump couple with personally made refreshments". Yonhap News Agency (ภาษาอังกฤษ). 7 November 2017. สืบค้นเมื่อ 20 May 2018.
  10. 10.0 10.1 10.2 10.3 10.4 이, 효지. "gotgam" 곶감. Encyclopedia of Korean Culture (ภาษาเกาหลี). Academy of Korean Studies. สืบค้นเมื่อ 3 June 2017.
  11. Chung, Kyung-a (October 2014). "Season of Beauty, Season of Plenty". KOREA. Korean Culture and Information Service. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 August 2017. สืบค้นเมื่อ 3 June 2017.
  12. Kim, Sun-mi; Kim, Sarah (20 August 2015). "Taste of a fruit is the only trace of a happy youth". Korea JoongAng Daily. สืบค้นเมื่อ 3 June 2017.
  13. Wi, Ki-cheol (2004). The Tiger and Dried Persimmon. Kookminbooks. ISBN 8911022241.
  14. "The Tiger and the Persimmon" (PDF). Jordan Schnitzer Museum of Art. University of Oregon. สืบค้นเมื่อ 3 June 2017.
    • "EI". Jordan Schnitzer Museum of Art.