พระมหาชนก
จิตรกรรมฝาผนังตอนมณีเมขลาช่วยพระมหาชนก ที่วัดชมภูเวก | |
| ผู้ประพันธ์ | พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร |
|---|---|
| ชื่อเรื่องต้นฉบับ | พระมหาชนกชาดก |
| ผู้วาดภาพประกอบ | ชัย ราชวัตร (ฉบับการ์ตูน) |
| ประเทศ | ไทย |
| ภาษา | ไทย |
| ประเภท | นวนิยายแนวศาสนาและปรัชญา |
| ผู้พิมพ์ | อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง |
| วันที่พิมพ์ | มิถุนายน พ.ศ. 2539 |
พระมหาชนก (บาลี: Mahājanaka) เป็นเรื่องหนึ่งในทศชาติชาดก อันเป็นชาดก 10 ชาติสุดท้ายก่อนที่พระโพธิสัตว์จะมาประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาดกเรื่องนี้เป็นการบำเพ็ญความเพียรเป็นบารมี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงสนพระราชหฤทัย จึงทรงค้นเรื่องพระมหาชนกในพระไตรปิฎกและทรงแปลเป็นภาษาอังกฤษตรงจากมหาชนกชาดก ตั้งแต่ต้นเรื่อง โดยทรงดัดแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังทรงแปลเป็นภาษาสันสกฤตประกอบอีกภาษา รวมทั้งแผนที่ฝีพระหัตถ์ แสดงสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเมืองโบราณบางแห่งและข้อมูลอุตุนิยมวิทยาเกี่ยวกับทิศทางลม กับกำหนดวันเดินทะเลตลอดจนจุดอัปปางของเรืออับโชค ทรงคาดคะเนโดยอาศัยข้อมูลทางโหราศาสตร์ แสดงถึงพระปรีชาในด้านอักษรศาสตร์ ภูมิศาสตร์และโหราศาสตร์ไทย
เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี เมื่อปีพุทธศักราช 2539 พระราชนิพนธ์ เรื่อง พระมหาชนกก็ออกจำหน่าย และเป็นที่ชื่นชมโดยทั่วไป แต่หนังสือพระราชนิพนธ์นี้ก็ยังอ่านค่อนข้างยาก ด้วยความซับซ้อนของข้อความและของภาพ ทำให้มีการวิจารณ์และตีความกันในทางต่าง ๆ นานา ในปี พ.ศ. 2542 ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จัดพิมพ์พระราชนิพนธ์ เรื่อง พระมหาชนกอีกครั้ง ในรูปแบบของการ์ตูนโดยมี ชัย ราชวัตร เป็นผู้วาดภาพการ์ตูนประกอบ
ในปี 2557 ได้มีการนำเสนอในรูปแบบการ์ตูนแอนิเมชั่น ทางโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ และออกอากาศทางโทรทัศน์ทุกสถานี มีทั้งหมด 3 องก์ คือ องก์ที่ 1 กำเนิด องก์ที่ 2 ความเพียร และองก์ที่ 3 ปัญญา รวมทั้งมีการแสดง แสง สี เสียงในชุด มหานาฏกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระมหาชนก ปี 2549 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสการจัดงานงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ณ อิมแพค เมืองทองธานี และ“พระมหาชนก เดอะ ฟีโนมีนอน ไลฟ์โชว์” ณ สวนเบญจกิติ
เรื่องย่อ
[แก้]พระเจ้ามหาชนก กษัตริย์แห่งกรุงมิถิลา มีพระราชโอรสสองพระองค์ พระนามว่า "อริฏฐชนก" และ "โปลชนก" เมื่อสวรรคตแล้ว พระอริฏฐชนกได้ครองราชสมบัติและทรงตั้งพระโปลชนกเป็นอุปราช พระโปลชนกทรงรับใช้พระอริฏฐชนกด้วยความภักดีมาโดยตลอด แต่อำมาตย์ผู้ใกล้ชิดได้กราบทูลพระอริฏฐชนก คอยใส่ร้ายว่าพระอุปราชโปลชนกคิดไม่ซื่ออยู่บ่อยครั้ง พระอริฏฐชนกจึงมีพระราชบัญชาให้จองจำพระโปลชนก พระโปลชนกได้ตั้งจิตอธิษฐานให้เครื่องจองจำหักทำลายลงและสามารถหลบหนีไปยังชายแดนกรุงมิถิลาได้ มีผู้คนเห็นใจในความไม่เป็นธรรมที่พระโปลชนกได้รับและได้เข้ามาสวามิภักดิ์กับพระโปลชนกจำนวนมาก พระองค์จึงตัดสินพระทัยนำทัพกลับมายังกรุงมิถิลาพร้อมส่งสารขอให้พระอริฏฐชนกมอบราชสมบัติหรือออกมารบกับตน พระอริฏฐชนกเลือกที่จะยกทัพออกมาสู้รบและสวรรคตในที่รบ ราชสมบัติตกเป็นของพระโปลชนก "พระเทวี" มเหสีของพระอริฏฐชนกซึ่งกำลังทรงครรภ์จึงปลอมตัวหนีออกนอกเมืองท่ามกลางความโกลาหล แล้วเสด็จไปจนถึงเมืองกาลจัมปากะ ได้พราหมณ์ผู้หนึ่งชื่อ "อุทิจจพราหมณ์มหาศาล" อุปการะไว้ในฐานะน้องสาว
ต่อมาพระเทวีมีพระประสูติกาล ตั้งพระนามพระโอรสตามพระอัยกาว่า "มหาชนก" เมื่อพระมหาชนกเจริญวัยขึ้นและได้ทราบความจริง ก็คิดจะไปค้าขายตั้งตัว แล้วเอาเงินทุนที่ได้จากการค้าขายมาใช้ในการชิงราชสมบัติคืน จึงนำเอาสมบัติกึ่งหนึ่งของพระมารดาไปขาย แลกเป็นสินค้าออกเรือไปยังสุวรรณภูมิ ระหว่างทางในมหาสมุทร เรือต้องพายุล่มลง ลูกเรือตายหมดยังแต่พระมหาชนกรอดผู้เดียว ทรงอดทนว่ายน้ำในมหาสมุทรด้วยความเพียร 7 วัน 7 คืน จนได้พบนางมณีเมขลา เมื่อนางมณีเมขลาได้โต้ตอบข้อธรรมะกับพระมหาชนกจนเป็นที่พอใจแล้ว นางจึงอุ้มพระมหาชนกไปส่งยังมิถิลานคร
ฝ่ายมิถิลานคร พระโปลชนกได้ประชวรและเสด็จสวรรคต เหลือเพียงพระราชธิดานาม "สีวลีเทวี" ก่อนสวรรคตทรงตั้งปริศนาเรื่องขุมทรัพย์ทั้งสิบหกไว้ทดสอบผู้จะขึ้นครองราชย์ต่อไป แต่ไม่มีผู้ใดไขปริศนาได้ เหล่าอำมาตย์จึงได้ประชุมกันแล้วปล่อยราชรถ ราชรถก็แล่นไปยังพระแท่นที่พระมหาชนกบรรทมอยู่ เหล่าอำมาตย์จึงเชิญเสด็จขึ้นครองราชย์และอภิเษกกับสีวลีเทวี ทรงไขปริศนาต่าง ๆ ได้ และทรงครองราชสมบัติโดยธรรม หลังจากนั้นพระองค์จึงให้อำมาตย์ทั้งหลายรับพระเทวีผู้เป็นพระราชมารดาและอุทิจจพราหมณ์มหาศาลให้ลงมาอยู่ที่กรุงมิถิลาด้วยกัน
อยู่มาวันหนึ่งพระมหาชนกได้เสด็จประพาสพระราชอุทยาน ที่พระราชอุทยานนั้นมีต้นมะม่วงต้นใหญ่อยู่สองต้น ต้นหนึ่งมีผลรสชาติวิเศษยิ่งนัก อีกต้นหนึ่งไม่มีผล พระองค์เสวยผลของต้นมะม่วงที่มีผลเพียงเล็กน้อยแล้วเสด็จประพาสในพระราชอุทยานต่อ ทรงดำริว่าเมื่อเสด็จกลับมาที่ต้นมะม่วงอีกครั้งจะเสวยผลมะม่วงนั้นอีก ฝ่ายมหาชนทั้งหลายทุกชนชั้นครั้นเห็นพระมหาชนกเสวยผลมะม่วงแล้วก็กรูเข้าแย่งกันเก็บผลมะม่วงนั้นไปกินบ้าง ที่เก็บเอาผลมะม่วงไม่ได้ก็พากันทำลายต้นมะม่วงเสียด้วยหวังว่าจะไม่ให้คนอื่นได้กินเช่นเดียวกับตน เมื่อพระมหาชนกเสด็จกลับมาอีกครั้ง ได้ทอดพระเนตรเห็นต้นมะม่วงที่มีผลโค่นล้มหักทำลายลง ส่วนต้นมะม่วงที่ไม่มีผลยังคงตั้งตระหง่านอยู่ ก็ทรงสลดพระราชหฤทัย
ตามเรื่องราวในชาดกดั้งเดิม พระมหาชนกทรงยกเอาเรื่องต้นมะม่วงมาพิจารณาในข้อธรรมสังเวชและแลเห็นภัยในวัฏสงสาร ก่อนจะตัดสินพระทัยสละราชสมบัติให้พระราชโอรสแล้วออกผนวชเพื่อทรงแสวงหาโมกขธรรมในที่สุด ส่วนในฉบับพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ ทรงแก้ไขเรื่องราวให้พระมหาชนกทรงปรารภในข้อธรรมะ แม้จะทรงประสงค์สละราชสมบัติออกผนวชแสวงหาโมกขธรรม แต่ก็มีพระราชดำริว่าควรคิดหาหนทางแก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้นจากเรื่องต้นมะม่วงเสียก่อนจึงจะสามารถเสด็จออกผนวชได้ เมื่อเสด็จกลับไปถึงพระราชวัง พระองค์จึงเชิญอุทิจจพราหมณ์มหาศาลมาเพื่อทรงแนะอุบายในการฟื้นฟูต้นมะม่วงที่เสียหายให้กลับมามีผลได้ และทรงปรึกษาเรื่องการตั้งสถานที่อบรมวิชาความรู้ต่าง ๆ เพื่อขจัดความไม่รู้ของมหาชน อุทิจจพราหมณ์มหาศาลเห็นด้วยกับแนวพระราชดำริดังกล่าวและรับรองว่าจะนำพระราชดำริเหล่านั้นไปปฏิบัติให้บังเกิดผลต่อไป
พระมหาชนก (ภาพยนตร์)
[แก้]| พระมหาชนก | |
|---|---|
| กำกับ | นพ ธรรมวานิช เกรียงไกร ศุภรสหัสรังสี ธนัญชนก สุบรรณ ณ อยุธยา |
| บทภาพยนตร์ | คฑาหัสต์ บุษปะเกศ |
| อำนวยการสร้าง | สำนักพระราชวัง |
| นักแสดงนำ | อรรถพร ธีมากร ณมญชุ์ พงษ์วิไล ฉัตรชัย เปล่งพานิช สินจัย เปล่งพานิช นนทรีย์ นิมิบุตร มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล ปริทัศน์ กองเพียร สุเชาว์ พงษ์วิไล คมสัน นันทจิต นิวัติ กองเพียร |
| ตัดต่อ | ธนัญชนก สุบรรณ ณ อยุธยา พิษณุ วราภรณ์ |
| ดนตรีประกอบ | ชาติชาย พงษ์ประพันธ์ |
| บริษัทผู้สร้าง | แอนิเมชั่นการประณาม |
| วันฉาย | 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557 |
| ความยาว | 100 นาที |
| ประเทศ | |
| ภาษา | ภาษาไทย |
พระมหาชนก The Story of MAHAJANAKA เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นสามมิติของไทยที่ออกฉายใน 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ผลิตโดย แอนิเมชั่นการประณาม กำกับโดย นพ ธรรมวานิช, เกรียงไกร ศุภรสหัสรังสี, ธนัญชนก สุบรรณ ณ อยุธยา
นักพากย์
[แก้]| ภาพยนตร์ พระมหาชนก The Story of MAHAJANAKA | |
|---|---|
| ตัวละคร | พากย์เสียงไทย |
| พระมหาชนก | อรรถพร ธีมากร |
| พระนางสีวลีเทวี | ณมญชุ์ พงษ์วิไล |
| พระโปลชนก | ฉัตรชัย เปล่งพานิช |
| พระอริฏฐชนก | นนทรีย์ นิมิบุตร |
| พระเทวี (มเหสี) | สินจัย เปล่งพานิช |
| นางมณีเมขลา | มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล |
| อุจจทิจพราหมณ์มหาศาล | ปริทัศน์ กองเพียร |
| พระเจ้ามหาชนก (องค์ปู่) | สุเชาว์ พงษ์วิไล |
| รโหปฐกะ | คมสัน นันทจิต |
| ท้าวสักกเทวราช | นิวัติ กองเพียร |
| มหาชนก (วัยเด็ก) | ชินพรรธน์ กิตติชัยวรางค์กูร |
| ชีวากะ | |
| เสียงบรรยาย | นิรุตติ์ ศิริจรรยา |
อ้างอิง
[แก้]- พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช. พระมหาชนก-The story of Mahajanaka. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2539. ISBN 974-8363-90-2