พระคริสตราชาแห่งดิลี
พระคริสตราชา มองจากแหลมฟาตูกามา | |
พิกัด | 8°31′14″S 125°36′30″E / 8.520527°S 125.608322°E |
---|---|
ที่ตั้ง | แหลมฟาตูกามา ดิลี ประเทศติมอร์-เลสเต |
ผู้ออกแบบ | โมคามัด ไชลิลละฮ์ |
ประเภท | รูปปั้น |
วัสดุ | ทองแดง |
ความสูง | 27 เมตร (89 ฟุต) |
วันที่อุทิศ | 15 ตุลาคม 1996 |
อุทิศแด่ | พระคริสตราชา |
พระคริสตราชาแห่งดิลี (โปรตุเกส: Cristo Rei de Díli; เตตุน: Cristo Rei Dili) เป็นรูปปั้นมหึมา ความสูง 27.0 เมตร (88.6 ฟุต) รูปพระเยซูในฐานะพระคริสตราชาประทับบนลูกโลก ตั้งอยู่ที่แหลมฟาตูกามา ดิลี ประเทศติมอร์-เลสเต ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ
รูปปั้นเป็นผลงานออกแบบและควบคุมการก่อสร้างโดยโมคามัด ไชลิลละฮ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "โบลิล" ซูฮาร์โต ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เดินทางมาประกอบพิธีเปิดรูปปั้นในปี 1996 รูปปั้นนี้เป็นของขวัญที่รัฐบาลอินโดนีเซียมอบให้แก่ติมอร์ตะวันออกซึ่งในเวลานั้นเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย
ที่ตั้ง
[แก้]รูปปั้นตั้งอยู่บนยอดเขาบนปลายของแหลมฟาตูกามา[1][2][3] รูปปั้นเข้าถึงได้ทางรถผ่านทางที่จอดรถจากหาดพระคริสตราชา ทางใต้ของแหลม ภายในอ่าวดิลี ผ่านทางบันไดคอนกรีต 570 ขั้นที่มีร่มเงาต้นไม้ตลอดทาง[4][5][6][7]
ประวัติศาสตร์
[แก้]การก่อสร้าง
[แก้]ฌูแซ อาบีลียู อูซอรียู ซูวารึช ซึ่งในเวลานั้นเป็นผู้ว่าการจังหวัดติมอร์ตะวันออก ได้เสนอแนวคิดการก่อสร้างรูปปั้นพระคริสตราชาต่อประธานาธิบดีซูฮาร์โต โดยตั้งใจจะให้เป็นของขวัญจากรัฐบาลอินโดนีเซียแก่ติมอร์ตะวันออกเนื่องในวาระครบรอบ 20 ปีของการผนวกติมอร์ตะวันออกเข้ากับอินโดนีเซียซึ่งจะตรงกับวันที่ 17 กรกฎาคม 1996[8]
ซูฮาร์โตได้มอบหมายให้การูดาอินโดนีเซีย สายการบินประจำชาติ เป็นผู้นำในการดูแลโครงการนี้ และมีภาระรับผิดชอบในการจัดสรรเงินทุนสำหรับโครงการ การูดาอินโดนีเซียสามารถระดมทุนได้ถึง 1.1 พันล้านรูปียะฮ์ (US$123,000) แต่ยังไม่เพียงพอต่อการสร้างรูปปั้น จึงมีการระดมทุนจากข้าราชการและนักธุรกิจชาวติมอร์ตะวันออกจนเพียงพอต่อโครงการซึ่งท้ายที่สุดใช้งบประมาณไปมากกว่า 5 พันล้านรูปียะฮ์ (US$559,000)[8]
สำหรับงานออกแบบสร้าง การูดาอินโดนีเซียได้ติดต่อให้โมคามัด ไชลิลละฮ์ (หรือที่รู้จักในชื่อ "โบลิล") จากบันดุง เป็นผู้ออกแบบสร้าง เขาเดินทางไปยังติมอร์ตะวันออกและสำรวจพื้นที่ที่จะใช้ก่อสร้าง ที่ซึ่งเขาเห็นควรว่ามีภูมิประเทศเหมาะสมแก่การสร้างรูปปั้นขนาดสูงใหญ่ได้[8] หลังพิจารณาลมท้องถิ่นซึ่งพัดแรงกับภูมิประเทศแล้ว เขาได้เริ่มออกแบบและจัดทำต้นแบบของรูปปั้น แสดงพระเยซูคริสต์ทรงผ้าคลุม ในขณะที่ส่วนพระพักตร์ของพระเยซูนั้นออกแบบได้อย่างยากลำบาก เขาได้ปรึกษากับคณะกรรมการคริสตจักรในอินโดนีเซียสำนักงานใหญ่ที่จาการ์ตา จนท้ายที่สุดได้ตัดสินใจสร้างพระพักตร์อย่างกรีกและโรมัน และเน้นความเรียบง่าย[8]
การก่อสร้างส่วนลำตัวของรูปปั้นดำเนินไปในระยะเวลาเกือบปีเต็ม ด้วยคนงานกว่า 30 ชีวิตในซูการาจา บันดุง ท้ายที่สุด รูปปั้นแล้วเสร็จโดยประกอบด้วยชิ้นส่วนทองแดงรวม 27 ชิ้นที่แยกกัน ก่อนจะขนส่งไปยังดิลีผ่านทางเรือ แล้วประกอบขึ้นที่ดิลีโดยทีมงานจากบันดุง รูปปั้นตลอดจนลูกโลกด้านล่างและกางเขนความสูง 10 เมตร (33 ฟุต) ประกอบขึ้นแล้วเสร็จในระยะเวลาสามเดือน[8]
การเปิดตัว
[แก้]ก่อนพิธีเปิดรูปปั้น ชานานา กุฌเมา ผู้นำกองกำลังติมอร์ตะวันออกที่ต่อต้านอินโดนีเซียซึ่งในเวลานั้นถูกคุมขังในเรือนจำที่จาการ์ตา ได้วิจารณ์รูปปั้นนี้อย่างหนักว่า:
"นี่เป็นโฆษณาชวนเชื่อที่จาการ์ตาใช้หลอกคนของตัวเองและประชาคมนานาชาติ ซูฮาร์โตไม่ว่าจะอยู่ในทำเนียบหรืออยู่ที่ไหนก็ยังเป็นผู้นำการเมืองอยู่ดี สิ่งที่บิชอป [โรมันคาทอลิก] [การ์ลุช ฟีลีปึ ชีเมนึช] แบลู ไม่เห็นด้วยเป็นการแทรกแซงทางการเมืองต่อคริสตจักร ผมไม่รู้หรอกว่าท่านบิชอปจะไปร่วมพิธีเปิดด้วยหรือไม่ หวังว่าจะไม่ เพราะ [หากบิชอปไปร่วมพิธีเปิด] อาจหมายความว่าศาสนจักรดิลีขึ้นกับจาการ์ตา ทั้ง ๆ ที่ [ควรจะ] ขึ้นกับวาติกันโดยตรง"[8]
พิธีเปิดรูปปั้นจัดขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคม 1996 บิชอปแบลูและประธานาธิบดีซูฮาร์โตนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมพิธีเปิดทางอากาศ[8] ไม่กี่วันก่อนหน้า คณะกรรมการโนเบลนอร์เวย์ได้ทำให้รัฐบาลอินโดนีเซียอับอายด้วยการมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 1996 แก่บิชอปแบลูและฌูแซ รามุช-ออร์ตา "เพื่อเชิดชูคุณูปการอันเป็นการเสียสละอย่างต่อเนื่องแก่คนที่ถูกกดขี่แม้จะมีจำนวนน้อย"[9]: 159 บิชอปแบลูได้ให้ความเห็นสาธารณะเกี่ยวกับรูปปั้นไว้ว่า:
"จะก่อสร้างรูปปั้นพระเยซูเจ้าไปเพื่ออะไร หากผู้คนยังไม่ได้รับการดูแลดังที่พระองค์ทรงสอนเรา? มันน่าจะดีกว่าถ้าเราจะทำสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้น แทนที่จะสร้างรูปปั้นต่าง ๆ"[9]: 159 [10][11]: 82
ก่อนที่ติมอร์-เลสเตจะประกาศอิสรภาพเป็นรัฐเอกราชจากอินโดนีเซีย รูปปั้นนี้ได้รับรางวัลรูปปั้นที่สูงที่สุดในประเทศจากพิพิธภัณฑ์สถิติโลกอินโดนีเซีย[1][8] หลังจากที่ติมอร์-เลสเตได้รับเอกราชในปี 2002 รูปปั้นนี้ไม่ได้ถูกรื้อถอนลง แต่ได้รับการเก็บรักษาและเปลี่ยนรูปแบบใหม่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแทน[11]: 83, 84
สัญลักษณ์
[แก้]รูปปั้นรวมถึงลูกโลกและฐานมีความสูง 27 เมตร (89 ฟุต) สะท้อนถึงการผนวกติมอร์ตะวันออกเป็นจังหวัดที่ 27 ของอินโดนีเซีย[1][12][11]: 82 รูปปั้นและลูกโลกมีความสูง 34 เมตร (112 ฟุต) ซึ่งเป็นสองเท่าของจำนวน 17 สื่อถึงวันที่ 17 กรกฎาคม 1976 ซึ่งเป็นวันที่อินโดนีเซียผนวกติมอร์ตะวันออก และวันที่ 17 สิงหาคม 1945 ซึ่งเป็นวันที่อินโดนีเซียประกาศเอกราชจากเนเธอร์แลนด์[9]: 159, 160 [11]: 82
รูปปั้นยังเป็นสัญลักษณ์ของพระเยซูคริสต์ การทนทุกข์ทรมาน และความศรัทธาคาทอลิกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นติมอร์-เลสเต[11]: 85 แขนที่เปิดรับของรูปปั้นหันหน้าไปทางตะวันตก บ้างว่าน่าจะเป็นการสื่อถึงทิศของจาการ์ตา[2][11]: 83 ในขณะที่ศิลปินผู้สร้างระบุว่าเป็นการหันหน้าไปทิศของดิลีตามคำขอของผู้ว่าการจังหวัดติมอร์ตะวันออกในเวลานั้น[8]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 "Patung Kristus Raja, Wisata Rohani Timor Leste" [Statue of Christ the King, Spiritual Tourism of East Timor] (ภาษาอินโดนีเซีย). Liputan6. 31 March 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 February 2012. สืบค้นเมื่อ 16 November 2017.
{{cite web}}
: CS1 maint: unfit URL (ลิงก์) - ↑ 2.0 2.1 Cox, Christopher R. (5 May 2009). "Tourism in Timor?". Travel + Leisure. New York: Travel + Leisure Co. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 April 2020. สืบค้นเมื่อ 22 April 2022.
- ↑ "Cristo Rei". Tourism Timor-Leste (ภาษาอังกฤษ). 9 February 2020. สืบค้นเมื่อ 22 April 2022.
- ↑ "Lakad Pilipinas: EAST TIMOR | Climbing the Cristo Rei of Dili". Lakad Pilipinas. สืบค้นเมื่อ 30 March 2022.
- ↑ "Lakad Pilipinas: EAST TIMOR | The Beaches of Dili". Lakad Pilipinas. สืบค้นเมื่อ 18 March 2022.
- ↑ Gregory, David. "Hike to Cristo Rei of Dili". www.theoutbound.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 18 March 2022.
- ↑ Tan, Luna (27 July 2013). "Weekend with Jesus at the Beach, Cristo Rei, Dili, East Timor". Life to Reset (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 21 April 2022.
- ↑ 8.0 8.1 8.2 8.3 8.4 8.5 8.6 8.7 8.8 Yunus, Ahmad (24 March 2008). "Di Balik Cristo Rei Timor Leste" [Behind Cristo Rei Timor Leste]. Aceh Feature (ภาษาอินโดนีเซีย). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 December 2010. สืบค้นเมื่อ 8 March 2022.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 Henick, Jonathan (August 2014). Nation Building in Timor-Leste: National Identity Contests and Crises (PDF) (PhD thesis). Honolulu: University of Hawaiʻi at Mānoa. OCLC 930543867.
- ↑ Gunn, Geoffrey C. (2000). "10. From Salazar to Suharto: Toponymy, Public Architecture, and Memory in the Making of Timor Identity". New World Hegemony in the Malay World. Lawrenceville, NJ, USA: Red Sea Press. p. 227–251, at 233. ISBN 1569021341.
- ↑ 11.0 11.1 11.2 11.3 11.4 11.5 Arthur, Catherine E. (2019). Political Symbols and National Identity in Timor-Leste. Rethinking Peace and Conflict Studies series. Cham, Switzerland: Palgrave Macmillan. pp. 81–89. ISBN 9783319987811.
- ↑ East Timor. Lonely Planet. 2011. ISBN 1-74059-644-7.