ผู้ใช้:Tippawan Pakting

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

การคลังสาธารณะเม็กซิโก[แก้]

Mexico (orthographic projection)

ประเทศเม็กซิโก (Mexico) ชื่อทางการ คือ สหรัฐเม็กซิโก มีพรมแดน ด้านบนเป็นกับประเทศสหรัฐอเมริกา ทิศตะวันตกติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก ทิศตะวันออกติดกับอ่าวเม็กซิโก และทิศใต้ติดกับประเทศในทวีปอเมริกากลาง ได้แก่ กัวเตมาลา เบลิซ ภูมิประเทศ มีเทือกเขาขนาดใหญ่จำนวนมาก ได้แก่ เทือกเขาเซียร์รามาเดรโอเรียนตัล พาดผ่านพื้นที่ประเทศในแนวเหนือ-ใต้ เกือบจะขนานกับชายฝั่งภาคตะวันออก และเทือกเขาเซียร์รามาเดรออกซีเดนตัล ขนานไปกับชายฝั่งภาคตะวันตก ทางภาคกลางตอนล่างของประเทศยังมีแนวภูเขาไฟทรานส์เม็กซิกัน ส่วนทางภาคใต้ก็มีเทือกเขาเซียร์รามาเดรเดลซูร์ที่ขนาบไปกับชายฝั่ง ประเทศเม็กซิโกใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาทางการและเป็นภาษาประจำชาติ มีการใช้ภาษาชนพื้นเมืองตามแต่ละพื้นที่รวมทั้งสิ้น 62 ภาษ[1] ระบบการปกครอง เป็นรูปแบบสหพันธ์สาธารณรัฐระบบประธานาธิบดี มีเม็กซิโกซิตี้ เป็นเมืองหลวง และมีเมืองสำคัญอื่นๆ คือ เม็กซิโกซิตี้ กวาดาลาฮาร่า มอนเตเรย์ ปวยบล้า วาฮาก้า ชิวาวา เมริด้า โมเรเลีย เป็นต้น เม็กซิโกใช้สกุลเงิน เปโซ (MXN) 1 เปโซประมาณ 2.52 บาท[2]

โครงสร้างอำนาจรัฐประเทศเม็กซิโก[3][แก้]

ระบบโครงสร้างอำนาจรัฐของประเทศเม็กซิโกใช้สหพันธ์สาธารณรัฐระบบประธานาธิบดี ซึ่งมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ ซึ่งมีการแบ่งอำนาจอธิปไตยออกเป็น 3 ฝ่ายคือ

  • ฝ่ายนิติบัญญัติ มีอำนาจในการแก้ไขเพิ่มเติมและยกเลิกกฎหมาย กฎหมายที่เกิดจากสภานิติบัญญัติเรียก กฎหมายลายลักษณ์อักษร นอกเหนือไปจากการตรากฎหมายแล้ว สภานิติบัญญัติยังมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการเพิ่มหรือลดภาษีและมีมติเห็นชอบงบประมาณและร่างกฎหมายเกี่ยวด้วยการเงินอื่น ฝ่ายนิติบัญญัติประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ซึ่งวาระในการดำรงตำแหน่งของสมาชิกวุฒิสภามีวาระ 6ปี โดยมีจำนวนสมาชิกทั้งหมด 128 คน มาจากการแต่งตั้งของประธานาธิบดี ส่วนสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 500 คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วน 200 คน และการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ 300 คน โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี[4]
  • ฝ่ายบริหาร มีอำนาจและความรับผิดชอบเฉพาะการบริหารประเทศประจำวัน มีประธานาธิบดีเป็นหัวหน้ารัฐบาลและเป็นประมุขของประเทศโดยประธานาธิบดีเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของฝ่ายบริหารและอำนาจในการตัดสินใจเลือกคณะรัฐมนตรีเข้ามาบริหารเอง ซึ่งประธานาธิบดีมีอำนาจหน้าที่ในการบริหารประเทศอย่างเต็มที่ เช่น อำนาจในการดำเนินนโยบาย อำนาจการยับยั้งกฎหมายและค่าใช้จ่าย มีสิทธิแต่งตั้งอัยการสูงสุด สิทธิแต่งตั้งเอกอัครราชทูต เป็นต้น[5]
  • ฝ่ายตุลาการ เป็นระบบศาลซึ่งทำหน้าที่ตีความและใช้บังคับกฎหมาย ฝ่ายตุลาการประกอบด้วย 2 ศาลที่สำคัญ คือ ศาลแห่งสหพันธรัฐ และศาลแห่งมลรัฐ ซึ่งศาลต่างมีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินคดีที่แตกต่างกัน ศาลแห่งสหพันธรัฐจะตัดสินคดีแพ่งเป็นส่วนใหญ่ เช่น คดีเกี่ยวกับแรงงาน การค้าทั้งภายในมลรัฐ เป็นต้น แต่การตัดสินคดีอาญาจะรับผิดชอบเฉพาะคดีร้ายแรง ส่วนศาลแห่งมลรัฐจะตัดสินคดีสามัญทั่วไป รวมถึงคดีฆาตกรรมด้วย[6]

ระบบการคลังสาธารณะประเทศเม็กซิโก[แก้]

หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดทำร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาล และหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลนโยบายการเงินของประเทศเม็กซิโก[7][แก้]

  • กระทรวงการคลังเม็กซิโก ทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายได้ของประเทศเม็กซิโก รวมไปถึงการกำหนดนโยบายในการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยังรับผิดชอบเกี่ยวกับหนี้สาธารณะอีกด้วย
  • เลขาธิการการเงินและเครดิตสาธารณะมีหน้าที่ในการกำกับดูแลกิจการทางการเงินรวมและนโยบายการจัดทำงบประมาณของประเทศเม็กซิโก วัตถุประสงค์หลักของกระทรวงการคลังของเม็กซิโกคือเพื่อนำมารักษาและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในเม็กซิโกด้วยความช่วยเหลือของการระดมทรัพยากรและการจัดการสินทรัพย์ที่มี เลขาธิการการเงินและเครดิตสาธารณะทำหน้าที่นี้โดยได้รับความช่วยเหลือของหนึ่งในบริษัทซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นหนึ่งในเครดิตสาธารณะ (PCU)
  • สถาบันเจ้าหน้าที่การเงินแห่งเม็กซิโก หรือ Instituto Mexicano de Ejecutivos de Finanzas or IMEF ดูแลด้านการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นหน่วยงานกระตุ้นการลงทุนของประเทศแม็กซิโก
  • คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนต่างชาติ (National Foreign Investment Commission: CNIE) เป็นหน่วยงานที่กำกับในด้านนโยบายการลงทุนให้ต่างชาติเข้ามายังประเทศเม็กซิโก โดยมีคณะผู้บริหารของ CNIE ประกอบด้วย ผู้แทนจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง 10 กระทรวง อาทิ กระทรวงเศรษฐกิจ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง ฯลฯ บทบาทของ CNIE ได้แก่ การกำหนดแนวทางและนโยบายด้านการลงทุนจากต่างประเทศ การให้นโยบายการส่งเสริมการลงทุน การพิจารณายกเว้นเงื่อนไขการถือครองกิจการของต่างชาติเป็นกรณีๆ ไป โดยจะคำนึงถึงผลกระทบต่อการจ้างงาน การถ่ายทอดเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
  • องค์กรส่งเสริมการค้าการลงทุน (Pro Mexico) เป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลาง สังกัด MOE มีหน้าที่ส่งเสริมการส่งออกสินค้าเม็กซิโกและส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ โดยมีสาขาบริการอยู่ทั่วโลกตามเมืองสำคัญต่างๆ ที่จะคอยให้คำแนะนำการด้านการค้าและการลงทุนไปยังประเทศเม็กซิโก

โครงสร้างและระบบภาษีของประเทศเม็กซิโก[แก้]

การจัดเก็บภาษีในเม็กซิโกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ภาษีประเทศหรือภาษีที่ต้องชำระให้กับประเทศโดยที่รัฐบาลกลางเป็นผู้จัดเก็บ (Federal tax)เช่น ภาษีรายได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีนำเข้าและส่งออก ภาษีการหักอัตราร้อยละ 1 ของเงินเดือน ภาษีสรรพสามิต การโทรคมนาคม ภาษีรถยนต์ เป็นต้น และภาษีท้องถิ่นหรือเงินภาษีที่ชำระให้กับจังหวัดหรือเทศบาล ซึ่งจะจัดเก็บโดยรัฐบาลท้องถิ่น เช่น ภาษีอสังหาริมทรัพย์ ภาษีเงินเดือนซึ่งนายจ้างเป็นผู้จ่าย ภาษีการขายอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ภาษีที่ชำระให้กับประเทศและภาษีท้องที่สามารถแบ่งออกได้เป็นภาษีโดยตรงและภาษีโดยอ้อม ภาษีโดยตรง เช่น ภาษีเงินได้ ภาษีนิติบุคคล ภาษีพักอาศัย ภาษีรถยนต์ เป็นต้น ภาษีโดยอ้อม เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีศุลกากร ภาษีสุรา เป็นต้น

ภาษีที่รัฐบาลกลางเป็นผู้จัดเก็บ (Federal tax)[แก้]

  • ภาษีรายได้ ซี่งแบ่งภาษีย่อย ได้แก่ ภาษีรายได้บริษัท ในอัตราร้อยละ 35 โดยภาษีขั้นต่ำสำหรับธุรกิจคือ asset tax ในอัตราร้อยละ 2 ของมูลค่าทรัพย์สินบริษัท และรายได้ภาษีประเภทบุคคล (ISR) ในอัตราร้อยละ 28
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (IVA) ในอัตราร้อยละ 15 สำหรับการขายสินค้า บริการ โดยมีการยกเว้นภาษีดังกล่าวสำหรับอาหารและยาบางประเภท
  • ภาษีนำเข้าและส่งออก
  • ภาษีการหักอัตราร้อยละ 1 ของเงินเดือน เพื่อสมทบเข้ากองทุนสังคมสงเคราะห์และกองทุนเพื่อการซื้อบ้านอยู่อาศัย
  • ภาษีสรรพสามิต สำหรับกิจกรรมการขุดเหมือนแร่ ภาษีบุหรี่ ภาษีสุรา ภาษีน้ำมัน ภาษีบริโภค
  • การโทรคมนาคม ภาษีรถยนต์ ฯลฯ

ภาษีที่ท้องถิ่นหรือสำนักงานเทศบาลเป็นผู้จัดเก็บ (Local tax)[แก้]

  • ภาษีอสังหาริมทรัพย์ (property tax)
  • ภาษีเงินเดือนซึ่งนายจ้างเป็นผู้จ่าย (salary tax)
  • ภาษีการขายอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ

ภาษีมูลค่าเพิ่ม[8][แก้]

ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีทางอ้อม คือ ผู้เสียภาษีไม่ต้องจ่ายโดยตรง จะเรียกเก็บภาษีจากผู้บริโภคที่เป็นผู้ซื้อสินค้าทั้งที่ผลิตในประเทศและต่างประเทศหรือเป็นผู้ได้รับบริการคนสุดท้าย ผู้ที่มีหน้าที่ชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติบุคคลและองค์กรที่ได้กระทำกิจกรรมในประเทศ ดังต่อไปนี้

  1. การขายสินค้า
  2. การให้บริการที่เป็นอิสระ
  3. สินทรัพย์ลิสซิ่ง
  4. การนำเข้าสินค้าและบริการ

อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ 15% แต่มีอัตราพิเศษในพื้นที่ชายแดนของประเทศของซึ่งใช้อัตรา 10% และมีอัตราที่สูงขึ้นจาก 0% การคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ตัวอย่างที่ 1

มานะมีค่าใช้จ่ายค่าบริการรายเดือนในจำนวน $ 10,000 และต้องการที่จะรู้ว่าต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเท่าไหร่

                                   วิธีคำนวณ          รายได้ที่เก็บรวบรวม:	$ 10,000
                                                            อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มทั่วไป	    X 15%
                                                            ผล:	= 1.500 $  (VAT ย้าย)

ระบบภาษีศุลกากร[แก้]

Aduana (ศุลกากร) เป็นหน่วยงานของรัฐในเม็กซิโก มีหน้าที่รับผิดชอบในการควบคุมเรียกเก็บเงินการนำเข้าและการส่งออกอยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงพาณิชย์และการพัฒนาอุตสาหกรรมในกรมศุลกากรของรัฐบาลเม็กซิโกการขนส่งของสินค้าในเม็กซิโกมีทั้งการส่งออกและนำเข้าเช่น Nafta ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ ( NAFTA ) มีการไหลเวียนอย่างเสรีของสินค้า (ผ่านศุลกากร) การลงนามระหว่างทั้งสามประเทศ (แคนาดา สหรัฐอเมริกา และ เม็กซิโก) หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดNAFTA ข้อตกลงกำหนดให้นอกเหนือไปจากผลิตภัณฑ์ที่มีสติกเกอร์หรือเครื่องหมายแสดงที่มา (ถูกต้องตามที่เสมอของผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากเม็กซิโกและสหรัฐฯ, แคนาดาและประเทศอื่น ๆ ) ส่งออก ผลิตภัณฑ์สหรัฐ (ส่งออกไปยังเม็กซิโก) ต้องกรอกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (ว่ามันเป็นแหล่งกำเนิดของสหรัฐ) จะมีคุณสมบัติในการลดหรือยกเว้นภาษี รับรองคุณภาพ . มีรายการบางอย่างที่ในการที่จะนำเข้ามาในเม็กซิโกต้องใช้ใบรับรองที่มีคุณภาพเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ไม่เป็นของที่มีคุณภาพด้อยกว่าที่มีอยู่ เช่น เซรามิก, แก้ว, เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าเครื่องมือทางการแพทย์[9]

ภาษีรายได้[10][แก้]

ภาษีเงินได้ ( ISR ) ในเม็กซิโกเป็นภาษีทางตรงที่ได้รับ คือ ส่วนต่างระหว่างรายได้ที่ได้รับและการหักเงินที่ได้รับอนุญาตในปีภาษี ภาษีนี้จะต้องจ่ายเป็นประจำทุกเดือน (ในบัญชีของภาษีประจำปี) ให้กับสรรพากรบริการหรือสำนักงานผู้มีอำนาจโดยรัฐบาลกลางเม็กซิโกเป็นผู้กำหนดพระราชบัญญัติและระเบียบการคลังรับผิดชอบประสานงานระหว่างสภาและรัฐบาลกลางเม็กซิโก

ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีรายได้ คือบุคคลทั่วไป และ บริษัท ต้องจ่ายภาษีในกรณีที่พวกมีรายได้ใด ๆ ในประเภท ต่อไปนี้[11]

  1. ค่าจ้างที่ได้รับจากการให้บริการของผู้ใต้บังคับบัญชา
  2. กิจกรรมที่ยึดถือเป็นอาชีพ
  3. การให้เช่าหรือการใช้สถานที่ให้บริการ
  4. ดอกเบี้ยที่ได้รับ
  5. รางวัลที่ได้รับ
  6. เงินปันผลและผลกำไรที่จัดจำหน่ายโดย บริษัท
  7. การขายทรัพย์สิน

อัตราภาษีเงินได้ อัตราแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับที่กำหนดไว้บนพื้นฐานขั้นต่ำ ช่วงจาก 1.92% ถึง 30% สำหรับบุคคลทั่วไป และ 30% สำหรับทุกหน่วยงานในปีงบประมาณ 2012

ภาษีนิติบุคคล[แก้]

อัตราภาษีของเม็กซิโกของ บริษัท ในปี 2013 เป็น 30% อัตราการของ บริษัท จะลดลงถึง 29% ในปี 2014 และ 28% ในปี 2015 ทางเลือกภาษีขั้นต่ำ AMT, 17.5 % รายได้จะนำไปใช้กับกระแสเงินสดเป็นทุนกำไร : กำไรของ บริษัท ที่จะมีการเพิ่มรายได้ประจำบุคคล : กำไรจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์เม็กซิโกจะได้รับการยกเว้นภาษีการขาย

การหักภาษีในเม็กซิโก

  • ความสูญเสียที่จะดำเนินการไปข้างหน้าถึงสิบปี กลับไม่มีการดำเนินการของการสูญเสีย
  • ค่าเสื่อมราคาจะถูกหักโดยใช้วิธีเส้นตรง อัตราค่าเสื่อมราคามี ดังนี้
  1. เครื่องจักร-10%
  2. Furnitue-10%
  3. อาคาร 5%
  4. รถยนต์และรถ 25%
  5. คอมพิวเตอร์-30%
  • มีการควบรวมกิจการของ บริษัท เป็นตัวเลือกสำหรับวัตถุประสงค์ทางภาษีในเม็กซิโก
  • กฎระเบียบบางทุนที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะมีผลในเม็กซิโก 3:1 ด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเป็นเงินกู้ยืมจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน
  • เงินบริจาคหักลดหย่อนภาษีได้ถึง 7% ของปีก่อนรายได้ที่ต้องเสียภาษี
  1. หักภาษีเครดิตส่วนบุคคลในเม็กซิโกมีเครดิตภาษีสำหรับแต่ละขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายในการศึกษาจะมีการหักถึงขีด จำกัด
  2. หักที่ได้รับอนุญาตสำหรับการชำระเงินการรักษาความปลอดภัยทางสังคมโดยพนักงานและการชำระเงินกับแผนการเงินบำนาญส่วนตัวถึงขีด จำกัด
  3. ค่าใช้จ่ายในงานศพจะนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ถึง จำกัด
  4. ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์อาจมีการหักถึงเพดาน
  5. การบริจาคให้กับองค์กรภายใต้เงื่อนไขหักลดหย่อนภาษีได้
  6. หักภาษี ณ ที่จ่าย

ในเม็กซิโกภาษีถูกหัก ณ ที่จ่ายจากการชำระเงิน ดังนี้

  1. เงินปันผล-0%
  2. ดอกเบี้ย 30%
  3. ค่าสิทธิที่-25% / 30%
  4. บริการด้านเทคนิค -25%
  5. สาขาภาษีโอนเงิน -0%

กระบวนการและขั้นตอนจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของประเทศเม็กซิโก[แก้]

จาก 1 มกราคม - 31 ธันวาคมของทุกปี

  1. 15 พฤศจิกายนประธานาธิบดีเสนอร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีและรายได้เพื่อเป็นข้อมูลที่ใช้ในปีถัดไปต่อรัฐสภา
  2. ตั้งแต่กุมภาพันธ์ถึงเดือนสิงหาคมรัฐบาลวางแผนจัดทำงบประมาณให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ สำหรับการเจริญเติบโตของประเทศ
  3. จากมิถุนายน-สิงหาคมดำเนินการจัดทำงบประมาณเบื้องต้น
  4. จากกรกฎาคม-สิงหาคมรายงานค่าใช้จ่ายเบื้องต้น
  5. ในเดือนสิงหาคมกำหนดงบประมาณที่จะใช้ในโครงการของหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล
  6. ในเดือนกันยายน ทำการร่างงบประมาณค่าใช้จ่ายประจำปี PRESPUESTO

เม็กซิโกมีการจำแนกประเภทสำหรับการวิเคราะห์งบประมาณที่จะใช้ ซึ่งแตกต่างกันในวัตถุประสงค์และเกณฑ์การกระจายในการบริหารเศรษฐกิจ

การจัดหมวดหมู่ทางเศรษฐกิจ : งบประมาณ แบ่งออกเป็น ค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน การชำระเงินเดือน การซื้อวัสดุและอุปกรณ์สำหรับการทำงานของหน่วยงาน และค่าใช้จ่ายเงินทุนสังคมผ่านงานภาครัฐและการลงทุนในโครง

การจัดหมวดหมู่การบริหาร : หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายและมีหน้าที่รับผิดชอบงบประมาณตามที่กฎหมายมีการระบุจะต้องทำตามขั้นตอนของกระบวนการจัดทำงบประมาณพื้นฐานที่กฏหมายกำหนด

การจำแนกการทำงาน : จำแนกตามวัตถุประสงค์ ระยะเวลาของโครงการ ลักษณะหรือรูปแบบของโครงการ และกิจกรรม ที่มีการใช้งบประมาณ

หน่วยงานที่มีส่วนรับผิดชอบในการจัดทำงบประมาณรายปี คือ ฝ่ายบริหาร Listislativo, ฝ่ายตุลาการ, IFE, CND, หน่วยงานและองค์กร

ในช่วงเวลาต่างๆ 1 มิถุนายน - 8 กันยายนการอภิปราย-อนุมัติ : 8 กันยายน - 15 พฤศจิกายน (ฝ่ายนิติบัญญัติของสภาผู้แทนราษฎร) เสร็จ : 1 มกราคม - 31 ธันวาคม(ฝ่ายการบริหาร หน่วยงานและหน่วยงานที่รัฐสภา และตุลาการและบริหารนิติบัญญัติตรวจเงินแผ่นดินของกระทรวงการคลังและ บัญชีของสหพันธ์ธนารักษ์)

ประกันสังคมประเทศเม็กซิโก[12][แก้]

ประกันสังคมในเม็กซิโกให้สิทธิประโยชน์ ดังต่อไปนี้

  • ช่วยเหลือด้านการแพทย์ในกรณีที่เจ็บป่วยคลอดบุตรและการเกิดอุบัติเหตุ
  • การคุ้มครองในกรณีของความพิการชั่วคราว
  • บำนาญความพิการ วัยชราและความตาย

สิทธิประโยชน์ทางการแพทย์ขยายความช่วยเหลือให้กับสมาชิกในครอบครัวของพนักงานรวมถึงคู่สมรสของผู้ปกครองและเด็ก กองทุนหมู่บ้าน นายจ้างต้องจ่าย 5%ของเงินเดือน (จำกัด 25 ครั้งค่าจ้างขั้นต่ำ) เพื่อกองทุนหมู่บ้านที่ให้เงินทุนสำหรับการก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับคนงาน บังคับแผนบำนาญ แผนบำนาญที่มีการจัดการโดยธนาคารในนามของพนักงานเท่ากับ 2% ของค่าตอบแทนของพนักงาน จำนวนเงินสูงสุดของเงินเดือนที่อาจจะใช้ในการคำนวณเงินสมทบแผนเงินบำนาญเท่ากับ 25 ครั้งค่าจ้างขั้นต่ำ

อ้างอิง[แก้]

  1. http://www.cdi.gob.mx/index.php?id_seccion=90=ภาษาชนพื้นเมือง
  2. http://everything.explained.at/Mexico/=ข้อมูลทั่วไปของประเทศเม็กซิโก
  3. http://everything.explained.at/Politics_of_Mexico/=โครงสร้างอำนาจรัฐประเทศเม็กซิโก
  4. http://everything.explained.at/Legislature/=อำนาจนิติบัญญัติ
  5. http://everything.explained.at/Executive_(government)/=อำนาจบริหาร
  6. http://everything.explained.at/Judiciary/=อำนาจตุลาการ]
  7. http://www.shcp.gob.mx/Paginas/default.aspx=กระทรวงการคลังเม็กซิโก
  8. http://www.dyf.com.mx/Que_es_el_IVA.htm=ภาษีมูลค่าเพิ่ม
  9. http://www.mexicolaw.com/LawInfo05.htm=ศุลกากร
  10. https://es.wikipedia.org/wiki/Impuesto_sobre_la_renta_(M%C3%A9xico)=ภาษีเงินได้เม็กซิโก
  11. http://losimpuestos.com.mx/impuesto-isr/=ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้
  12. http://www.ey.com/GL/en/Services/Tax/The-worldwide-personal-tax-guide---XMLQS?preview&XmlUrl=/ec1mages/taxguides/TGE-2013/TGE-MX.xml=ประกันสังคม