ผู้ใช้:Rattakorn c/sandbox6
รัฐวิกตอเรีย Victoria | |
---|---|
สมญา: Garden State, The Place To Be, On The Move | |
คำขวัญ: "Peace and Prosperity" (สันติภาพและความรุ่งเรือง) | |
ประเทศ | ออสเตรเลีย |
เมืองหลวง | เมลเบิร์น |
ตั้งเป็นอาณานิคม | 2393 |
จัดตั้งรัฐบาล | 2399 |
ประกาศเป็นรัฐ | 2444 |
รัฐธรรมนูญ | พรบ. รัฐธรรมนูญ 2518 |
พรบ. ออสเตรเลีย | 3 มี.ค. 2529 |
ข้าหลวง | เดวิด เดอ เครทเซอร์ |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าการ | เทด เบลเลอ (พรรคเสรีนิยม) |
• สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร | 37 |
• สมาชิกวุฒิสภา | 12 |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 237,629 ตร.กม. (91,749 ตร.ไมล์) |
• พื้นดิน | 227,416 ตร.กม. (87,806 ตร.ไมล์) |
• พื้นน้ำ | 10,213 ตร.กม. (3,943 ตร.ไมล์) 4.3% |
อันดับพื้นที่ | 6 |
ความสูงจุดสูงสุด (เขาโบกอง) | 1,986 ม เมตร (Bad rounding hereFormatting error: invalid input when rounding ฟุต) |
ประชากร (ก.ค. 2553) | |
• ทั้งหมด | 5,547,527[1] คน |
• อันดับ | 2 |
• ความหนาแน่น | 24.39 คน/ตร.กม. (63.2 คน/ตร.ไมล์) |
• อันดับความหนาแน่น | 2 |
ผลิตภัณฑ์มวลรวม (2552-53) | |
• ผลิตภัณฑ์ | $293,313[2] ล้าน (อันดับที่ 2) |
• ต่อหัว | $53 316 (อันดับที่ 2) |
สัญลักษณ์ | |
• สี | สีกรมท่าและสีเงิน |
เขตเวลา | UTC+10 (เวลาออมแสง: UTC+11) |
รหัสไปรษณีย์ | VIC |
รหัส ISO 3166 | AU-VIC |
เว็บไซต์ | www.vic.gov.au |
รัฐวิกตอเรีย เป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดอันดับสองในประเทศออสเตรเลีย[1] แต่เป็นหนึ่งในรัฐที่เล็กที่สุดของประเทศเช่นกัน[3] ซึ่งประชากรส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ที่นครหลวงเมลเบิร์นเมืองหลวงของรัฐ ชื่อ "วิกตอเรีย" นำมาจากพระนามพระราชินีวิกตอเรียซึ่งทรงดำรงตำแหน่งเป็นประมุขในขณะนั้น ยุคตื่นทองในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1850 ดึงดูดให้ผู้คนจำนวนมากย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณรัฐนี้จนกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมกระทั่งปัจจุบัน
ประวัติศาสตร์
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การปกครอง
[แก้]ธรรมนูญของรัฐซึ่งประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2518 กำหนดแนวทางการปกครองรัฐ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงธรรมนูญต้องผ่านสภารัฐ ขณะนี้กำลังเสนอให้ต้องผ่านการทำประชามติด้วย
อำนาจบริหาร
[แก้]พระประมุขของเครือรัฐออสเตรเลียซึ่งก็คือพระราชินีเอลิซาเบธทรงบริหารอำนาจผ่าน "ข้าหลวงประจำรัฐวิกตอเรีย" (Governor of Victoria)[4] ทำหน้าที่เป็นผู้แทนพระองค์ ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ว่าการรัฐและคณะรัฐมนตรี (แต่ก็มีอำนาจปลดผู้ว่าการรัฐได้เช่นกัน) รวมทั้งตรวจสอบว่าการปกครองเป็นไปด้วยระบอบประชาธิปไตยอย่างโปร่งใส ในทางปฏิบัติแล้วข้าหลวงเป็นผู้ต้อนรับพระราชอาคันตุกะและเข้าร่วมงานที่ต้องการผู้แทนที่เป็นกลางทางการเมือง[5] ตำแหน่งดังกล่าวมักจะเป็นข้าราชการชาววิกตอเรียนที่ปลดเกษียณแล้ว ข้าหลวงคนปัจจุบันคือ เดวิด เดอเครทเซอร์
การบริหารแบ่งออกเป็นสามระดับซึ่งกำหนดตามรัฐธรรมนูญของออสเตรเลีย ได้แก่[6]
- การปกครองโดยสหพันธรัฐ (Federal government) ดูแลด้านความมั่นคง การต่างประเทศ การตรวจคนเข้าเมือง การพาณิชย์ และการสื่อสารโทรคมนาคม
- การปกครองโดยรัฐ (State government) มี "ผู้ว่าการรัฐวิกตอเรีย" (Premier of Victoria) เป็นผู้บริหารพร้อมกับคณะรัฐมนตรี (Cabinet) ผู้ว่าการจะต้องเป็นหัวหน้าพรรคหรือหัวหน้าคณะพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาล่างของรัฐ คณะรัฐมนตรีต้องเป็นผู้แทนจากสภาล่างหรือสภาสูง รัฐบาลรัฐมีหน้าที่ดูแลด้านการศึกษา การสาธารณสุข และการรักษาความสงบเรียบร้อย ผู้ว่าการรัฐคนปัจจุบันคือ เทด เบลเลอ
- การปกครองส่วนท้องถิ่น (Local government) จะมีสำนักงานส่วนท้องถิ่น (Council) ดูแลเรื่องส่วนท้องถิ่น เช่น สวนสาธารณะ การกำจัดสิ่งปฏิกูล เป็นต้น รัฐวิกตอเรียมีเขตปกครองส่วนท้องถิ่น 79 เขตด้วยกัน[7] ผู้ดูแลเขตปกครองส่วนท้องถิ่นจะเรียกว่า Councillor มาจากการเลือกตั้งทุก ๆ 4 ปี
สภาแห่งรัฐวิกตอเรีย | ||
---|---|---|
พรรค | สมัชชา | สภา |
พรรคแรงงาน | 43 | 16 |
พรรคเสรีนิยม | 35 | 18 |
พรรคชาติ | 10 | 3 |
กรีนส์ | 0 | 3 |
แหล่งที่มา: กกต.รัฐวิกตอเรีย |
อำนาจนิติบัญญัติ
[แก้]รัฐวิกตอเรียปกครองโดยใช้ระบบสองสภา[4] ได้แก่
- สภาล่าง เรียกว่า Victorian Legislative Assembly - มีผู้แทน 88 คนจาก 88 เขตเลือกตั้ง สมัยละ 4 ปี
- สภาสูง เรียกว่า Victorian Legislative Council - มีผู้แทน 40 คนจาก 8 เขตเลือกตั้ง สมัยละ 4 ปี
โดยกำหนดให้มีการเลือกตั้งทุก ๆ 4 ปี ในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน[5]
นอกจากนี้จะมีผู้แทนอีก 49 คนในรัฐสภาแห่งออสเตรเลียเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้แทนรัฐ เป็น ส.ส. 37 คน และ ส.ว. อีก 12 คน
ภูมิศาสตร์
[แก้]รัฐวิกตอเรียมีภูมิประเทศอันหลากหลาย พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอบอุ่น (temperate) ประมาณร้อยละ 36 เป็นป่าไม้ พื้นที่สูงสุดอยู่ประมาณ 2000 ม. เหนือระดับน้ำทะเล แม่น้ำเมอร์เรย์ (Murray) ที่อยู่ทางเหนือเป็นแม่น้ำที่มีความยาวที่สุดของรัฐ นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบขนาดใหญ่หลายแห่งและชายฝั่งที่ทอดยาวราว 1,600 กิโลเมตร ช่องแคบบาสส์ (Bass) แยกระหว่างรัฐวิกตอเรียและออสเตรเลียแผ่นดินใหญ่กับรัฐแทสเมเนีย
รัฐวิกตอเรียมีภูมิอากาศอันหลากหลายถึงแม้ว่าจะเป็นรัฐขนาดเล็กก็ตาม ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือจะมีอากาศร้อน ส่วนชายฝั่งทะเลมีอากาศเย็น เทือกเขาเกรทดิไวดิงทำให้บริเวณกลางรัฐมีภูมิอากาศเย็นแบบภูเขา อย่างไรก็ดีเพราะว่าอยู่ใต้สุดของเกาะออสเตรเลียอากาศทั่วไปจึงหนาวเย็นและมีฝนตกหนักกว่ารัฐอื่น ๆ ลมจากมหาสมุทรใต้ที่พัดมาในฤดูร้อนเย็นกว่าอากาศปกติ และที่พัดมาในฤดูหนาวก็ศอุ่นกว่าอากาศปกติ ลักษณะอุณหภูมิที่เหมาะสมเช่นนี้ทำให้เมืองใหญ่ ๆ ส่วนมากตั้งอยู่ที่แถบนี้ เช่น เมืองเมลเบิร์น
บริเวณต่าง ๆ
[แก้]รัฐวิกตอเรียมีเทศบาล (local government area) ถึง 79 เขตด้วยกัน[8] แต่สามารถแบ่งเป็นบริเวณต่าง ๆ ทางภูมิศาสตร์ให้เข้าใจง่ายดังภาพข้างต้น
- เขตนครหลวงเมลเบิร์น (City of Melbourne) รวมเมืองเมลเบิร์นและปริมณฑล ซึ่งเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจ การเงิน และวัฒนธรรม ประชากรของรัฐประมาณร้อยละ 75 อาศัยอยู่
- เขตเหนือ เป็นพรมแดนระหว่างรัฐวิกตอเรียกับรัฐนิวเซาท์เวาส์ มีภูมิประเทศอันหลากหลาย โดยมีแม่น้ำเมอร์เร่ตัดผ่าน บริเวณบางส่วนแห้งแล้ง แต่บางที่ก็สามารถปลูกฟาร์มองุ่นได้ เช่น เมืองมิลดูร่า
- เขตตะวันออกเฉียงเหนือ บางส่วนเป็นที่ราบสูง (High Country) ทำให้สามารถเล่นสกีในฤดูหนาวได้ ขณะที่บางส่วนสามารถปลูกองุ่นได้เช่นที่เมืองเชพพาร์ตัน[9]
- เขตตะวันตก รวมบริเวณเมืองต่าง ๆ ที่เคยเป็นเหมืองแร่ทองคำในอดีต เช่น เมืองบัลลาแรท ส่วนเมืองฮอร์แชมก็อยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติแกรมเปียนส์ซึ่งเป็นที่นิยมของนักไต่เขา
- เขตตะวันตกเฉียงใต้ มีถนนที่ขึ้นชื่อคือถนนเกรทโอเชียน ตัดผ่านอุทยานแห่งชาติพอร์ทแคมป์เบลริมทะเล
- เขตกิบบสแลนด์[10] (Gippsland) มีความหลากหลายทางภูมิประเทศ ทั้งแม่น้ำ ชายฝั่งทะเล ภูเขา ทะเลสาบ ตลอดจนเขตสงวนและอุทยานแห่งชาติ[11]
อุณหภูมิ
[แก้]ภาคตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือเป็นภูมิภาคที่ร้อนที่สุดเพราะมีลมพัดมาจากทะเลทรายใกล้เคียง อุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูร้อนสูงกว่า 30 องศา ส่วนในฤดูหนาวอุณหภูมิประมาณ 15 องศา อุณหภูมิสูงที่สุดที่เคยวัดได้อยู่ที่ 48.8 องศา ที่เมือง Hopetoun (ระหว่างช่วงคลื่นความร้อนพัดผ่านในปี 2552)[12]
ภูเขาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาเกรทดิไวดิงเป็นบริเวณที่เย็นที่สุด อุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูหนาวต่ำกว่า 9 องศา บางแห่งมีอุณหภูมิติดลบ โดยอุณหภูมิต่ำสุดที่เคยวัดได้อยู่ที่ –11.7 องศา ในปี 2508 และปี 2513[12]
ข้อมูลภูมิอากาศของรัฐวิกตอเรีย | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) | 25.9 (78.6) |
25.8 (78.4) |
23.9 (75) |
20.3 (68.5) |
16.7 (62.1) |
14.0 (57.2) |
13.4 (56.1) |
15.0 (59) |
17.2 (63) |
19.7 (67.5) |
21.9 (71.4) |
24.2 (75.6) |
19.83 (67.7) |
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) | 14.3 (57.7) |
14.6 (58.3) |
13.2 (55.8) |
10.8 (51.4) |
8.6 (47.5) |
6.9 (44.4) |
6.0 (42.8) |
6.7 (44.1) |
8.0 (46.4) |
9.5 (49.1) |
11.2 (52.2) |
12.9 (55.2) |
10.23 (50.41) |
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว) | 47.7 (1.878) |
47.4 (1.866) |
50.4 (1.984) |
57.1 (2.248) |
55.7 (2.193) |
49.1 (1.933) |
47.6 (1.874) |
50.2 (1.976) |
58.0 (2.283) |
66.4 (2.614) |
60.1 (2.366) |
59.3 (2.335) |
649 (25.551) |
แหล่งที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย[13] |
หยาดน้ำฟ้า
[แก้]วิกตอเรียเป็นรัฐที่มีฝนตกมากที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศรองลงมาจากรัฐแทสเมเนีย โดยทางใต้จะมีฝนมากกว่าทางเหนือและที่สูงมากกว่าที่ต่ำ เช่น พื้นที่แถบกิบบสแลนด์ (เป็นพื้นที่ทางเกษตรกรรม) บริเวณทางใต้ของรัฐ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกมากที่สุด ในบางครั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกต่อปีสูงกว่า 1800 มม. ขณะที่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือมีน้อยกว่า 250 มม. ส่วนหิมะนั้นปกติจะตกบริเวณกลางรัฐที่มีภูเขาอยู่มาก[12]
-
อุณหภูมิเฉลี่ย มกราคม
(ฤดูร้อน)
ทางเหนือของรัฐจะร้อนกว่าชายฝั่งทะเลและภูเขา -
อุณหภูมิเฉลี่ย กรกฎาคม
(ฤดูหนาว)
บริเวณที่ราบสูงเย็นที่สุดในฤดูหนาวและอาจมีหิมะตกด้วย -
หยาดน้ำฟ้าเฉลี่ย
ฝนปริมาณมากบริเวณที่ราบสูงทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตามชายฝั่ง
ประชากรศาสตร์
[แก้]แนวโน้มประชากร | |
---|---|
2539 | 4,932,000 |
2550 | 5,087,000 |
2554 | 5,500,000 |
2559 | 6,000,000 |
2564 | 6,400,000 |
2569 | 6,800,000 |
2574 | 7,300,000 |
แหล่งที่มา: สำนักงานวางแผนและพัฒนาชุมชน |
ประชากรยุคบุกเบิกส่วนใหญ่แล้วมาจากประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์ ภายหลังมีประชากรจากทั้งยุโรปตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจีนอพยพเข้ามาอาศัยอยู่จำนวนมาก ประชากรราวสองในสามระบุว่ามีเชื้อสายออสเตรเลีย สกอต อังกฤษ หรือไอริช มีประชากรไม่ถึง 1% ที่ระบุว่าตนเป็นชาวอะบอริจิน ชาววิกตอเรียนประมาณ 72% ระบุว่าเกิดที่ประเทศออสเตรเลีย
เมืองเมลเบิร์นมีประชากรอยู่ประมาณ 3.9 ล้านคน เมืองอื่น ๆ ที่มีประชากรเป็นอันดับรอง ๆ คือ จีลอง บัลลาแรท เบนดิโก เชพพาร์ตัน มิลดูร่า และวอร์นัมบูล[14]
เมื่อเทียบกับรัฐอื่น ๆ แล้ววิกตอเรียเป็นรัฐที่มีประชากรอาศัยอยู่ในเมืองมากที่สุดถึง 90% ในปี 2546 รัฐบาลรัฐเริ่มรณรงค์ให้ผู้คนย้ายออกไปตั้งถิ่นฐานนอกเมือง[15] แต่ความพยายามดังกล่าวก็ไม่เป็นผลเท่าใดนัก โดยดูได้จากสถิติการเติบโตของประชากรในเมืองเมลเบิร์นอย่างต่อเนื่อง[16]
ส่วนในด้านโครงสร้างอายุ สำนักงานสถิติแห่งชาติคาดการณ์ว่าในอนาคตรัฐวิกตอเรียจะมีปัญหาเรื่องจำนวนที่ลดน้อยลงของประชากรเด็ก และจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นของผู้ชรา โดยสามารถดูได้จากตารางด้านล่างนี้
พื้นที่ | อายุ ≤ 14 | อายุ ≥ 60 | อายุเฉลี่ย | |||
---|---|---|---|---|---|---|
2545 (%) | 2594 (%) | 2545 (%) | 2594 (%) | 2545 (%) | 2594 (%) | |
รัฐวิกตอเรีย | 19.7 | 13.6 | 13.1 | 27.3 | 36.0 | 46.9 |
ทั้งประเทศ (เฉลี่ย) | 20.3 | 14.0 | 12.7 | 27.1 | 35.9 | 46.8 |
ศาสนา
[แก้]ประชากรราว 60.5% ระบุว่านับถือศาสนาคริสต์ โดยนับถือนิกายคาทอลิกมากที่สุด (27.5%) รองลงมาคือนิกายอังกลิคันและโปรเตสแตนต์ ศาสนาอื่น ๆ ได้แก่ ศาสนาพุทธมีผู้นับถือประมาณ 13,000 คน ศาสนาอิสลาม 109,000 คน และชาวยิวอีกประมาณ 40,000 คน ประชากรราว 20% ไม่นับถือศาสนาใด อย่างไรก็ดีอัตราการเข้าวัดก็ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ[18]
ในปี 2551 คู่สมรสที่เลือกแต่งงานในโบสถ์ลดลงมาเหลือ 36% ในขณะที่เหลือเลือกจดทะเบียนสมรสที่หน่วยงานท้องถิ่นเท่านั้น[19]
การศึกษา
[แก้]ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
[แก้]การศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษามี 7 ปี และในระดับมัธยมมี 6 ปี การศึกษาภาคบังคับระหว่างอายุ 6 - 17 ปี
โรงเรียนมีอยู่สองระบบด้วยกันคือโรงเรียนรัฐและโรงเรียนเอกชน โรงเรียนรัฐจะไม่เสียค่าใช้จ่าย (สำหรับพลเมืองออสเตรเลีย) บริหารโดยรัฐบาลแห่งรัฐวิกตอเรีย ส่วนโรงเรียนเอกชนจะเป็นโรงเรียนศาสนา มีทั้งคาทอลิก โปรเตสแตนต์ ยิว และอิสลาม ได้รับเงินสนับสนุนจากทางรัฐบ้าง โรงเรียนที่สอบคัดเลือกนักเรียนเข้ามามีอยู่ 5 แห่งเท่านั้น ทั้งนี้ทุกโรงเรียนจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานที่กำหนด
ปัจจุบันรัฐวิกตอเรียมีโรงเรียนทั้งหมด 2241 แห่ง เป็นโรงเรียนรัฐอยู่ 1539 แห่ง มีนักเรียนศึกษาในโรงเรียนรัฐประมาณ 540,000 คน ส่วนโรงเรียนเอกชนมีอยู่ 702 แห่ง [20]
อุดมศึกษา
[แก้]รัฐวิกตอเรียเป็นรัฐที่ชาวไทยนิยมไปศึกษาต่อเป็นอันดับสอง[3] มีมหาวิทยาลัยอยู่ 9 แห่งด้วยกัน[21] ได้แก่
- มหาวิทยาลัยแห่งเมลเบิร์น (University of Melbourne)
- มหาวิทยาลัยโมแนช (Monash University)
- มหาวิทยาลัยดีคิน (Deakin University)
- มหาวิทยาลัยวิกตอเรีย (Victoria University)
- มหาวิทยาลัยแห่งบัลลาแรท (Ballarat University)
- มหาวิทยาลัยออสเตรเลียนคาทอลิก (Australian Catholic University)
- มหาวิทยาลัยอาร์เอ็มไอที (RMIT University)
- มหาวิทยาลัยลาโทรบ (La Trobe University)
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสวินเบิร์น (Swinburne University of Technology)
ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือมหาวิทยาลัยแห่งเมลเบิร์นซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งแห่งที่สองในประเทศออสเตรเลีย เและมหาวิทยลัยโมแนช
มหาวิทยาลัยหลายแห่งจะให้ทุนช่วยเหลือค่าเล่าเรียน[3] เช่น มหาวิทยาลัยแห่งเมลเบิร์น[22] มหาวิทยาลัยโมแนช [23] และมหาวิทยาลัยดีคิน (Deakin University)[24]
ห้องสมุด
[แก้]ห้องสมุดรัฐวิกตอเรียเก็บรวบรวมเอกสารทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับรัฐ และนำออกเผยแพร่ผ่านทางโปรแกรมและบริการต่าง ๆ ด้วยกัน สำหรับประเภทสื่อท่ีสามารถค้นคว้าได้มีทั้งหนังสือ แผนที่ รูปภาพ วัตถุ ตลอดจนคลิปวิดีโอ คลิปเสียง และฐานข้อมูลด้วย
นอกจากนี้เขตปกครองส่วนท้องถิ่นจะดูแลรักษาห้องสมุดในบริเวณของตน
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 3101.0 - Australian Demographic Statistics, June 2010 สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (อังกฤษ)
- ↑ 5220.0 – Australian National Accounts: State Accounts สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (อังกฤษ)
- ↑ 3.0 3.1 3.2 ทุนเรียนฟรีที่เรียนต่อ ออสเตรเลีย + นิวซีแลนด์. สำนักพิมพ์ ฏ ปฏัก. 2551. p. 38. ISBN 978-974-04-1852-8.
- ↑ 4.0 4.1 Parliament of Victoria - About Parliament สภาแห่งรัฐวิกตอเรีย (อังกฤษ)
- ↑ 5.0 5.1 State Government TravelVictoria.com (อังกฤษ)
- ↑ Parliament of Victoria - Three levels of government สภาแห่งรัฐวิกตอเรีย (อังกฤษ)
- ↑ Local Government TravelVictoria.com (อังกฤษ)
- ↑ Victorian Local Government Directory สำนักงานวางแผนการพัฒนาชุมชน รัฐวิกตอเรีย (อังกฤษ)
- ↑ High Country TravelVictoria.com (อังกฤษ)
- ↑ Gippsland howjsay.com
- ↑ Gippsland TravelVictoria.com (อังกฤษ)
- ↑ 12.0 12.1 12.2 "Austrlian temperature extreme" (PDF). กรมอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย. สืบค้นเมื่อ 6 เม.ย. 2554.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) (อังกฤษ) - ↑ "Climate statistics for Australian locations". กรมอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย. สืบค้นเมื่อ 3 เม.ย. 2554.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "3218.0 - Regional Population Growth, Australia, 2007-08". สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย. 23 เม.ย. 2552. สืบค้นเมื่อ 6 เม.ย. 2554.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) (อังกฤษ) - ↑ Provincial Victoria (อังกฤษ)
- ↑ โคลแบตช์, ทิม (24 เม.ย. 2552). "Pressure grows as Melbourne rockets to 4 million". ดิ เอจ. Melbourne. (อังกฤษ)
- ↑ Australia Social Trends 2547 (อังกฤษ)
- ↑ 2006 Census Community Profile Series : Victoria (อังกฤษ)
- ↑ More Victorians ditching the church, and opting for registry wedding Herald Sun (อังกฤษ)
- ↑ Summary Statistics for Victorian Schools Department for Education, Government of Victoria สืบค้นข้อมูลวันที่ 8 เม.ย. 2554 (อังกฤษ)
- ↑ Victorian universities in Victoria Australia australian-universities.com (อังกฤษ)
- ↑ Melbourne International Fee Remission Scholarships (MIFRS) University of Melbourne {{en icon}]
- ↑ Applying for a postgraduate scholarship Monash University (อังกฤษ)
- ↑ Research scholarships Deakin University (อังกฤษ)
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- ทางการ
- อื่น ๆ
- Rattakorn c/sandbox6 ที่เว็บไซต์ Curlie