ทอง (ภาพยนตร์)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ทอง
กำกับฉลอง ภักดีวิจิตร
เขียนบทพันตำรวจตรี ประชา พูนวิวัฒน์ (บทประพันธ์)
สมชาย อาสนจินดา (บทภาพยนตร์)
อำนวยการสร้างสุมน ภักดีวิจิตร
นักแสดงนำสมบัติ เมทะนี
กรุง ศรีวิไล
เกร็ก มอร์ริส
กฤษณะ อำนวยพร
พิภพ ภู่ภิญโญ
สมชาย สามิภักดิ์
ดลนภา โสภี
อโนมา ผลารักษ์
เถิ่ม ถุย หั่ง
ดามพ์ ดัสกร
กำกับภาพดรรชนี (นามแฝงของฉลอง ภักดีวิจิตร)
ตัดต่อวิสิทธิ์ แสนหวี
ดนตรีประกอบดิอิมพอสซิเบิ้ล (Soundtrack)
ประเสริฐ จุลละเกตุ (Music score)
ผู้จัดจำหน่ายบางกอกภาพยนตร์
สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
วันฉายไทย 22 ธันวาคม พ.ศ. 2516
สหรัฐ พ.ศ. 2519
ประเทศประเทศไทย
ภาษาภาษาไทย
ทุนสร้าง10 ล้านบาท
ต่อจากนี้ทอง 2 (Gold Raiders)
ข้อมูลจาก IMDb
ข้อมูลจากฐานข้อมูลภาพยนตร์ไทย

ทอง เป็นภาพยนตร์ไทยแนวแอ็คชั่น มีชื่อภาษาอังกฤษว่า S.T.A.B.(Gold) กำกับการแสดงโดย ฉลอง ภักดีวิจิตร เข้าฉายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2516 โดยมีคำโปรยบนโปสเตอร์ว่า "ในโลกนี้ ทองแท้นั้นมีน้อยนัก บทพระราชนิพนธ์ ในรัชกาลที่ 6"

เรื่องย่อ[แก้]

ในช่วงสงครามเวียตนามกำลังดำเนินไป เกิดเหตุการณ์ขัดแย้งระหว่างทหารไทยและทหารอเมริกันเรื่องการขโมยทองบนเครื่องบินตำรวจ ที่จะนำไปช่วยรัฐบาลเวียตนามใต้ ทั้งสองฝ่ายก่อเหตุฆ่ากันตายเพื่อชิงทอง เมื่อลงจอดสนามบินซำทอง ที่ประเทศลาว ทหารเวียตกงยิงนักบินไทยและทหารอเมริกันตายทั้งหมดและทองก็ถูกขโมย

ฮิลล์ (เกร็ก มอริส) สายลับมือดีของ ซีไอเอ. ที่ประจำการอยู่ที่ประเทศไทยได้รับคำสั่งให้จัดทีมหน่วยรบพิเศษ จำนวน 5 คน เพื่อไปชิงทองคำที่ถูกพวกเวียตกงขโมยไป ประกอบไปด้วย ชาติ (สมบัติ เมทะนี) อดีตนายทหารผ่านศึกสงครามเกาหลี ที่กำลังถูกตัวไปขึ้นศาลในคดีฆาตกรรม ซึ่ง ฮิลล์ และ ชินทาโร่ (ดามพ์ ดัสกร) ลูกทีมของฮิลล์ชาวญี่ปุ่น พาหนีมาได้ ศาสตรา (กรุง ศรีวิไล) อดีตนายทหารช่าง ที่ติดการพนันงอมแงมก็เข้าร่วมเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ที่ถูกโกงไป และจางเฟย (กฤษณะ อำนวยพร) คอมมานโดชาวไต้หวันที่เชี่ยวชาญด้านรถติดอาวุธและสอดแนม

เมื่อฮิลล์รวมทีมได้ครบ 5 คนแล้ว จึงกระโดดร่มมาทางเครื่องบินตำรวจ และไปปะทะกับกลุ่มทหารเวียตกงที่จะไปออกรบในป่า ทีมได้เจอสาวสายลับสองคนคือ ซูผิง (เถิ่ม ถุย หั่ง) ซึ่งเคยมีเหตุรักสามเส้าระหว่างศาสตราและชินทาโร่ ส่วนอีกคนคือ จันทร์แรม (อโนมา ผลารักษ์) ตำรวจหญิงจากหน่วยกองปราบที่พาแตงอ่อน (ดลนภา โสภี) เชลยชาวบ้านที่ถูกพวกเวียตกงจับไป ทั้ง 8 จึงต้องหาทางนำทองกลับมาให้ได้ ซึ่งรวมถึงต้องสู้และหนีกับทหารเวียตกงที่ตามไล่ล่าคนบุกรุกเช่นกัน โดยที่สามารถพังค่ายนายพลแจ่ม (พิภพ ภู่ภิญโญ) ได้สำเร็จ ระหว่างทางจันทร์แรมมักไม่ค่อยถูกชะตากับชาตินัก เพราะเห็นว่าชาติเป็นคนเย็นชาเลือดเย็นและปากร้าย แต่เมื่อชาติช่วยชีวิตจันทร์แรมจากกับระเบิด ทำให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจหันมามองแง่ดีแก่กันขึ้น จันทร์แรมจึงได้รู้ว่าที่ชาติกลายเป็นคนอย่างนี้เพราะเจ็บปวดกับการถูกภรรยาหักหลังไปมีชู้ทำให้เขาบันดาลโทสะฆ่าภรรยาและชู้พร้อมเผาทั้งคู่ตาย จึงทำให้กลายมาเป็นผู้ต้องหาฆ่าคน ศาสตรา ไปพบความจริงเข้าว่า ซูผิง นั้นเป็นสายลับสองหน้าจึงเกิดปากเสียงและศาสตราจะฆ่าซูผิงในฐานะคนทรยศ อย่างที่เขาเคยถูกเธอทำมาก่อน แต่ขณะที่กำลังจะฆ่าซูผิงด้วยน้ำมือของศาสตราเอง พวกเวียตกงก็บุกมา และฆ่าทองอ่อนตาย ทำให้ทีมได้รู้ว่าทองอ่อนนั้นเป็นสายลับสองหน้าที่แท้จริง ศาสตราและซูผิงจึงปรับความเข้าใจกัน ก่อนตายทองอ่อนบอกว่าทองคำที่ถูกขโมยไปอยู่ที่สนามบินซำทองนั่นเองและพวกเวียตกงกำลังจะขนย้ายไปในเร็ววันนี้ ทั้งหมดที่เหลือจึงปลอมตัวเป็นทหารเวียตกงฝ่าด่านและเข้าไปชิงทองเกิดการต่อสู้กันบนลานบิน ศาสตรากับซูผิงขึ้นไปบนเครื่องบินของตำรวจไทยและพยายามหาทางซ่อมเครื่องบินให้กลับมาใช้ได้ ขณะที่คนอื่นประวิงเวลาเอาไว้ ชาติ จันทร์แรม และ ชินทาโร่ ถูกฮิลส์สั่งให้ขึ้นเครื่องบินเพื่อไปป้องกันทองคำเอาไว้ ส่วนตัวฮิลส์และจางเฟยจะสกัดข้าศึก ซึ่งเวลาเดียวกับที่กองกำลังเวียตกงที่นำโดยนายพลสุรสิงห์ (สมชาย สามิภักดิ์) ได้ตามมาถึงเพื่อขัดขวางไม่ให้เครื่องบินขึ้นได้ ฮิลส์จึงสละชีวิตเอารถยิงขีปนาวุธสกัดเอาไว้และถูกระเบิดจากพวกเวียตกงยิงเข้าใส่ตาย ส่วนจางเฟยก็ตัดสินใจเอารถมอเตอร์ไซด์ของตนเองพุ่งเข้าชนรถของนายพลสุรสิงห์ระเบิดตายไปตามกัน เมื่อเครื่องบินขึ้นไปแล้วทองคำจึงกลับคืนสู่ฝ่ายโลกเสรีอีกครั้ง ชาติได้มอบทองคำแก่ซูผิงเพื่อเอาไปช่วยรัฐบาลเวียตนามใต้ แต่แล้วก็ถูกชินทาโร่ทรยศขัดขวางและยิงชาติล้มลงไป เพราะชินทาโร่ต้องการเก็บทองคำไว้คนเดียว จันทร์แรมจึงต่อสู้กับชินทาโร่ และผลักชินทาโร่ตกจากเครื่องบิน ร่วงหล่นสู่เบื้องล่างถึงแก่ความตาย จันทร์แรมเสียใจและเสียดายในการเสียสละชีวิตของชาติ แต่ชาติยังไม่ตาย เพราะเขาเผลอขโมยทองคำแท่งใส่ในกระเป๋าเสื้อเนื่องด้วยความแอบโลภของเขาด้วยนั่นเอง แต่ตอนนี้ชาติได้รู้แล้วว่ามีสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่าทองและคืนความเป็นมนุษย์แก่เขาได้นั่นคือจันทร์แรม ทั้งคู่จึงพลอดรักกัน ส่วนศาสตราและซูผิงก็เช่นกันเพื่อทั้งคู่พบว่ากันและกันนั้นสำคัญกว่าทอง แล้วทั้งสี่คนจึงนั่งเครื่องบินที่ขนทองกลับคืนสู่ประเทศไทย

รายนามนักแสดงเรื่องทอง[แก้]

  • สมบัติ เมทะนี เป็น ชาติ (พระเอก) -อดีตนายทหารผ่านศึกสงครามเกาหลี มีลูกบ้าเลือดเย็นและฆ่าคนโดยไม่เกรง กลายเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าภรรยาและชู้ ฮิลส์พาชาติเข้าร่วมทีมและตกลงเข้าร่วมทีมเพื่อล้างประวัติอาชญากรรมของตนเอง
  • กรุง ศรีวิไล เป็น ศาสตรา (พระรอง) -อดีตนายทหารช่างกองทัพบก ติดการพนันงอมแงม กะล่อน มีความชำนาญเรื่องเครื่องกล มีความหลังฝังใจ กับ​ ซูผิง
  • เกร็ก มอร์ริส เป็น ฮิลล์ (พระรอง) สายลับซีไอเอ มือดีที่มาประจำการที่ประเทศไทย เป็นคนจริงจังแต่ก็แฝงความอารมณ์ดีและเป็นหัวหน้าทีมของหน่วยรบพิเศษ
  • กฤษณะ อำนวยพร เป็น จางเฟย ทหารรับจ้างชาวไต้หวัน มีรถมอเตอร์ไซด์ติดอาวุธคู่ใจ เก่งการสอดแนมและจู่โจม เข้าร่วมทีมเพราะไม่ชอบพวกคอมมิวนิสต์
  • ดามพ์ ดัสกร เป็น ชินทาโร่ คอมแมนโดจากกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น ไม่ถูกกับศาสตราเพราะเคยเล่นการพนันแพ้และเสียซูผิงให้ศาสตราไป เชี่ยวชาญการต่อสู้แบบนินจา
  • อโนมา ผลารักษ์ เป็น จันทร์แรม (นางเอก) ตำรวจหญิงจากกองปราบปลอมตัวมาสืบหาทองคำที่หายไปและได้พบกับทีมของฮิลล์
  • เถิ่ม ถุย หั่ง เป็น ซูผิง (นางรอง) สายลับของเวียตนามใต้ เป็นคนลึกลับเคยหักอกทั้งศาสตราและชินทาโร่ เก่งการต่อสู้มือเปล่า
  • พิภพ ภู่ภิญโญ เป็น ท่านนายพลแจ่ม นายพลกองทัพเวียตกงที่ตั้งฐานกำลังในป่า
  • สมชาย สามิภักดิ์ เป็น ท่านนายพลสุรสิงห์ นายพลใหญ่ในกองทัพเวียตกงต้องการทองคำเพื่อเก็บไว้แก่ตนเองโดยมีเรื่องกองทัพบังหน้า
  • ดลนภา โสภี เป็น ทองอ่อน หญิงเชลยชาวบ้าน ที่ครอบครัวถูกจับและจันทร์แรมเข้าช่วยไว้ แท้จริงแล้วคือสายลับสองหน้า

รางวัล[แก้]

ภาพยนตร์ได้รับ 3 รางวัลจากการประกาศผลรางวัลตุ๊กตาทองประจำปี 2517 จัดโดยสมาคมหอการค้าไทย คือ [1]

  • รางวัลการลำดับภาพและตัดต่อยอดเยี่ยม
  • รางวัลการถ่ายภาพยอดเยี่ยม
  • รางวัลการบันทึกเสียงยอดเยี่ยม [2]

อ้างอิง[แก้]

  1. "กระทู้จากเว็บ thaifilm.com". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-24. สืบค้นเมื่อ 2009-03-05.
  2. หนึ่งเดียว. พิพิธภัณฑ์หนังไทย ฉบับ "ประวัติการณ์ที่สุดหนังไทย". กรุงเทพ : สำนักพิมพ์ป็อปคอร์น, พ.ศ. 2549. หน้า 328. ISBN 974-94228-8-0