ดิออฟสปริง
ดิออฟสปริง | |
---|---|
![]() ดิออฟสปริงแสดงในปี 2008 | |
ข้อมูลพื้นฐาน | |
รู้จักในชื่อ | Manic Subsidal (1984-1985) |
ที่เกิด | การ์เดนโกรฟ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา[1] |
แนวเพลง | ป็อปพังก์[2][3] พังก์ร็อก[4] สเกตพังก์[5] อัลเทอร์เนทีฟร็อก[5] |
ช่วงปี | 1984–ปัจจุบัน |
ค่ายเพลง | Black Label, Nemesis, Epitaph, Nitro, Columbia |
สมาชิก | Dexter Holland Noodles Pete Parada Todd Morse |
อดีตสมาชิก | Greg K. Doug Thompson Jim Benton James Lilja Ron Welty Adam Willard |
เว็บไซต์ | offspring.com |
ดิออฟสปริง (อังกฤษ: The Offspring) เป็นวงร็อกอเมริกันที่ก่อตั้งในการ์เดนโกรฟ รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี ค.ศ. 1984[1] สมาชิกปัจจุบันได้แก่ เดกซ์เตอร์ ฮอลแลนด์ (ร้องนำ กีตาร์), นูเดิลส์ (กีตาร์ลีดและกีตาร์ริธึม, ร้องประสาน) และท็อด มอร์ส (เบส และร้องประสาน) วงมีการเปลี่ยนมือกลองบ่อยครั้ง มือกลองคนล่าสุดคือ พีต พาราดา อดีตสมาชิกวงเฟซทูเฟซ และเซฟส์เดอะเดย์ ที่อยู่กับวงมาตั้งแต่ปี 2007
วงดิออฟสปริงได้รับการยกย่องร่วมกับวงพังก์แคลิฟอร์เนียอย่างกรีนเดย์และแรนซิด ที่นำกระแสพังก์ร็อกกลับมาฟื้นฟูใหม่ในสหรัฐอเมริกาในช่วงระหว่างกลางคริสต์ทศวรรษ 1990[6] จนปัจจุบัน ดิออฟสปริงออกผลงานสตูดิโออัลบั้ม 10 ชุด อัลบั้มรวมเพลง 2 ชุด อีพี 4 ชุด และดีวีดี 3 ชุด[7] พวกเขามียอดขายอัลบั้มทั่วโลกกว่า 40 ล้านชุด[8] ทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในวงพังก์ร็อกที่มียอดขายมากที่สุดตลอดกาล โดยอัลบั้มตั้งแต่ปี 1994 ทุกอัลบั้มมียอดขายเกินล้านชุด[9]
ตั้งแต่ออกผลงานอัลบั้มชุด Smash ที่ถือเป็นอัลบั้มเพลงจากค่ายอิสระที่ขายดีที่สุดตลอดกาล[10][11] ดิออฟสปริงประสบความสำเร็จด้านยอดขายมากกว่า 5 อัลบั้ม มีซิงเกิ้ลดังอย่าง "Come Out and Play", และ "Self Esteem" อัลบั้มถัดมา 3 อัลบั้ม Ixnay on the Hombre, Americana และ Conspiracy of One ก็ประสบความสำเร็จ ที่ Ixnay on the Hombre และ Conspiracy of One ได้รับแผ่นเสียงทองคำขาว[12][13] ต่อมาปี 2003 วงออกอัลบั้มที่ 7 ชุด Splinter ที่ได้รับยอดขายที่ดีและได้เสียงวิจารณ์ที่ดีพอควร ในปี 2005 วงออกอัลบั้มรวมฮิตและออกทัวร์เพื่อสนับสนุนอัลบั้มรวมเพลงนี้ อัลบั้มที่ 8 ของพวกเขาชุด Rise and Fall, Rage and Grace ออกขายเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 2008 มีซิงเกิ้ลฮิตอย่าง "You're Gonna Go Far, Kid" และ "Hammerhead" พวกเขาออกสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 9 Days Go By ในปี 2012 และอัลบั้มที่ 10 Let the Bad Times Roll ในปี 2021
ผลงานอัลบั้ม[แก้]
- The Offspring (1989)
- Ignition (1992)
- Smash (1994)
- Ixnay on the Hombre (1997)
- Americana (1998)
- Conspiracy of One (2000)
- Splinter (2003)
- Rise and Fall, Rage and Grace (2008)
- Days Go By (2012)
- Let the Bad Times Roll (2021)
อ้างอิง[แก้]
- ↑ 1.0 1.1 "The Offspring". Punknews.org. สืบค้นเมื่อ April 1, 2014.
- ↑ [1] เก็บถาวร 2009-12-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Rolling Stone biography.
- ↑ "Kerrang "The return of The Offspring"". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-05-30. สืบค้นเมื่อ 2010-01-16.
- ↑ "Rolling Stone". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-08-15. สืบค้นเมื่อ 2010-01-16.
- ↑ 5.0 5.1 "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2002-11-19. สืบค้นเมื่อ 2010-01-16.
- ↑ DeRogatis, Jim. Milk It!: Collected Musings on the Alternative Music Explosion of the 90's. Cambridge: Da Capo, 2003. Pg. 357, ISBN 0-306-81271-1
- ↑ For album and single sales information, see the Offspring discography page.
- ↑ "The Offspring Bring Punk Rock to Stone Pony Summer Stage". longbranch.patch.com. September 7, 2012. สืบค้นเมื่อ January 31, 2013.
- ↑ "The History". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-12. สืบค้นเมื่อ 2010-01-16.
- ↑ "Rolling Stone - Smash Review". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-06-14. สืบค้นเมื่อ 2010-01-16.
- ↑ "The Independent". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-06-02. สืบค้นเมื่อ 2010-01-16.
- ↑ RIAA (type in "Offspring" in the artist box), obtained May 31, 2008.
- ↑ The Offspring at Rockonthenet.com, obtained January 27, 2007.
แหล่งข้อมูล[แก้]
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ดิออฟสปริง
- เว็บไซต์ทางการ
![]() |
บทความเกี่ยวกับเพลง ดนตรี หรือ เครื่องดนตรีนี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูล ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:ดนตรี |