ซง ฮเย-กโย
ซง ฮเย-กโย | |
---|---|
ซงในเดือนกรกฎาคม 2023 | |
เกิด | 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2524[A] แทกู เกาหลีใต้ |
การศึกษา | มหาวิทยาลัยเซจง |
อาชีพ |
|
ปีปฏิบัติงาน | 2539–ปัจจุบัน |
ตัวแทน | United Artists Agency Jet Tone Films[2] |
ส่วนสูง | 161 cm (5 ft 3 1⁄2 in) |
คู่สมรส | ซง จุง-กี (สมรส 2560; หย่า 2562) |
ชื่อเกาหลี | |
ฮันกึล | |
ฮันจา | |
อาร์อาร์ | Song Hye-gyo |
เอ็มอาร์ | Song Hyekyo |
เว็บไซต์ | songhyekyo |
ลายมือชื่อ | |
ซง ฮเย-กโย (เกาหลี: 송혜교; เกิด 22 พฤศจิกายน 2524) เป็นนักแสดงและนางแบบชาวเกาหลีใต้ เธอเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นนางแบบให้กับบริษัทเอสเคกรุปและเป็นตัวประกอบในละครโรแมนติกดราม่าเรื่อง รักแรกสุดหัวใจ รักสุดท้ายมิอาจลืม[4] ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในบทชอย อุน-โซ ในละครเรื่อง รักนี้ชั่วนิรันดร์ ซึ่งจากบทบาทนี้ทำให้ซงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแพ็กซังอาร์ตส์อวอร์ดส์ สาขานักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม หลังจากนั้นเธอยังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในละครเรื่อง เทหน้าตักรักหมดใจ, สะดุดรักที่พักใจ และ รักนี้ไม่ต้องมีบท
ในปี 2548 ซงแสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง สะดุดรักกับนายเจี๋ยมเจี๊ยม และได้แสดงนำในภาพยนตร์ย้อนยุคเรื่อง จอมนางสะท้านแผ่นดิน ในปี 2556 ซงยังได้รับคำยกย่องในละครเรื่อง สายลมรักในฤดูหนาว ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลแดซังจากงานเอแพนสตาร์อวอร์ดส์ รวมถึงเข้าชิงรางวัลแพ็กซังอาร์ตส์อวอร์ดส์และเอสบีเอสดราม่าอวอร์ดส์ ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทมินิซีรีส์ขนาดสั้น
หลังจากห่างหายจากการแสดงละครไปนานร่วม 2 ปี ซงกลับมาแสดงละครอีกครั้งในปี 2559 ในละครเรื่อง ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ โดยละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จทั่วเอเชียและมีเรตติงสูงเกินกว่าร้อยละ 30 ในรอบกว่า 4 ปี ของละครโทรทัศน์เกาหลี[5] ซึ่งทำให้เธอมีชื่อเสียงในระดับฮันรยู[6]
ประวัติ
[แก้]ชีวิตช่วงแรก
[แก้]ซง ฮเย-กโย เกิดเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2524 ที่แทกู ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างที่ซงเกิดนั้น เธอมีอาการป่วยไม่ทราบสาเหตุ แพทย์และพ่อแม่ของเธอคิดว่าเธอมีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก แต่ต่อมาซงฟื้นตัวจากอาการป่วย พ่อและแม่ของเธอจึงไปจดทะเบียนเกิดบุตรในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525 (แทนที่จะเป็นวันเกิดจริงในวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2524) [7][8] หลังจากนั้นเขาทั้งสองก็แยกทางกัน โดยซงอาศัยอยู่กับแม่[9] ต่อมา ได้ย้ายไปเขตคังนัม กรุงโซล ที่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เธอเป็นฟิกเกอร์สเกตขณะกำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนประถมศึกษาแดโดโซล แต่ถึงกระนั้น เธอก็ตัดสินใจขอลาออกขณะอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 8[10] แม้ว่าซงมองตัวเองว่าเป็นคนขี้อายและเก็บตัว แต่ครูในโรงเรียนมัธยมจดจำเธอได้ว่า "เธอเป็นเด็กร่าเริง เข้ากับเพื่อน ๆ ของเธอได้ดี และมักเป็นคนมีอารมณ์ที่สดใสตลอด"[11][12] หลังจากนั้น ซงศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยเซจง สาขาวิชาศิลปะภาพยนตร์
2539–2548: แจ้งเกิดและประสบความสำเร็จ
[แก้]เมื่อเรียนจบชั้นปีที่สามจากโรงเรียนมัธยมอึนกวังเกิลส์ในปี พ.ศ. 2539 ซงเข้าร่วมประกวดโมเดลทาเลนต์แมนิจเม็นคอนเทสต์ จนได้รับรางวัลชนะเลิศ ซงปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะนางแบบให้กับบริษัทเอสเคกรุ๊ปที่ผลิตเครื่องแบบนักเรียน[13] ในปีเดียวกัน เธอมีบทบาทเล็ก ๆ ในละครโทรทัศน์เกาหลีเรื่องแรกคือ รักแรกสุดหัวใจ รักสุดท้ายมิอาจลืม นอกจากนี้ เธอยังปรากฏในละครซิตคอมเรื่อง Soonpoong Clinic อีกด้วย จนกระทั่ง ในปี พ.ศ. 2543 เธอแสดงละครโรแมนติกดราม่าเรื่อง รักนี้ชั่วนิรันดร์ กำกับโดยยุน ซอกโฮ ออกอากาศทางช่องเคบีเอส แสดงนำร่วมกับซง ซึง-ฮ็อนและวอน บิน โดยเป็นเรื่องราวความรักต้องห้ามระหว่างพี่ชายกับน้องสาว รักนี้ชั่วนิรันดร์ ได้รับกระแสตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จอย่างมากมีเรตติงสูงถึงร้อยละ 38.6% และมีผู้ชมมากถึง 46.1% ซึ่งทำให้ละครเรื่องนี้มีเรตติงสูงสุดตลอดกาลอันดับที่ 25 ของสถานีโทรทัศน์เคบีเอสอีกด้วย รวมถึงทำให้ซงมีชื่อเสียงทั้งในเกาหลีและทั่วเอเชีย สำหรับการแสดงจากละครเรื่องนี้ เธอได้รับรางวัลเคบีเอสดราม่าอวอร์ดส์ในสาขาขวัญใจช่างภาพและนักแสดงหญิงยอดนิยม อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแพ็กซังอาร์ตส์อวอร์ดส์ในสาขานักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม[14]
ในปี พ.ศ. 2546 ความนิยมของเธอก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเธอแสดงร่วมกับอี บย็อง-ฮ็อนในละครเรื่อง เทหน้าตัก รักหมดใจ[15] ปีถัดมา เธอแสดงร่วมกับเรนในละครรักตลกเรื่อง สะดุดรัก ที่พักใจ โดยเป็นเรื่องราวของฮันจีอุน หญิงสาวผู้มีความฝันที่จะเป็นนักเขียนนวนิยายชื่อดัง แต่ด้วยความไว้ใจที่มีต่อเพื่อน จึงทำให้เธอต้องเสียบ้านที่รักมากที่สุดให้กับลียองเจ ซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง แต่ก็เกิดเรื่องราววุ่น ๆ มากมาย เมื่อลียองเจตกหลุมรักเธอเข้า ละครเรื่องนี้ ประสบความสำเร็จทางเรตติงโดยได้รับความนิยมในเกาหลีและโซลอันดับ 1 ตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนจบ[16] และเป็นผลงานสร้างชื่อให้กับซงอีกครั้ง นับตั้งแต่ละครเรื่อง รักนี้ชั่วนิรันดร์ ในปี พ.ศ. 2543 สำหรับการแสดงจากละครเรื่องนี้ เธอกวาด 3 รางวัลจากเคบีเอสดราม่าอวอร์ดส์ ในสาขาคู่ยอดเยี่ยมร่วมกับเรน นักแสดงหญิงยอดนิยม และยอดเยี่ยมสำหรับนักแสดงหญิง[17] รวมถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแพ็กซังอาร์ตส์อวอร์ดส์ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทละครโทรทัศน์ แต่พ่ายให้คิม จอง-อึนจากละครเรื่อง ฝันรักปารีส (Lovers in Paris) [18]
หลังจากประสบความสำเร็จทั่วเอเชียของละครเรื่อง สะดุดรัก ที่พักใจ ซงได้แสดงภาพยนตร์ในเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกร่วมกับชา แท-ฮย็อน ในภาพยนตร์เรื่อง สะดุดรักกับนายเจี๋ยมเจี๊ยม (รีเมคจากภาพยนตร์เรื่อง พร่ำหัวใจ เพรียกหารักที่กลางโลก) โดยเป็นเรื่องราวความรักของชายหนุ่มและหญิงสาวในช่วงมัธยม ซึ่งในขณะที่ความรักของทั้งสองคนก่อตัวไปด้วยดีแต่แล้วโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวก็ได้พรากชีวิตเธอไปจากเขา ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดีแต่ไม่ประสบความสำเร็จบนตารางบ็อกซ์ออฟฟิส ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคะแนนความนิยมจากเว็บไซต์รอตเทนโทเมโทส์คิดเป็นร้อยละ 68 ซึ่งจัดอยู่ในระดับ "เฟรช"[19] ส่วนเว็บไซต์อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบสได้ให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้ 7.2 จาก 10 คะแนน[20] สำหรับการแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแพ็กซังอาร์ตส์อวอร์ดส์และรางวัลแกรนด์เบลล์อวอร์ดส์ ในสาขานักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์ อีกด้วย[21][22]
2550–ปัจจุบัน
[แก้]ในปี พ.ศ. 2550 ซงแสดงภาพยนตร์เรื่อง จอมนางสะท้านแผ่นดิน ร่วมกับยู จี-แท กำกับโดยชัง ยุน-ฮย็อน ภาพยนตร์ซึ่งมีบทดัดแปลงมาจากนวนิยายของฮอง ซุค-จุงที่ได้รับรางวัลวรรณกรรมมันแฮ โดยเป็นเรื่องราวชีวิตจริงของฮวัง จิน-อี นางรำผู้มีชื่อเสียงที่สุดในสมัยราชวงศ์โชซอน[23][24] เดิมทีช็อน จี-ฮย็อนและซู แอถูกพิจารณาให้รับบทบาทนี้ แต่ผู้กำกับ ชัง ยุน-ฮย็อน ให้เหตุผลที่เลือกซงมารับบทนี้ว่า เขาอยากเปลี่ยนภาพลักษณ์ของซงที่ดู "น่ารักเกินไป"[25] ในปี พ.ศ. 2552 ซงแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดนอกกระแสเรื่อง เมกยัวร์เซลฟ์แอตโฮม เป็นภาพยนตร์แนวระทึกขวัญจิตวิทยาที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กสาวที่เกิดมาเพื่อเป็นหมอผีและพยายามที่จะหนีชะตากรรมของเธอด้วยการกลายเป็นเจ้าสาวที่อพยพเข้ามาในสหรัฐอเมริกา[26][27]
หลังจากห่างหายจากการแสดงละครไป 4 ปี ซงกลับมาแสดงอีกครั้งในช่วงปลายปี 2552 ในละครเรื่อง รักนี้ไม่ต้องมีบท ระหว่างถ่ายทำละคร ซงพบกับฮย็อน บินนักแสดงนำในละครเรื่องนี้ พวกเขาเริ่มคบหากันในเดือนมิถุนายน[28][29] และเลิกรากันในปี พ.ศ. 2554[30]
ในปี พ.ศ. 2553 เธอแสดงในภาพยนตร์ 3 เรื่อง 3 สไตล์ เรื่อง รักแรก รักเธอ รักสุดท้าย กำกับโดยผู้กำกับ 3 สัญชาติ ไทย, ญี่ปุ่น และเกาหลี แต่ละตอนจะมีความเชื่อมโยงในแง่ของภพ อดีต, ปัจจุบัน และอนาคต ที่เกิดขึ้นในเมืองปูซาน โดยซงได้ร่วมแสดงในส่วนของอนาคตร่วมกับคัง ดง-วอน ในภาพยนตร์เป็นเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ถูกขโมยความทรงจำทั้งหมดทั้งความรักและคนรักของเขาไป ซึ่งนำไปสู่ชะตากรรมที่ร้ายแรงเมื่อเขาเดินทางเพื่อตามทวงทุกอย่างกลับคืน[31]
ซงยังรับบทเป็นหญิงสาวที่ยอมยกโทษให้กับเด็กอายุ 17 ปี ที่ฆ่าคู่หมั้นของเธอ แต่การให้อภัยในครั้งนี้กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองและผู้อื่นอย่างสาหัส ในภาพยนตร์ดราม่าเรื่อง ลมหายใจรักมิอาจลืม ออกฉายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554[32] ซงเป็นแฟนตัวยงของผู้กำกับลี จ็อง-ฮยัง เธอตอบรับทันทีที่ได้รับการติดต่อ[33] ถึงแม้จะมีความยากลำบากในการรับบทนี้[34] แต่ซงบอกว่าเธอตกหลุมรักในบทภาพยนตร์[35][36] และรู้สึกว่าการแสดงของเธอนั้นเต็มที่แล้ว[37] เธอยังพูดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็น "จุดเปลี่ยน" ในชีวิตของเธอ[38][39][40][41]
ในปี พ.ศ. 2556 ซงเป็นนักแสดงสมทบในภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง ยอดปรมาจารย์ “ยิปมัน” กำกับโดยผู้กำกับชาวจีน หว่อง ก๊า ไหว่[42][43][44] ต่อมา ซงกลับมาร่วมงานกับนักเขียนบทโน ฮี-คย็องจาก รักนี้ไม่ต้องมีบท ในละครเรื่อง สายลมรักในฤดูหนาว ดัดแปลงมาจากละครญี่ปุ่นเรื่อง ไอนันเตะอิราเนะโย, นัทสึ (Ai Nante Irane Yo, Natsu) ในปี พ.ศ. 2545 โดยซงรับบทเป็นหญิงสาวตาบอดที่โดนนักพนันปลอมตัวเป็นพี่ชายของเธอเพื่อหวังมรดก รับบทโดยโช อิน-ซ็อง สายลมรักในฤดูหนาว ประสบความสำเร็จ โดยซงและโชถูกยกย่องในการแสดงของพวกเขา[45][46][47][48][49][50][51][52]
ในปี พ.ศ. 2557 ซงแสดงร่วมกับคัง ดง-วอน ในภาพยนตร์ดราม่าเรื่อง มายบริลเลียนต์ไลฟ์ (My Brilliant Life) กำกับโดยอี เจ-ยง ภาพยนตร์ซึ่งดัดแปลงมาจากนวนิยายขายดีของคิม แอรันเรื่อง My Palpitating Life โดยเป็นเรื่องราวของสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ต้องสูญเสียลูกชายจากโรคชราในเด็กก่อนวัยอันควร[53][54][55][56][57] ในปีเดียวกัน ซงแสดงในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง The Crossing รับบทเป็นโจว เหยุนเผิน ลูกสาวของนายธนาคารที่ร่ำรวย[58][59][60]
ในปี พ.ศ. 2558 ซงแสดงในภาพยนตร์รักตลกเรื่อง The Queens ภาพยนตร์เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการค้นหารักในหญิงสาว 4 คน โดยซงรับบทเป็นหญิงสาวที่พยายามค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง หลังจากเลิกรากับคนรักที่คบหากันมา 8 ปี นำแสดงโดยเฉิน เฉียวเอินและวิเวียน วู กำกับโดยแอนนี อี[61][62]
ในปี พ.ศ. 2559 ซงแสดงร่วมกับซง จุง-กีในละครเรื่อง ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ โดยเป็นเรื่องราวของร้อยเอกแห่งกำลังพิเศษและศัลยแพทย์ที่ตกหลุมรักกันท่ามกลางพื้นที่ภัยพิบัติอันตรายในประเทศอูรุก ละครเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยได้รับเรตติงในตอนจบทั่วประเทศสูงถึงร้อยละ 38.8% และ 41.6% ในเขตเมืองหลวง[63][64] จากความนิยมที่พุ่งสูงขึ้นทั่วทั้งเกาหลีและเอเชีย ทำให้เธอมีชื่อเสียงในระดับฮันรยู[65] สำหรับการแสดงจากละครเรื่องนี้ ซงถูกเสนอชื่อเข้าชิงสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากรางวัลแพ็กซังอาร์ตส์อวอร์ดส์[66] และเอแพนสตาร์อวอร์ดส์ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทมินิซีรีส์ขนาดสั้น รวมถึงเข้าชิงรางวัลแดซังซึ่งเป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดในงาน[6]
ผลงานการแสดง
[แก้]ละครโทรทัศน์
[แก้]ปี | เรื่อง | บทบาท |
---|---|---|
2539 | รักแรกสุดหัวใจ รักสุดท้ายมิอาจลืม | หนึ่งในนักเรียนที่กำลังเรียนหนังสือของลี ฮโย-คย็อง |
2540 | When They Met | นักแสดงเพิ่มเติม |
Happy Morning | โอ เย-บุน | |
2540–2541 | Wedding Dress | หลานสาว |
2541 | Six Siblings | ชเว อึน-ชิล |
One of a Pair | นักแสดงเพิ่มเติม | |
2541–2543 | Soonpoong Clinic | โอ ฮเย-กโย |
2541 | White Nights 3.98 | วัยสาวของฮง ช็อง-ย็อน |
Deadly Eyes | ช็อง-อา | |
2541–2542 | How Am I? | เย-ริน |
2542–2543 | Marching | ซง ฮเย-กโย |
Sweet Bride | น้องสาวของมิน-ฮี | |
2543 | รักนี้ชั่วนิรันดร์ | ยุน/ชอย อุน-โซ |
2544 | Guardian Angel | ช็อง ดา-โซ |
Hotelier | คิม ยุน-ฮี | |
2546 | เทหน้าตักรักหมดใจ | มิน ซู-ย็อน |
Sunlight Pours Down | จี ย็อน-อู | |
2547 | สะดุดรักที่พักใจ | ฮัน จี-อึน |
2551 | รักนี้ไม่ต้องมีบท | จู จุน-ย็อง |
2556 | สายลมรักในฤดูหนาว | โอ ย็อง |
2559 | ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ | คัง โม-ย็อน |
2561–2562 | หัวใจพบรัก | ชา ซู-ฮย็อน |
2564 | Now, we are Breaking Up | ฮา ย็อง-อึน |
2565 | เดอะกลอรี | มุน ดง-อึน |
ภาพยนตร์
[แก้]ปี | เรื่อง | บทบาท |
---|---|---|
2548 | สะดุดรักกับนายเจี๋ยมเจี๊ยม | แพ ซู-อึน |
2550 | จอมนางสะท้านแผ่นดิน | ฮวัง จิน-อี |
2551 | เมกยัวร์เซลฟ์แอตโฮม | ซุกไฮ |
2553 | รักแรก รักเธอ รักสุดท้าย | โบ-รา |
2554 | Countdown | ผู้หญิงที่น่ารัก (รับเชิญ) |
ลมหายใจรักมิอาจลืม | ดา-แฮ | |
2556 | ยอดปรมาจารย์ “ยิปมัน” | จาง หย่งเฉิน |
2557 | มายบริลเลียนต์ไลฟ์ | มี-รา |
The Crossing: Part 1 | โจว เหยุนเผิน | |
2558 | The Queens | แอนนี่ |
The Crossing: Part 2 | โจว เหยุนเผิน |
มิวสิกวิดีโอ
[แก้]ปี | เพลง | ศิลปิน | ร่วมกับ |
---|---|---|---|
2539 | "This Promise" | คิม ซู-กึน | |
2543 | "Curious Destiny" | ชิน ซ็อง-อู | ชิน ซ็อง-อู |
2544 | "Once Upon a Day" | คิม บอม-ซู | ซง ซึง-ฮ็อน, จี จิน-ฮี |
พิธีกร
[แก้]ปี | รายการ | ร่วมกับ | เครือข่าย |
---|---|---|---|
2541 | โก! อาวเฮฟเวน | เอ็มบีซี | |
อินกีกาโย ไลฟ์ 20 | พัก ซู-ฮง | เอสบีเอส | |
2542–2543 | อาวแฮปปีแซเทอร์เดย์ | พัก ซู-ฮง | เอสบีเอส |
2543 | มิวสิกแบงก์ | อี ฮวี-แจ | เคบีเอส |
2544 | เอ็มเน็ตเอเชียนมิวสิกอะวอดส์ | ชา แท-ฮย็อน | เอ็มเน็ต |
2550 | ชีส์โอลีฟ: ซง ฮเย-กโย อินปารีส | โอ'ลีฟ |
ผลงานดนตรี
[แก้]ซิงเกิล
[แก้]ชื่อ | ปี | ตำแหน่งสูงสุดบนชาร์ต | อัลบั้ม | |
---|---|---|---|---|
KOR [67] |
Hot100 K-Pop [68] | |||
"สวิตช์: บีไวท์" (ร้องร่วมกับ จอห์น พัก) |
2555 | 35 | 22 | ซง ฮเย-กโย เดบิวต์ |
รางวัล
[แก้]ปี | รางวัล | สาขา | ผลงานที่เข้าชิง | ผล |
---|---|---|---|---|
2539 | ซันคย็องสมาร์ทโมเดลคอนเทสต์ | รางวัลแดซัง | ชนะ | |
2541 | เอสบีเอสดราม่าอวอร์ดส์ | นักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ในละครซิตคอม | How Am I? | ชนะ |
2543 | เคบีเอสดราม่าอวอร์ดส์ | ขวัญใจช่างภาพ | รักนี้ชั่วนิรันดร์ | ชนะ |
นักแสดงหญิงยอดนิยม | ชนะ | |||
2544 | แพ็กซังอาร์ตส์อวอร์ดส์ ครั้งที่ 37 | นักแสดงหญิงยอดนิยม (โทรทัศน์) | ชนะ | |
นักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (โทรทัศน์) | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
โกลด์ซงอวอร์ดส์ | ดารายอดนิยมที่สุดในเกาหลี | ชนะ | ||
โกลเดนดิสก์อวอร์ดส์ ครั้งที่ 16 | มิวสิกวิดีโอยอดนิยม | Once Upon a Day | ชนะ | |
เอสบีเอสดราม่าอวอร์ดส์ | ท็อปเทนสตาร์ส | Guardian Angel | ชนะ | |
รางวัลเอสบีเอสไอ | ชนะ | |||
2545 | ซีอีทีวี อวอร์ดส์ | ผู้ให้ความบันเทิงในเอเชีย | ชนะ | |
2546 | เอสบีเอสดราม่าอวอร์ดส์ | ท็อปเทนสตาร์ส | เทหน้าตักรักหมดใจ | ชนะ |
นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม | ชนะ | |||
2547 | เคบีเอสดราม่าอวอร์ดส์ | คู่ยอดเยี่ยม ร่วมกับ เรน | สะดุดรักที่พักใจ | ชนะ |
นักแสดงหญิงยอดนิยม | ชนะ | |||
นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม | ชนะ | |||
2548 | แพ็กซังอาร์ตส์อวอร์ดส์ ครั้งที่ 41 | นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (โทรทัศน์) | เสนอชื่อเข้าชิง | |
2549 | แพ็กซังอาร์ตส์อวอร์ดส์ ครั้งที่ 42 | นักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (ภาพยนตร์) | สะดุดรักกับนายเจี๋ยมเจี๊ยม | เสนอชื่อเข้าชิง |
แกรนด์เบลล์อวอร์ดส์ ครั้งที่ 43 | นักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
2550 | บลูดราก้อนฟิล์มอวอร์ดส์ ครั้งที่ 28 | นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม | จอมนางสะท้านแผ่นดิน | เสนอชื่อเข้าชิง |
โคเรียนฟิล์มอวอร์ดส์ ครั้งที่ 6 | นักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม | ชนะ | ||
2551 | เคบีเอสดราม่าอวอร์ดส์ | นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทมินิซีรีส์ขนาดสั้น | รักนี้ไม่ต้องมีบท | เสนอชื่อเข้าชิง |
2554 | วีเมนอินฟิล์มโคเรียนอวอร์ดส์ ครั้งที่ 12 | นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม | ลมหายใจรักมิอาจลืม | ชนะ |
2556 | แพ็กซังอาร์ตส์อวอร์ดส์ ครั้งที่ 49 | นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (โทรทัศน์) | สายลมรักในฤดูหนาว | เสนอชื่อเข้าชิง |
เอ็มเน็ตทเวนตีส์ชอยส์อวอร์ดส์ ครั้งที่ 7 | ทเวนตีส์ดราม่าสตาร์ – ฟีเมน | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
โซลอินเตอร์แนชั่นแนลดราม่าอวอร์ดส์ ครั้งที่ 8 | นักแสดงหญิงชาวเกาหลีดีเด่น | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
โคเรียดราม่าอวอร์ดส์ ครั้งที่ 6 | สุดยอดนักแสดงแห่งปี | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
เอแพนสตาร์อวอร์ดส์ ครั้งที่ 2 | นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทมินิซีรีส์ขนาดสั้น | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
รางวัลแดซัง | ชนะ | |||
เอสบีเอสดราม่าอวอร์ดส์ | คู่ยอดเยี่ยม ร่วมกับ โช อิน-ซ็อง | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
ท็อปเทนสตาร์ | ชนะ | |||
นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทมินิซีรีส์ขนาดสั้น | ชนะ | |||
2559 | แพ็กซังอาร์ตส์อวอร์ดส์ ครั้งที่ 52 | นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทละครโทรทัศน์ | ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ | เสนอชื่อเข้าชิง |
นักแสดงหญิงยอดนิยม ประเภทละครโทรทัศน์ | ชนะ | |||
รางวัลสเปเชียลไอกีอี | ชนะ | |||
เอแพนสตาร์อวอร์ดส์ ครั้งที่ 5 | รางวัลแดซัง | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทมินิซีรีส์ขนาดสั้น | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
คู่ยอดเยี่ยม ร่วมกับ ซง จุง-กี | ชนะ |
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ Song Hye-kyo was born on November 22, 1981, while her registered birth date is February 26, 1982.[1]
- ↑ The name '宋慧喬' with a different third Hanja '喬' is not her real Korean name in Hanja; it was the most commonly used Hanja character by most Chinese-language media outlets prior to Song's revelation in 2016.[3]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 송혜교, 조촐한 생일파티 공개 '수수하지만 빛나는 미모'. My Daily (ภาษาเกาหลี). November 28, 2012.
- ↑ "Actress Song Hye-kyo Joins Famed Director Wong Kar-wai's Studio". The Chosun Ilbo. April 16, 2019.
- ↑ "Song Hye-kyo's signature". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 6, 2013. สืบค้นเมื่อ July 16, 2016.
- ↑ "Top 50 highest-rated TV dramas of all time". Electric Ground. 8 December 2010. สืบค้นเมื่อ 2013-08-18.
- ↑ "ฮิตถล่มทลาย "Descendants of the Sun" เรตติ้งทะลุ 30% สถิติสูงสุดในรอบ 4 ปีทีวีเกาหลี". ผู้จัดการออนไลน์. 2 April 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-04. สืบค้นเมื่อ 24 March 2016.
- ↑ 6.0 6.1 "Winners Announced For The 2016 APAN Star Awards". Soompi. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-08-18. สืบค้นเมื่อ 2016-10-06.
- ↑ "개띠냐? 닭띠냐?" 송혜교 생일 의견 분분 เก็บถาวร 2013-10-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน《스포츠서울》
- ↑ 송혜교, 조촐한 생일파티 공개 '수수하지만 빛나는 미모'《마이데일리》
- ↑ "ko:스크린으로 돌아온 만인의 연인 송혜교". The Dong-a Ilbo (ภาษาเกาหลี). October 19, 2011.
- ↑ "ko:송혜교 '어느새 데뷔 10년차!' 기념 팬미팅". Naver (ภาษาเกาหลี). November 25, 2005.
- ↑ I History Attests to Korean Stars' All-Natural Looks. The Chosun Ilbo. June 6, 2006.
- ↑ "Interview: Song Hye Kyo Believes She's Become More Masculine Over Time". enewsWorld. August 29, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-03. สืบค้นเมื่อ 2016-07-16.
- ↑ "Top 5 female hallyu stars whose look barely changed over time". The Korea Herald. June 19, 2014.
- ↑ "รักนี้ชั่วนิรันดร์ (Autumn in My Heart) ". สนุกดอตคอม. 5 มีนาคม พ.ศ. 2552. สืบค้นเมื่อ 17 กรกฎาคม 2559.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ "All In". KoreanWiz. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-03-16. สืบค้นเมื่อ 2013-08-18.
- ↑ "'풀 하우스' 최종회, 시청률 40% 넘어". เนเวอร์เอนเตอร์เทน. 3 กันยายน พ.ศ. 2547. สืบค้นเมื่อ 17 กรกฎาคม 2559.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ "Winners at the 2004 KBS Drama Awards". Korea Tourism Organization. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-21. สืบค้นเมื่อ 2012-06-16.
- ↑ Lee, Joon-mok (22 May 2005). "키워드로 돌아본 백상예술대상". OhmyNews (ภาษาเกาหลี). สืบค้นเมื่อ 25 August 2015.
- ↑ "My Girl and I (2005)". Rotten Tomatoes. สืบค้นเมื่อ 17 กรกฎาคม 2559.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "My Girl and I". Internet Movie Database. สืบค้นเมื่อ 17 กรกฎาคม 2559.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ Conran, Pierce (14 April 2006). "42nd Baeksang Awards Nominations [+Winners]". Twitch Film. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-01-05. สืบค้นเมื่อ 2015-09-05.
- ↑ "43rd Grand Bell Awards Winners (The Clowns Bring Home 10)". Twitch Film. 22 July 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-08-22.
- ↑ Song Hye-kyo Sheds Cute Image for Gisaeng Role. The Chosun Ilbo. March 27, 2007.
- ↑ Song Hye-kyo, "Hwangjini only held one man in her heart". Broasia via Hancinema. June 1, 2007.
- ↑ New Song picked for Hwang Jin Yi. Korea JoongAng Daily. April 17, 2007.
- ↑ Song Hye-kyo Poised for U.S. Debut. The Chosun Ilbo. November 22, 2007.
- ↑ Song Hye-kyo Reveals a Dark Side in New Movie. The Chosun Ilbo. November 23, 2010.
- ↑ Song Hye-go, Hyun Bin Star in New KBS Drama Series เก็บถาวร 2016-03-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. KBS Global. October 28, 2008.
- ↑ Song Hye-kyo Goes Behind the Scenes in New Drama. The Chosun Ilbo. October 25, 2008.
- ↑ "ไปไม่รอด!คู่รักคนดัง "ฮยอนบิน (Hyun Bin) - ซองเฮเคียว (Song Hye Kyo) " ประกาศเลิกกันแล้ว หลังฝ่ายชายเข้าเป็นทหาร". Pingbook. 8 มีนาคม พ.ศ. 2554. สืบค้นเมื่อ 17 กรกฎาคม 2559.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ Gang Dong-won, Song Hye-kyo start filming Love. 10Asia. January 20, 2010.
- ↑ Song Hye-kyo's new film to open in theaters next month. 10Asia. September 6, 2011.
- ↑ In new film, director puts spotlight back on women. Korea JoongAng Daily. October 7, 2011.
- ↑ Song Hye-kyo says was difficult getting into character for new movie. 10Asia. September 26, 2011.
- ↑ Song Hye Kyo: 'It Is My Honor To Be Compared to Actress Shim Eun Ha' เก็บถาวร 2014-08-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. KBS Global. September 27, 2011.
- ↑ Song stars as grieving documentary maker เก็บถาวร 2011-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. The Korea Herald. September 27, 2011.
- ↑ Song Hye-kyo Returns with New Movie. The Chosun Ilbo. October 22, 2011.
- ↑ Song Hye-kyo finishes shooting upcoming drama flick. 10Asia. March 23, 2011.
- ↑ Song Hye-kyo: I will not think lightly about forgiveness anymore. 10Asia. October 8, 2011.
- ↑ Interview: Actress Song Hye-kyo – Part 1. 10Asia. November 3, 2011.
- ↑ Interview: Actress Song Hye-kyo – Part 2. 10Asia. November 3, 2011.
- ↑ Song Hye-kyo to appear in Wong Kar-wai biopic. 10Asia. December 21, 2009.
- ↑ Song Hye-kyo to Star in Wong Kar Wai Film. The Chosun Ilbo. December 24, 2009.
- ↑ "Song Hye-kyo Turns Heads in Wong Kar-wai's Kung Fu Flick". The Chosun Ilbo. November 7, 2012.
- ↑ "Song Hye-kyo, Zo In-sung Team Up for TV Soap After Long Sabbatical". The Chosun Ilbo. February 9, 2013.
- ↑ "Song Hye Kyo Says Working with Zo In Sung was a Gift from Above". enewsWorld. February 17, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-06-17. สืบค้นเมื่อ 2016-07-18.
- ↑ "Zo In-sung opens up on latest role". The Korea Herald. March 14, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-03. สืบค้นเมื่อ 2016-07-18.
- ↑ "Song Hye-gyo thanks staff for hard work in SBS drama". Korea JoongAng Daily. April 3, 2013.
- ↑ "Interview: Song Hye-gyo says her current drama made her feel embarrassed, WHY?". BNTNews. April 4, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-11-05. สืบค้นเมื่อ 2016-07-18.
- ↑ "Song Hye-kyo Basks in Latest Drama's Success". The Chosun Ilbo. April 6, 2013.
- ↑ "Interview: Song Hye Kyo Talks about Sending Off That Winter". enewsWorld. April 14, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-05-10. สืบค้นเมื่อ 2016-07-18.
- ↑ "INTERVIEW: Actress Song Hye-kyo". 10Asia. July 2, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-28. สืบค้นเมื่อ 2016-07-18.
- ↑ "Kang, Song Hye-kyo to star in new film". The Korea Times. December 4, 2013.
- ↑ "GANG Dong-won and SONG Hye-kyo to Collaborate on Human Drama". Korean Film Council. December 5, 2013.
- ↑ "A-listers bring to life sad story of a fast-aging boy". Korea JoongAng Daily. August 8, 2014.
- ↑ "Herald Interview: Song Hye-kyo faces the music". The Korea Herald. August 27, 2014.
- ↑ "Interview: Song Hye Kyo Swears Like an Ajumma in Real Life". enewsWorld. September 10, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-09-11. สืบค้นเมื่อ 2016-07-18.
- ↑ "SONG Hye-kyo Cast in John Woo's New Blockbuster". Korean Film Council. December 27, 2013.
- ↑ "Song Hye-kyo's Chinese Epic Set for March Release in Korea". The Chosun Ilbo. January 6, 2015.
- ↑ "Song Hye-kyo talks about crew of The Crossing 2". K-pop Herald. July 26, 2015.
- ↑ "BUSAN: Song Hye-kyo to Reign in Desen Media's Queens". Variety. October 4, 2014.
- ↑ "Movie The Queens releases new stills". Sina. October 11, 2014.
- ↑ "Song Hye-kyo, Song Joong-ki pair up for new drama". The Korea Herald. April 2, 2015.
- ↑ "Song Hye-kyo talks her next role as military doctor with Elle". K-pop Herald. May 19, 2015.
- ↑ Gungeet Kaur (April 25, 2016). "Here's how Descendants of the Sun lead Song Hye Kyo wins more fans for Korea". IBTimes.
- ↑ "52nd Baeksang Arts Awards 2016 Winners in Dramas". Hancinema. 2016-06-03. สืบค้นเมื่อ 2016-06-24.
- ↑ "Gaon Digital Chart". Gaon Chart (ภาษาเกาหลี). Korea Music Content Industry Association. สืบค้นเมื่อ October 19, 2014.
- ↑ "Korea K-Pop Hot 100 Music Chart". Billboard. สืบค้นเมื่อ October 19, 2014.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซต์ทางการ (เกาหลี)
- ซง ฮเย-กโย ที่อินสตาแกรม
- ซง ฮเย-กโย ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส
- ซง ฮเย-กโย ที่ฮันซีเนมา