คุยกับผู้ใช้:ชาวตระกูลสุขเกษม ประเทศไทย

ไม่รองรับเนื้อหาของหน้าในภาษาอื่น
เพิ่มหัวข้อ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ยินดีต้อนรับสู่วิกิพีเดียภาษาไทย

ยินดีต้อนรับคุณ ชาวตระกูลสุขเกษม ประเทศไทย สู่วิกิพีเดียภาษาไทย หน้าต่อไปนี้อาจเป็นประโยชน์แก่คุณ:

มือใหม่ขอแนะนำอย่างยิ่งให้คุณเริ่มจากแก้หรือต่อเติมบทความที่มีอยู่แล้วก่อน ไม่ควรรีบสร้างบทความด้วยตัวเองเพราะมักไม่ผ่านและถูกลบ

แนะนำเว็บ

และ

เรียนรู้การแก้ไข (ขอใช้เวลาอ่านไม่นานเพื่อให้ทราบพื้นฐาน)

อีกทางหนึ่ง อ่านหน้า การเข้ามีส่วนร่วมในวิกิพีเดีย ซึ่งสรุปทุกอย่างไว้หน้าเดียว

ฉันอ่านหมดแล้วยังไม่เข้าใจเลย
ถามที่แผนกช่วยเหลือ หรือ ถามในหน้านี้แหละ! หรือ ใช้ แชตดิสคอร์ด

อย่าลืมลงชื่อในหน้าพูดคุย โดยการพิมพ์ --~~~~ จะปรากฏชื่อและวันเวลา

Hello ชาวตระกูลสุขเกษม ประเทศไทย! Welcome to Thai Wikipedia. If you are not a Thai speaker, you can ask a question in our Guestbook.


-- New user message (คุย) 22:43, 25 มีนาคม 2561 (ICT)

ชาวตระกูลสุขเกษม ประเทศไทย[แก้]

ประวัติความเป็นมาของนามสกุลสุขเกษม นามสกุลสุขเกษม ในอดีต เริ่มต้นที่ใดยังไม่เคยมีปรากฏแน่ชัด หรือมีบันทึกใดๆ บ่งบอกความเป็นมา มีเพียงข้อมูลจากการสืบค้นโดยแอดมิน ของชมรมลูกหลานชาวตระกูลสุขเกษมแห่งประเทศไทย ด้วยการเดินทางไปทั่วประเทศ โดยใช้วิธี สอบถามประวัติ ถ่ายภาพ และวีดีโอ ของชาวสุขเกษมที่ยังมีชีวิตอยู่ทั่วเมืองไทย ซึ่งตามหลักฐานที่แอดมินพอจะค้นหามาได้ด้วยพยานบุคคล และพยานวัตถุ หลงเหลืออยู่เบื้องต้น พอจะสรุปได้ ดังต่อไปนี้ 1.ตระกูลสุขเกษม สันนิษฐานว่า เกิดขึ้นในช่วงกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย จนถึงช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น หรือเมื่อประมาณ พ.ศ.2311 แต่ดั้งเดิมใช้ตัวสะกด ”ศุขเกษม” ไม่มีความหมายในพจนานุกรม มีแต่เพียงคำวา “เกษม”เท่านั้น ซึ่งตามความหมายในราชบัณฑิตยสถาน หมายความว่า [กะเสม] น. ความสุขสบาย ความปลอดภัย มักใช้เข้าคู่กับคําอื่น เช่น สุขเกษม เกษมศานต์. (โบ เขียนเป็นกระเษม เขษม ก็มี). (ส.ป. เขม). ปัจจุบันยังมีคนใช้ นามสกุลที่สะกดด้วย “ศุขเกษม” นี้อยู่ *อ้างอิงจากคำบอกเล่าของชาวสุขเกษม สมุทรสงคราม เนื่องจาก คำว่า “ศุขเกษม” ความหมายตามความเชื่อในโหราศาสตร์ เชื่อว่าตัวหนังสือ “ศ” เป็น [กาลกิณี] – ตัว “ศ” ตัวอักษรอัปมงคล เกี่ยวข้องกับสิ่งไม่ดี ความชั่วร้าย อุปสรรคนานาประการ ความยากลำบาก และความโชคร้ายที่ต้องเจอในชีวิต ปัจจุบันจึงค่อยๆเปลี่ยนมาใช้คำว่า “สุขเกษม” ซึ่งมีความหมายที่แปลว่า ความสุข ความปลอดภัย ส่วนผู้ใช้นามสกุลที่ใช้ตัวสะกดด้วย “ศ” คือ ศุขเกษม นั้นยังมีใช้อยู่ ซึ่งผู้ใช้นามสกุลนี้ส่วนมากอยู่ในแถบ ลุ่มแม่น้ำแม่กลอง อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

  • ข้อสันนิษฐานเพิ่มเติม  : คำว่า “ศุข” หากย้อนเวลากลับไป ที่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด และเทียบตัวสะกดเดียวกันได้ คือ หลวงปู่ศุข (พ.ศ.2390) วัดคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ท่านใช้ชื่อ “ศุข” มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 (ปีพระราชสมภพ : พ.ศ.2330)

คำว่า “ศุข” ยังเทียบได้อีกท่านหนึ่ง คือ เจ้าอุตรการโกศล หรือ เจ้าน้อย ศุขเกษม ณ เชียงใหม่ (ประสูติ พ.ศ.2423) ตรงกับรัชสมัย รัชกาลที่ 5 เจ้าน้อย ศุขเกษม ไม่ใช่ต้นสกุลสุขเกษม แต่อย่างใด แต่ท่านคือราชโอรสองค์ใหญ่ใน พลตรีเจ้าแก้วนวรัฐ กับแม่เจ้าจามรีมหาเทวี ในราชวงทิพย์จักร ใช้นามสกุล ณ เชียงใหม่ 2.ข้อสันนิษฐาน ต่อมา คือ ประชากร ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คือ ต้นกำเนิด นามสกุลสุขเกษม เพราะพบผู้ใช้นามสกุลสุขเกษม เป็นจำนวนมาก ในหลายอำเภอ และมีหลักฐานสำคัญหลายอย่าง เช่น อัฐิคนรุ่นเก่าที่เสียชีวิตไปแล้วย้อนหลังไปได้ถึง 3-4 รุ่น

3.นามสกุลสุขเกษม ที่มีเชื้อสายจีน  จากคำบอกเล่าของผู้สูงอายุทั่วประเทศ เกิดจาก สมัยนั้น เป็นช่วงสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ ใหม่ ได้มีการสร้างบ้านสร้างเมือง ติดต่อซื้อขายกับชาวต่างชาติ มากมาย ทำให้ตระกูลสุขเกษม ได้แต่งงานกับคนหลายเชื้อชาติ เช่น เชื้อชาติคนจีนที่อพยพมาจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ มาโดยทางเรือสำเภา เข้ามาทางแม่น้ำหลายสาย  ไล่ตั้งแต่ ภาคเหนือ จ.เชียงราย เขตเชื่อมต่อประเทศจีน ลงมาถึงภาคกลาง ทั้ง ปิง วัง ยม น่าน มาเริ่มต้นที่ ปากน้ำโพธิ์ จ. นครสวรรค์ และมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำลพบุรี แม่น้ำป่าสัก จ.พระนครศรีอยุธยา ลงมาเรื่อยๆจนถึง จ.นนทบุรี จนตั้งเมืองธนบุรี และ กรุงเทพมหานคร ต่อมา และลามลงไปทาง จังหวัดต่างๆทั้งภาคตะวันออก ตะวันตก และลงไปถึงภาคใต้ 

ต่อมาจนสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านได้สร้างบ้านสร้างเมืองให้เติบโตอีกครั้ง และในช่วงนี้เอง เมื่อคนจีนเข้ามาทำการค้าขายกันเยอะ คนจีนบางหลายคนไม่ได้กลับบ้านที่ประเทศจีน และแต่งงานกับภรรยาคนไทย ในสมัยนั้น คนจีนที่ไม่ได้กลับ จะถูกทางการจับ เพราะถือเป็นคนต่างด้าว ผิดกฎหมาย ต้องถูกส่งกลับ คนจีนที่อยู่เมืองไทยสมัยนั้น จึงต้องใช้วิธี ใช้นามสกุลของภรรยา คือ นามสกุลสุขเกษม เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยได้ต่อไป (อ้างอิงตามคำบอกเหล่าของผู้ใช้นามสกุลสุขเกษม เชื้อสายจีน ทั่วประเทศ ที่ให้ข้อมูลตรงกัน) ต่อมา สมัยรัชกาลที่ 7 (ปีพระราชสมภพ พ.ศ. 2436) พ.ศ.2475 เป็นการเปลี่ยนผ่านจากระบบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็น ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข โดยให้มีรัฐบาลปกครองบ้านเมือง สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นได้เริ่มต้นให้มีนโยบาย ให้เพิ่มจำนวนประชากร ของประเทศ ซึ่งเราสามารถมองย้อนไปที่รุ่นปู่ย่าตายายของพวกเรา จะมีพี่น้องเกือบ10 คน เมื่อมีพี่น้องมาก สุขเกษมก็กระจายตัวไปทำงานกันทั่วประเทศ ต่างก็มีภรรยา และมีบุตร บรรพบุรุษหลายท่านได้ย้ายไปอาศัยตั้งรกรากสร้างครอบครัวและทำงานในถิ่นอื่น บางครอบครัว มีเมียหลายคน และมีลูกหลายคนมาก นั้นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ จำนวนประชากรชาวตระกูลสุขเกษม เพิ่มขึ้นมากมายอย่างรวดเร็ว และมีลูกหลานจำนวนมากมายมหาศาล อย่างที่เห็นในปัจจุบัน แบบไม่มีตระกูลใดเทียบได้ 4.เหตุใด ผู้ใช้นามสกุลสุขเกษม บางครอบครัว จึงนับถือศาสนาอิสลาม ก็เพราะ ผู้ชายชาวสุขเกษม ได้แต่งงานกับภรรยาที่นับถือศาสนาอิสลาม ทำให้ต้องเปลี่ยนศาสนาไปโดยปริยาย แต่ยังคงใช้นามสกุลสุขเกษม เช่นเดิม ส่วนชาวสุขเกษม ผู้นับถือศาสนาคริสต์ ก็เช่นกัน เปลี่ยนศาสนา หรือ ไม่เปลี่ยนก็ได้ คนที่เปลี่ยนเป็นศาสนาคริสต์มาตั้งแต่รุ่นแรกสมัยกรุงศรีอยุธยา ส่วนใหญ่จะพบในจังหวัดอยุธยา ข้อมูลเพิ่มเติม : นามสกุลสุขเกษม จากการสืบค้นข้อมูลเชิงลึก ณ หอสมุทรแห่งชาติ ไม่มีปรากฏข้อมูล หรือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ว่าเป็นนามสกุลพระราชทานแต่อย่างใด




หลักฐานทางวัตถุ (บางส่วน) 1.รูปปั้น ทวดเจ๊ก อายุกว่า 140 ปี ที่บ้านนางเลง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี (ผู้ให้ข้อมูล นายเกรียงศักดิ์ สุขเกษม) 2.ปืนใหญ่ อายุ อายุกว่า 180 ปี ที่เจ้าเมืองสงขลา มอบไว้ให้ตระกูลสุขเกษม ผู้คุณงามความดีในการช่วยเก็บภาษีให้ทางการ ปัจจุบัน ปืนใหญ่นี้ ถูกลูกหลาน นำไปมอบให้ ค่ายทหารรัตนพล อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าของค่ายนั่นเอง (ผู้ให้ข้อมูล นายประกอบ สุขเกษม) 3.บ้านหลังเก่าแก่อายุเกือบ 200 ปี ที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช (ผู้ให้ข้อมูล นายอุกฤษณ์ สุขเกษม) ยังมีข้อมูลหลักฐานทางวัตถุและพยานบุคคล อีกมากมายที่รอการค้นหา แล้วจะนำมา UP Date ให้พี่น้องได้เข้าใจรากเหง้าของพวกเราชาวตระกูลสุขเกษม ต่อไปนะครับ








ในมิติของศาสนา ศาสนาคริสต์ ได้กล่าวถึง เมืองบรมสุขเกษม ใช้ในพระคัมภีร์เพื่อหมายถึงโลกแห่งวิญญาณด้วย (ลูกา ๒๓:๔๓), อาณาจักรซีเลสเชียล (๒ คร. ๑๒:๔), และสภาพมิลเลเนียมอันรุ่งโรจน์ของแผ่นดินโลก (ลช. ๑:๑๐).

พุทธภาษิต จากพระโอษฐ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มหาอานิสงส์ของการพิมพ์หนังสือธรรมะ

      “ ดูก่อนสารีบุตร  นรชนใดมีใจเปี่ยมด้วยศรัทธาได้สร้างหนังสือพระธรรมไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อประโยชน์แก่ชนทั้งหลายได้อ่านได้สดับฟัง จะได้รับอานิสงส์ใหญ่อันประมาณมิได้...
   ดูก่อนสารีบุตร อย่าว่าแต่พระพุทธวจนะตลอดทั้งไตรปิฎกนั้นเลย “แม้อักขระธรรมหนึ่งตัว” เป็นเครื่องหมายเพื่อน้อมนำจิตระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย นำมาซึ่งความเลื่อมใสแก่ผู้ได้พบเห็น เป็นบ่อเกิดให้ประพฤติคุณงามความดีได้...
   ฉะนั้นแล้วจะยังผลให้ผู้สร้างได้ “เสวยสุขเกษม” สิ้นกาลช้านาน  จักได้เสวยราชสมบัติเป็นบรมจักรพรรดิถึง 84,000 กัป ใช่แต่เท่านั้น เมื่อเคลื่อนจากความเป็นจักรพรรดิมาแล้วจะได้เสวยราชสมบัติเป็นพระราชาทรงมหิธานุภาพอีก 9 อสงไขย ต่อแต่นั้นมาก็จะได้เสวยสมบัติในตระกูลต่างๆ เป็นลำดับไปอันมีตระกูล พราหมณมหาศาล ตระกูลเศรษฐี คฤหบดี และภูมิเทวดาอย่างละ 9 อสงไขย ต่อแต่นั้นก็จะได้ไปเสวยสมบัติในฉกามาพจรสวรรค์ 6 ชั้นประณีีตเป็นลำดับขึ้นไปชั้นละ 9 อสงไขย  เมื่อจุติจากเทวโลกแล้วก็จะถือเอากำเนิดในมนุษย์มีกายผุดผ่องโสภาเป็นที่ปฏิพัทธ์รักใคร่ของผู้ได้พบเห็น ทั้งน้ำใจก็สุจริตปราศจากมลทิน อานิสงส์ดังกล่าวมานี้เพราะอำนาจการสร้างอักขระธรรมหนึ่งตัว ฯ”

เรียบเรียงโดย นายธนกฤต สุขเกษม