การเดินละเมอฆาตกรรม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

การเดินละเมอฆาตกรรม เรียกอีกอย่างว่า ฆาตกรรมเดินละเมอ คือ การฆ่าใครสักคนขณะกำลังเดินละเมอ ส่วนมากเหยื่อเป็นคนในครอบครัว และฆาตกรมักอ้างว่าทำการฆาตกรรมขณะอยู่ในสภาวะเดินละเมอ คดีเช่นนี้หายากและมีจำนวนไม่มาก ผู้กล่าวหาหลักถูกต้องสงสัยว่าอาจทำการฆาตกรรมในระหว่างเดินละเมอ ความน่าเชื่อถือของคดีที่ถูกบันทึกไว้ยังเป็นที่ถกเถียงกัน จนถึงพ.ศ. 2548 มีคดีที่ถูกบันทึกไว้ในวรรณกรรมประมาณ 68 คดี[1]

คดีต่างๆ[แก้]

คดีในประวัติศาสตร์[แก้]

คดีโบเชียร์ส์[แก้]

จ่า วิลลิส โบเชียร์ส์ (Willis Boshears) เป็นเจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันที่เคยทำงานอยู่ที่ฐานในสหราชอาณาจักร เขาสารภาพว่าได้บีบคอผู้หญิงพื้นเมืองที่ชื่อว่า Jean Constable ในเช้าของวันปีใหม่เมื่อพ.ศ. 2504 เขาอ้างว่า เขาแค่นอนหลับไป และตื่นขึ้นมาพบว่าเธอเสียชีวิตด้วยฝีมือของเขา วันต่อมาโบเชียร์ส์นำศพไปทิ้งในซอกเปลี่ยว จากนั้นไม่กี่วันเขาก็ถูกคุมตัวในข้อหาฆาตกรรม ในการตัดสินคดีของเขา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2504 ณ ศาลเอสเซกซ์ เขาพ้นข้อกล่าวหาและถูกตัดสินว่าเขากระทำการฆาตกรรมในขณะที่หลับอยู่ และถูกปล่อยตัว[2][3]

คดีปาร์คส์[แก้]

ในพ.ศ. 2530 เคนเนธ เจมส์ ปาร์คส์ เป็นชายอายุ 23 ปี เขามีลูกสาววัย 5 เดือน และมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพ่อตาแม่ยาย โดยแม่ยายวัย 42 ของเขาเรียกเขาว่า "ยักษ์ใหญ่ใจดี" ในฤดูร้อนก่อนเกิดเหตุ เขาติดการพนันจนทำให้มีปัญหาทางการเงิน เพื่อปกปิดเงินที่เขาเสียไป เขาขโมยเงินจากเงินเก็บของครอบครัวและยักยอกเงินจากที่ทำงาน จนในที่สุดเขาก็ถูกจับได้ในพ.ศ. 2530 และถูกไล่ออกจากงาน ในวันที่ 20 พฤษภาคม เขาเข้าร่วมการประชุมกลุ่มผู้ติดการพนันนิรนาม เป็นครั้งแรก เขาวางแผนว่าจะบอกคุณยายของเขาในวันเสาร์ต่อมา (23 พฤษภาคม) และบอกพ่อตาแม่ยายในวันอาทิตย์ (24 พฤษภาคม) เกี่ยวกับปัญหาการพนันและการเงินของเขา

ในเช้าตรู่ของวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2530 ปาร์คส์ลุกจากเตียงขณะหลับ จากนั้นขับรถ 23 กิโลเมตรไปที่บ้านของพ่อตามแม่ยายและพังเข้าไป เขาโจมตีพ่อตาที่ชื่อว่า เดนนิส วูดส์ และแทงแม่ยายของเขาจนเสียชีวิต หลังจากนั้น เขายังขับรถไปยังสถานีตำรวจ นอกจากเหตุการณ์บางช่วงเป็นฉากๆ แล้ว สิ่งที่เขาจำความได้มีเพียงว่าเขาอยู่ที่สถานีตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยบอกว่า "ผมคิดว่าผมพึ่งฆ่าใครสักคน ... มือของผม"

ข้อแก้ตัวของปาร์คส์มีเพียงคำกล่าวอ้างที่ว่าเขานั้นหลับอยู่ตลอดเวลา และไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป เป็นธรรมดาที่ไม่มีใครเชื่อเขา แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนยังมองว่าเป็นเรื่องที่น่าสงสัยเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามหลังการสืบสวนอย่างละเอียด การบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) ของปาร์คส์สูงกว่าปกติแม้เมื่อเทียบกับคนที่มีอาการละเมอ (Parasomnia) สิ่งนี้บวกกับความจริงที่เค้าไม่มีแรงจูงใจในการฆ่า และความที่เขาเล่าเรื่องได้เหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อในการสัมภาษณ์มากกว่าเจ็ดครั้ง รวมถึงคำอธิบายเรื่องราวที่ติดต่อกันได้อย่างถูกเวลา ความที่ผลของ EEG นั้นไม่สามารถปลอมขึ้นมาได้ ทำให้ศาลตัดสินว่าเขาไม่มีความผิดในการฆ่าแม่ยายและเข้าโจมตีพ่อตา[4]

คดีฟาลาเตอร์[แก้]

สก็อต ฟาลาเตอร์ อาศัยอยู่ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ถูกกล่าวหาว่าฆ่าภรรยาของเขา ยาร์มิลา โดยการแทงเธอ 44 ครั้งในคืนวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2550 ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ฟาลาเตอร์ได้กดหัวของภรรยาลงน้ำอีกด้วย ขณะตกเป็นผู้ต้องหา อัยการอ้างว่าหลังจากฆ่าภรรยาแล้ว ฟาลาเตอร์ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า นำอาวุธใส่กล่องและนำกล่องไปใส่ในถุงขยะพร้อมกับรองเท้าบูทและถุงเท้า จากนั้นนำไปใส่ไว้ในที่ไส้ยางรถสำรองในรถยนต์ของเขา รวมไปถึงทำการซ่อนวัตถุทุกอย่างที่อาจชี้ตัวว่าเขาเป็นฆาตกร การกระทำของฟาลาเตอร์ถูกอัยการมองว่ามี "ความซับซ้อน" มากเกินไปที่จะทำขณะนอนละเมอ ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2542 สก็อต ฟาลาเตอร์ถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรมและต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีโอกาสประกันตัว[5]

คดีนิเอโต[แก้]

แอนโตนิโอ นิเอโต อายุ 58 ปี ชาวเมืองมาลาก ประเทศสเปน ฆ่าภรรยาและแม่ยายโดยใช้ขวานและค้อนเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2544 ลูกสาวของนิเอโตได้รับบาดเจ็บทว่ารอดมาเพราะแกล้งตาย ส่วนลูกชายของเขาปลดอาวุธเขาหลังจากได้รับรอยบาดที่หู นิเอโตอ้างว่าเขาหลับอยู่ขณะโจมตี และฝันว่าเขากำลังป้องกันตัวเองจากเหล่านกกระจอกเทศอันดุร้าย ทว่าลูกๆ เขากลับบอกว่าเขาจำทั้งสองคนได้ และย้ำว่าอย่าเปิดไฟเพราะไม่อยากให้แม่ของเขาซึ่งขณะนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างหนักตื่น ในพ.ศ. 2550 นิเอโต (ที่อยู่ระหว่างการรักษาอาการทางจิต) ได้รับคำสั่งให้อยู่ในโรงพยาบาลประสาทเป็นเวลา 10 ปี นอกจากนั้นยังต้องจ่ายเงินจำนวน 171,100 ยูโร ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต เขายังเสียสิทธิดูแลบุตร และไม่สามารถพูดคุยหรือเข้าใกล้ลูกเกิน 500 เมตร [6]

คดีโลว์[แก้]

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2547 ร่างของ เอ็ดเวิร์ด โลว์ถูกพบในถนนเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ลูกชายของเขา จูลส์สารภาพว่าเขาเป็นคนที่ทำให้พ่อเสียชีวิต ทว่าไม่มีความทรงจำขณะฆ่า เขาได้ใช้คำว่า "ภาวะอัตโนมัติ" (automatism) ในการป้องกันตัว เขาพ้นความผิดเพราะถูกพบว่ามีความผิดปกติทางจิต และถูกสั่งให้ถูกกักตัวไว้ที่โรงพยาบาลตลอดชีวิต[7] เขาถูกปล่อยตัวออกมาหลังผ่านไปสิบเดือน

คดีจากเดอะบุคออฟลิสท์ส์ 3[แก้]

ในเดอะบุคออฟลิสท์ 3 มีรายชื่อของ 8 คนที่ถูกบันทึกว่าได้ทำการฆาตกรรมขณะหลับ รวมไปถึงการใช้อาวุธปืน ต่อสู้ หรือทำร้ายเด็กทารก ชื่อของพวกเขาได้แก่ "เอเอฟ" (มีแต่ตัวย่อเท่านั้นที่ถูกบันทึกไว้), วิลลิส โบเชียร์ส์, ไซมอน ฟราเซอร์, Wasyl Gnypiuk, เอสเตอร์ กริกส์, โจ แอน คิเกอร์, โรเบิร์ท เลอดรู, วิลเลี่ยม พอลลาร์ด

คดี"เอเอฟ"[แก้]

"เอเอฟ" เป็นนายพรานผู้ชอบอาวุธปืน เขาเก็บอาวุธปืนพร้อมกระสุนไว้ในห้องของเขา พ่อของเขาที่มีความสนใจคล้ายกันนอนในห้องติดกัน เช้าตรู่วันหนึ่ง ขณะกำลังหลับเอเอฟได้ยินเสียงชนที่ประตู เขาตะโกนว่า "เจ้าหมา แกต้องการอะไรจากที่นี่" และเอื้อมไปหยิบปืนที่อยู่ใกล้ที่สุดมายิง จากนั้นเขาพบว่าผู้บุกรุกนั้นคือพ่อของเขาเอง

คดีฟราเซอร์[แก้]

ไซมอน ฟราเซอร์ ชาวเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ มักฝันว่าสัตว์ป่าบุกบ้านของเขาตอนกลางคืน ครั้งหนึ่งเขาฝันว่าสัตว์ป่าสีขาวเข้ามาหาเขาผ่านทางพื้น เขาจับกุมมันและกดมันไว้กับพื้น จากนั้นเขาตื่นมาและพบว่าเขาฆ่าลูกน้อยทารกของตนเอง มีความเป็นไปได้ว่าเหตุการ์นี้คือ การละเมอฝันผวา (night terror) โดยอาจมีหรือไม่มีการละเมอ (Walker, 1968)

คดี Gnypiuk[แก้]

Wasyl Gnypiuk ผู้อพยพชาวโปแลนด์ (ไปที่ประเทศอังกฤษ) เคยถูกทรมาณจากการอยู่ในค่ายกักกันของนาซี ทำให้เขาฝันร้าย ครั้งหนึ่งเขาฝันว่าสู้กลับ ในความเป็นจริงแล้ว เขาอยู่ในบ้านของเจ้าของห้องเช่า และตื่นมาพบว่าเขาได้ทำร้ายร่างกายของเธอจนเสียชีวิต

เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดข้อหาฆาตกรรม และถูกแขวนคอเมื่อวันที่ 27 มกราคม ปีพ.ศ. 2504

คดีกริกส์[แก้]

เอสเตอร์ กริกส์ ผู้อาศัยอยู่ในเมืองลอนดอน และแม่ของลูกทั้งสามคน ฝันว่าเกิดไฟไหม้ในบ้านของเธอ และตะโกนว่า "ช่วยลูกๆ ของฉันที!" ขณะนอนหลับ เธอโยนลูกของเธอไปบนถนน  มีความเป็นไปได้ว่าเหตุการ์นี้คือ การละเมอฝันผวา (night terror) โดยอาจมีหรือไม่มีการละเมอ (Walker, 1968)

คดีคิเกอร์[แก้]

โจ แอน คิเกอร์ อยู่ในวัยรุ่น คืนหนึ่งขณะกำลังหลับ เธอถือปืนพกลูกโม่ทั้งสองข้าง และเล็งเพื่อป้องกันครอบครัวของเธอจาก "สัตว์ประหลาด" เธอยิงพี่ชายและพ่อเสียชีวิต จากนั้นถูกตัดสินว่าไม่มีความผิดและพ้นคดี

คดีเลอดรู[แก้]

ในช่วงปีพ.ศ. 2423 - 2433 โรเบิร์ท เลอดรูตำรวจนักสืบชาวฝรั่งเศสถูกขอให้สืบสวนการฆาตกรรมของแอนเดร มอเน บนชายหาดที่เลออาฟวร์ หลังจากตรวจสอบหลักฐานทั้งกระสุนที่ใช้ฆ่าและรอยเท้า เขาตัดสินว่าเขาเองที่เป็นคนฆ่าขณะยิงขณะกำลังละเมออยู่บนชายหาด เขาเข้ามอบตัวหลังจากนั้น

คดีพอลลาร์ด[แก้]

วิลเลี่ยม พอลลาร์ด เป็นชาวนาซึ่งเพื่อนบ้านต่างรู้กันดีว่าเขานอนละเมอ เขามักทำฟาร์มและเลี้ยงไก่ขณะหลับ คืนหนึ่งเขาฝันว่าเขากำลังต่อสู้กับคนแปลกหน้า เมื่อภรรยาของเขาตื่นมาจึงพบว่าเขาฆ่าลูกสาวของตนเอง 

สาเหตุ[แก้]

อาการละเมอเดิน และสิ่งผิดปกติอื่นๆ เกิดขึ้นในช่วงหลับธรรมดา (SWS) เกิดจากการที่สมองพยายามที่จะออกจาก SWS และตื่นในทันที ในการนอนแบบปกติ สมองเปลี่ยนจากการนอนหลับจากขั้นที่ 1 หรือ 2 ของการนอน NREM หรือ REM แต่แทบไม่เคยจาก SWS ดังนั้นจึงทำให้สมอง "ค้าง" อยู่ระหว่างสภาวะหลับและตื่น[8] ในคดีของเคนเนธ ปาร์คส์ ผลการบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมองแสดงให้เห็นว่าสมองของเขาพยายามตื่นจาก SWS เป็นจำนวน 10 ถึง 20 ครั้งต่อคืน ทำให้เห็นว่าจำนวนนี้มากกว่าคนธรรมดาที่แทบไม่พบอาการนี้เลย ไม่มีใครแน่ใจว่าทำไมบางคนถึงทำการฆาตกรรมขณะกำลังละเมอ แต่เป็นไปได้ที่ต้องมีสภาวะหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของเคนเนธ ปาร์คส์ เขาวางแผนจะไปที่บ้านของพ่อตามแม่ยายในวันรุ่งขึ้น นอกจากนี้เขายังเครียดจากปัญหาด้านการเงินและการพนัน รวมไปถึงการที่เขานอนไม่หลับในคืนก่อนหน้าจึงอยู่ในภาวะขาดการนอนหลับ[9]

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

Walker, N, (1968) Crime and Insanity in England Volume One: The Historical Perspective’, Edinburgh: Edinburgh University Press.

  1. BBC NEWS | UK | How sleepwalking can lead to killing
  2. Citizen - Oct 14, 1961 https://news.google.com/newspapers?nid=2194&dat=19611014&id=zbgxAAAAIBAJ&sjid=quUFAAAAIBAJ&pg=4313,3428608=Ottawa Citizen - Oct 14, 1961. {{cite web}}: |title= ไม่มีหรือว่างเปล่า (help); ตรวจสอบค่า |url= (help)
  3. Essex Murders Paul Donnelley (Wharncliffe Books, 2000)
  4. Broughton et al. Homicidal Somnambulism: A Case Report. Sleep (1994); 17(3):253-64
  5. Martin, Lawrence. Can sleepwalking be a murder defense? 26 Apr. 2008. .<http://www.lakesidepress.com/pulmonary/Sleep/sleep-murder.htm>.
  6. Resolved to intern 10 years the man that killed his wife and mother in law believing they were ostriches. (Spanish) .<http://www.diariosur.es/20070221/malaga/acuerdan-internar-anos-hombre_200702211843.html>.
  7. BBC NEWS | UK | England | Manchester | 'Sleepwalker' accused of murder
  8. Bassetti et al., Lancet (2000); 356: 484–485
  9. Broughton et al. Homicidal Somnambulism: A Case Report. Sleep (1994); 17(3):253-64