กันตรวดี
กันตรวดี/กะเหรี่ยงแดงตะวันออก ကန္ဒရဝတီ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
รัฐเจ้าฟ้าของกลุ่มรัฐกะเหรี่ยงแดง | |||||||||
พุทธศตวรรษที่ 22 – พ.ศ. 2502 | |||||||||
![]() แผนที่กลุ่มรัฐกะเหรี่ยงแดงใน พ.ศ. 2460 | |||||||||
พื้นที่ | |||||||||
• พ.ศ. 2474 | 6,475 ตารางกิโลเมตร (2,500 ตารางไมล์) | ||||||||
ประชากร | |||||||||
• พ.ศ. 2474 | 30,677 คน | ||||||||
การปกครอง | |||||||||
• ประเภท | สมบูรณาญาสิทธิราช | ||||||||
ประวัติศาสตร์ | |||||||||
• สถาปนา | พุทธศตวรรษที่ 22 | ||||||||
• เจ้าฟ้าสละอำนาจ | พ.ศ. 2502 | ||||||||
|


กันตรวดี (Kantarawadi หรือ Gantarawadi[1]) เป็นรัฐหนึ่งในกลุ่มรัฐกะเหรี่ยงแดง ซึ่งปัจจุบันอยู่ในรัฐกะยา ประเทศพม่า บางครั้งเรียก กะเหรี่ยงแดงตะวันออก เพราะตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำสาละวิน[2]
ประวัติศาสตร์
[แก้]กลุ่มรัฐกะเหรี่ยงแดงหรือยางแดง เป็นดินแดนอิสระที่ปกครองด้วยเจ้าฟ้าและถูกควบคุมโดยเจ้าฟ้าไทใหญ่มาแต่เดิม ในราวพุทธศตวรรษที่ 24 มีรัฐที่เป็นเอกราชโดยสมบูรณ์ 5 รัฐ ต่อมา ใน พ.ศ. 2407 เจ้าฟ้ากะเหรี่ยงแดงได้ร้องขอให้อังกฤษเข้ามาอารักขา แต่อังกฤษไม่ได้แสดงความสนใจ หลังจากเจ้าฟ้าพระองค์นั้นสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. 2412 โอรสทั้งสององค์หวั่นเกรงการรุกรานของพม่าจึงร้องขอการคุ้มครองจากอังกฤษ แต่อังกฤษปฏิเสธ เมื่อพม่าต้องการรวมเขตของกะเหรี่ยงแดงเข้ามาในการปกครอง อังกฤษได้รับรองความเป็นเอกราชของรัฐทั้งสี่ ซึ่งต่อมา รัฐกะเหรี่ยงแดง 4 รัฐคือบ่อลาแก นามเมกอน นองปาเล และเจโบจี ถือเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษตั้งแต่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2418 ส่วนกันตรวดีถือว่าเป็นเอกราชแต่ไม่อยู่ภายใต้การอารักขาของอังกฤษ กันตรวดีเริ่มส่งบรรณาการให้อังกฤษในสมัยเจ้าฟ้าลอปอเมื่อ พ.ศ. 2431 ต่อมาเจ้าฟ้าลาวีที่ครองเมืองต่อมาได้ยอมจ่ายบรรณาการ 5,000 รูปีให้แก่อังกฤษเพื่อประกันตำแหน่งเจ้าฟ้าของตน[1]
ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2485 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐเชียงตุงถูกรุกรานโดยกองทัพพายัพของไทย[3] ต่อมา สนธิสัญญาระหว่างจักรวรรดิญี่ปุ่นกับจอมพล ป. พิบูลสงครามของไทยในเดือนธันวาคม ปีเดียวกันนั้น ได้ยกดินแดนรัฐกันตรวดีซึ่งอยู่ระหว่างชายแดนไทยกับแม่น้ำสาละวินให้เป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐไทยเดิม ซึ่งมีดินแดนเชียงตุงและเมืองพาน การผนวกเกิดขึ้นเมื่อ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2486[4] ไทยได้คืนดินแดนที่ผนวกนี้ใน พ.ศ. 2488 และยกเลิกการอ้างสิทธิเหนือดินแดนนี้ในพ.ศ. 2489 เพื่อเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ และถอนตัวจากการต้องเป็นผู้แพ้สงครามเพราะเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ[5]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Imperial Gazetteer of India, v. 15, p. 36.
- ↑ Khu Oo Reh (October 2006). "Highlights in Karenni History to 1948". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-13. สืบค้นเมื่อ 19 December 2010.
- ↑ "Thailand and the Second World War". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-10-27. สืบค้นเมื่อ 2014-12-16.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ Shan and Karenni States of Burma
- ↑ David Porter Chandler & David Joel Steinberg eds. In Search of Southeast Asia: A Modern History. p. 388