กลีบ มหิธร
กลีบ มหิธร | |
---|---|
![]() | |
เกิด | กลีบ บางยี่ขัน 24 ธันวาคม พ.ศ. 2419 ตำบลสำราญราษฎร์ |
เสียชีวิต | 3 เมษายน พ.ศ. 2504 (84 ปี) |
คู่สมรส | เจ้าพระยามหิธร (ลออ ไกรฤกษ์) |
บิดามารดา | หมื่นนรารักษ์ (ปิ่น บางยี่ขัน) หุ่น สนธิรัตน์ |
ท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร (สกุลเดิม: บางยี่ขัน; 24 ธันวาคม พ.ศ. 2419 – 3 เมษายน พ.ศ. 2504) เป็นภรรยาของเจ้าพระยามหิธร (ลออ ไกรฤกษ์) และเป็นมารดาของท่านผู้หญิงดุษฎี มาลากุล ณ อยุธยา
เธอเป็นผู้รจนาตำราอาหารชื่อ หนังสือกับข้าวสอนลูกหลานของท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร ซึ่งถือเป็นตำราอาหารตำรับชาววังหนึ่งในสี่ตำรับ แต่ตำรับของท่านผู้หญิงกลีบมีลักษณะอันพิเศษ เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากอาหารจีนที่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในอาหารชาววังตำรับนี้[1]
ประวัติ[แก้]
ท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 9 ค่ำ เดือนยี่ ปีชวด พ.ศ. 2419 หรือ วันที่ 24 ธันวาคม ที่ตำบลสำราญราษฎร์[2] เป็นธิดาของหมื่นนรารักษ์ (ปิ่น บางยี่ขัน) เจ้าของสวนแถบบางยี่ขัน ฝั่งธนบุรี ส่วนมารดาชื่อหุ่น (สกุลเดิม สนธิรัตน์) [3]
ท่านผู้หญิงเกิดและเติบโตในบ้านของเจ้าพระยารัตนาพิพิธ (สน สนธิรัตน์) ที่ตำบลสำราญราษฎร์ โดยมีเจ้าจอมพุ่ม (สนธิรัตน์) ในรัชกาลที่ 3 เป็นผู้อุปการะเลี้ยงดู ต่อมาเมื่อเจ้าจอมพุ่มถึงแก่อนิจกรรม ท่านผู้หญิงจึงได้รับการอุปการะจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจามรี ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาปุก (สนธิรัตน์) ในรัชกาลที่ 3[2]
แต่หลังการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เจ้าจามรี ท่านผู้หญิงจึงตกอยู่ในการอุปการะของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐาสารี แต่ด้วยอัธยาศัยอันดีของท่านผู้หญิง เจ้าจอมมารดาท่านหนึ่งจึงมีดำริที่จะถวายตัวเป็นเจ้าจอมในรัชกาลที่ 5 ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของผู้เป็นบิดา บิดาจึงมารับตัวและมอบให้นางคำ บางยี่ขัน ผู้เป็นย่าเลี้ยงดูแทน[2]
ชีวิตส่วนตัว[แก้]
ท่านผู้หญิงกลีบเป็นสตรีผู้ที่มีรูปโฉมอันงดงาม ประกอบกิริยามารยาทอันดี แม้จะอาศัยอยู่ในสวนร่วมกับย่า แต่ก็มีความรู้และมีความสุภาพกว่าชาวบ้านทั่วไป[2]
ท่านผู้หญิงกลีบ ได้สมรสกับเจ้าพระยามหิธร (ลออ ไกรฤกษ์)[4] ทั้งสองมีบุตรด้วยกันหลายคน หนึ่งในนั้นคือ ท่านผู้หญิงดุษฎี มาลากุล ณ อยุธยา
ชื่อของบุตรทั้งหมดสามีเป็นผู้ตั้งเอง ชื่อของบุตรห้าคนแรกนำมาจากราชทินนามเดิมของตน ส่วนชื่อหลัง ๆ เช่น ดุษฎี มาจากชื่อ เหรียญดุษฎีมาลา เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดวงแรกที่สามีได้รับพระราชทาน[5]
ท่านผู้หญิงกลีบ ได้ถึงแก่อนิจกรรมวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2504 และพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2504[6]
ตำรับอาหาร[แก้]
ท่านผู้หญิงกลีบมีความสามารถในการทำอาหาร และต้องการถ่ายทอดความรู้ดังกล่าวให้แก่ลูกหลาน จึงได้เขียนตำราอาหารขึ้น มีชื่อว่า หนังสือกับข้าวสอนลูกหลานของท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร ซึ่งมีวัตถุประสงค์โดยตรงคือเพื่อถ่ายทอดสู่ลูกหลาน โดยตำรับอาหารดังกล่าวถือเป็นมรดกตกทอดของสกุลไกรฤกษ์และสกุลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง[7]
อาหารในตำราของท่านผู้หญิงกลีบเป็นอาหารประเภทข้าวหลายชนิดที่มีกลิ่นอายของอาหารจีนที่ถูกปรับใช้เป็นอาหารไทยมากมายหลายชนิด เช่น ข้าวต้มกุ้ง. ข้าวต้มปลา, ข้าวต้มเนื้อไก่ (เซ่งจี๊ ตับเหล็ก), ข้าวผัดเต้าหู้ยี้ และข้าวผัดลูกหนำเลี๊ยบหรือหนำพ๊วย เป็นต้น[8] ทั้งมีการบันทึกอาหารขึ้นชื่อประจำตระกูลไกรฤกษ์ คือ แกงบวน[8] และนอกจากนี้ยังมีอาหารพิเศษ ที่ผสมผสานความเป็นไทย, จีน และแขกด้วยกัน คือ แกงจีจ๋วน ซึ่งเป็นแกงกะทิใส่ไก่มีเครื่องแกงแดง แต่ใส่โป๊ยกั๊กของจีน, ขมิ้นผงของแขก, ส้มซ่าของไทย และพริกหยวก[8]
อย่างไรก็ตามตำรับอาหารของท่านผู้หญิงกลีบ ได้แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของอาหารจีนในอาหารไทยที่ปรากฏในอาหารทั้งคาวและหวาน แต่อาหารตะวันตกก็มีอิทธิพลในตำราของท่านด้วยเช่นกันแม้จะไม่มากเท่าอิทธิพลของจีนก็ตาม ซึ่งอิทธิพลอาหารจีนถือเป็นอิทธิพลเฉพาะที่มาจากสายตระกูลไกรฤกษ์ที่สืบเชื้อสายมาแต่ประเทศจีน[9]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]
- พ.ศ. 2502 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)[10]
- พ.ศ. 2465 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.) (ฝ่ายใน)[11]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ สุนทรี อาสะไวย์. กำเนิดและพัฒนาการของอาหารชาววัง. ในศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 32 ฉบับที่ 7 พฤษภาคม 2554 กรุงเทพ:สำนักพิมพ์มติชน, 2552. หน้า 101
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 เรือนไทย - ท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร
- ↑ สุนทรี อาสะไวย์. กำเนิดและพัฒนาการของอาหารชาววัง. ในศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 32 ฉบับที่ 7 พฤษภาคม 2554 กรุงเทพ:สำนักพิมพ์มติชน, 2552. หน้า 98
- ↑ "พิพิธภัณฑ์ศาลไทย - เจ้าพระยามหิธร (ลออ ไกรฤกษ์)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-08-17. สืบค้นเมื่อ 2012-02-28.
- ↑ เรือนไทย - เรื่องของคน 5 แผ่นดิน ท่านผู้หญิงดุษฏี มาลากุล
- ↑ ร้านหนังสือเก่าป้าวิมล[ลิงก์เสีย]
- ↑ สุนทรี อาสะไวย์. กำเนิดและพัฒนาการของอาหารชาววัง. ในศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 32 ฉบับที่ 7 พฤษภาคม 2554 กรุงเทพ:สำนักพิมพ์มติชน, 2552. หน้า 99
- ↑ 8.0 8.1 8.2 สุนทรี อาสะไวย์. กำเนิดและพัฒนาการของอาหารชาววัง. ในศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 32 ฉบับที่ 7 พฤษภาคม 2554 กรุงเทพ:สำนักพิมพ์มติชน, 2552. หน้า 100
- ↑ สุนทรี อาสะไวย์. กำเนิดและพัฒนาการของอาหารชาววัง. ในศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 32 ฉบับที่ 7 พฤษภาคม 2554 กรุงเทพ:สำนักพิมพ์มติชน, 2552. หน้า 101
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-09-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๗๖ ตอนที่ ๑๑๕ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๙๘, ๑๖ ธันวาคม ๒๕๐๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, รายพระนามและนามสมาชิกสมาชิกาเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับตระกูลจุลจอมเกล้า พระราชทานในงานพระราชพิธีฉัตรมงคล เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๖๕ เก็บถาวร 2022-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๓๙ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๒๘๙, ๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๖๕
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

