ข้ามไปเนื้อหา

ยามเมื่อเหล่าจักจั่นกรีดร้อง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก แว่วเสียงเรไร)
ยามเมื่อเหล่าจักจั่นกรีดร้อง
(ซ้ายไปขวา) ชิอง, มิอง, เรนะ, ริกะ, ซาโตโกะ
ひぐらしのなく頃に
ชื่อภาษาอังกฤษHigurashi no Naku Koro ni
แนวเซเน็น, ลึกลับ, สยองขวัญ
เกม
ผู้พัฒนา07th Expansion / ริวคิชิ 07
ผู้จัดจำหน่าย07th Expansion / ริวคิชิ 07
แนวโดจินชิ, นิยายภาพ
แพลตฟอร์มพีซี
มังงะ
เขียนโดยโอะนิคะคุชิเฮ็น & สุมิโฮะโระโบะชิเฮ็น: คาริน สุซุรากิ
วะทะนะกะชิเฮ็น & มะเอะอะคะชิเฮ็น: ยุโทริ โฮโจ
ทะทะริโกะโระชิเฮ็น: จิโร ซุซุกิ
ฮิมะสุบุชิเฮ็น: โยชิกิ โทโนไก
โอะนิซะระชิเฮ็น: เอริ คิโตะ
สำนักพิมพ์สแควร์เอนิกซ์ (ทุกภาคยกเว้นโอะนิซะระชิเฮ็น)
คาโดกาวะโชเท็น (โอะนิซะระชิเฮ็น)
สยามอินเตอร์คอมิกส์(ไทย)
อนิเมะ
ยามเมื่อเหล่าจักจั่นกรีดร้อง
กำกับโดยคง จิอะกิ
เขียนบทโดยคาวาเสะ โทชิฟูมิ
ดนตรีโดยคาวาอิ เคนจิ
สตูดิโอสตูดิโอดีน
อนิเมะ
ยามเมื่อเหล่าจักจั่นกรีดร้อง บทไขปริศนา
กำกับโดยคง จิอะกิ
เขียนบทโดยคาวาเสะ โทชิฟูมิ
ดนตรีโดยคาวาอิ เคนจิ
สตูดิโอสตูดิโอดีน
อนิเมะโทรทัศน์
ยามเมื่อเหล่าจักจั่นกรีดร้อง – Gou
กำกับโดยคาวากุชิ เคอิจิโร
เขียนบทโดยฮายาชิ นาโอกิ
ดนตรีโดยคาวาอิ เคนจิ
สตูดิโอPassione
เครือข่ายTokyo MX, BS11, SUN
ฉาย 1 ตุลาคม 2563 19 มีนาคม 2564
ตอน24 ตอน
อนิเมะโทรทัศน์
ยามเมื่อเหล่าจักจั่นกรีดร้อง – จบการศึกษา
กำกับโดยเคอิจิโระ คาวากูจิ
อำนวยการสร้างโดยทากายูกิ นางาตานิ
โจทาโร อิชิงามิ
ยูโกะ ฮิราตะ
มาโกโตะ นากามูระ
ฮิโรตากะ คาเนโกะ
ซาโตรุ ชิโมซาโตะ
โทโมยูกิ โอวาดะ
ทาเกมะ โอกามูระ
เขียนบทโดยนาโอกิ ฮายาชิ
ดนตรีโดยเค็นจิ คาไว
สตูดิโอPassione
ถือสิทธิ์โดยเมเดียลิงก์
เครือข่ายTokyo MX, BS11, SUN, AT-X
ฉาย 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 30 กันยายน พ.ศ. 2564
ตอน15 ตอน

ยามเมื่อเหล่าจักจั่นกรีดร้อง[1] หรือ แว่วเสียงเรไร (ญี่ปุ่น: ひぐらしのなく頃にโรมาจิHigurashi no Naku Koro ni; อังกฤษ: Higurashi When They Cry) เป็นเกมนิยายภาพโดจินชิ แต่งและสร้างโดย 07th Expansion หรือ ริวคิชิ 07 (Ryukishi 07) ในปัจจุบันถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์การ์ตูนโดยสตูดิโอดีน ออกฉายในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2549,มันเป็นการ์ตูนเรื่องโปรดของ Mikecrack

ลักษณะของเกม

[แก้]

เป็นเกมฆาตกรรมลึกลับที่อธิบายว่าเป็น"นิยายภาพโดจินชิ"ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับวิชวลโนเวล ในเกมเพลย์จะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นค่อนข้างน้อยเนื่องจากเกมส่วนใหญ่ประกอบด้วยการสนทนาข้อความแต่เดิมต้นฉบับจะไม่มีการแสดงเสียงสำหรับตัวละคร ในขณะที่พื้นฐานของนิยายภาพจะเป็นลักษณะที่มองเห็นได้ตามชื่อที่แนะนำพื้นฐานของนิยายภาพโดจินชิจะให้ความสำคัญกับการสร้างบรรยากาศผ่านดนตรีเสียงเอฟเฟ็กต์และเรื่องราวเอง

เกมดังกล่าวใช้การส่งสัญญาณที่ผู้เล่นสามารถรับเคล็ดลับได้หลายอย่าง เคล็ดลับเหล่านี้อนุญาตให้ผู้เล่นอ่านข้อมูลเสริมต่าง ๆ ที่อาจมีหรือไม่มีประโยชน์ในการไขปริศนา ตัวอย่างเช่นหนึ่งในเคล็ดลับอาจเป็นเรื่องง่ายเหมือนกับ "นี่คือหมู่บ้านเล็ก ๆ เด็ก ๆ ที่ไปโรงเรียนนี้จะรวมกันเป็นหนึ่งห้องเรียนโดยไม่คำนึงถึงระดับหรือปีที่พวกเขาเข้ามา" คำแนะนำเช่นความสามารถในการอ่านเนื้อหาของบทความในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านฮินามิซาวะ ซึ่งจะค่อยๆเปิดเผยเรื่องราวปริศนาสุดแสนสยองขวัญไปเรื่อยๆ

การออกจำหน่าย

[แก้]

ยามเมื่อเหล่าจักจั่นกรีดร้อง ได้สร้างเป็นเกมโดยบริษัท 07th Expansion ซึ่งจะมีเนื้อเรื่องเป็นบท มีทั้งหมด 8 บท 4 บทเป็นภาคปริศนา และอีก 4 บทเป็นภาคเฉลย โดยบทแรกมีชื่อว่า บทปีศาจลักซ่อน ได้จำหน่ายเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2545 บทที่สองชื่อ บทเทศกาลมรณะ ได้จำหน่ายเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2545 บทที่สามชื่อ บทคำสาปสังหาร ได้จำหน่ายเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2546 บทที่สี่ชื่อ บทฆ่าเวลา ได้จำหน่ายเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2547 ซึ่ง 4 บทที่กล่าวไปข้างต้นคือ ภาคปริศนา และอีก 4 บท ต่อไปนี้จะอยู่ภายใต้ชื่อ Higurashi no Naku Koro ni Kai ซึ่งเป็นภาคเฉลย บทที่ห้าชื่อ บทสืบคดี ได้จำหน่ายเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2547 บทที่หกชื่อ บทชดใช้บาป ได้จำหน่ายเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2548 บทที่เจ็ดชื่อ บทสังหารหมู่ ได้จำหน่ายเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2548 และบทที่แปดชื่อ บทสันนิบาตเทศกาล ได้จำหน่ายเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ 2549 หลังจากนั้นได้มี ดรามาซีดีในชื่อ Higurashi no Naku Koro ni Rei ได้ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ต่อมาได้มีบทใหม่ซึ่งเป็นบทล่าสุด ในชื่อ Kamikashimashi-hen ซึ่งอยู่ในเกม ชื่อ Higurashi no Naku Koro ni Hō ได้ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งในแต่ละบทยังคงใช้ตัวละครเดียวกันและสถานที่เดียวกันแต่กันแต่เนื่อเรื่องจะแตกต่างกัน ในแต่ละบทจะให้คำตอบคำแนะนำและเบาะแสที่มีค่าเกี่ยวกับความลึกลับของบทก่อนหน้านี้ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความลึกลับมากยิ่งขึ้น หลังจากได้สร้างเกมจนจบบทแล้วในเวลาต่อมาก็ได้มีการปรับแต่งกราฟิกเพื่อให้เป็นไปตามยุคตามสมัย ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้วางจำหน่ายบน สตีมซึ่งมีชื่อว่า Higurashi When They Cry Hou ได้จำหน่ายเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 จนถึง 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นเกมที่ใช้บทเดิมแต่เอามาพัฒนากราฟิกให้สวยกว่าเดิมและสมจริงกว่าเดิมยิ่งขึ้น นอกจาก เกมและดรามาซีดียังถูกนำไปสร้างเป็น อนิเมะ มังงะ นิยาย และ ไลฟ์แอคชั่น อีกด้วย

เนื้อเรื่อง

[แก้]

ปีโชวะที่ 58 (พ.ศ. 2526) ณ หมู่บ้านแถบชนบท ชื่อว่าฮินามิซาวะ (มีต้นแบบมาจาก หมู่บ้านชิราคาว่า จังหวัดกิฟุ) ซึ่งมีประชากรประมาณ 2,000 คนในหมุ่บ้าน เนื้อเรื่องจะเล่าถึง มาเอบาระ เคอิจิ เด็กหนุ่มที่พึ่งย้ายเข้ามาจากเมืองมาอยู่ในหมู่บ้านฮินามิซาวะ เขาได้พบเพื่อนใหม่ๆมากมาย และเขาก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมชมรมหลังเลิกเรียนอีกด้วย ซึ่งมีสมาชิกดังนี้คือ ริวงู เรนะ, โซโนะซากิ มิอง, โฮโจ ซาโตโกะ และ ฟุรุเดะ ริกะ ซึ่งเคอิจิจะเป็นคนล่าสุดที่เข้าร่วมกิจรรมชมรมหลังเลิกเรียน โดยส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยเกมไพ่และเกมกระดานต่างๆ (ซึ่งผู้แพ้จะถูกเกมลงทัณฑ์ โดยส่วนใหญ่คือเขา) หมู่บ้านฮินามิซาวะดูเหมือนจะเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบและเป็นสวรรค์สำหรับเคอิจิ แต่อย่างไรก็ตามความเงียบสงบนี้ค่อยๆจางหายไปทันทีหลังจาก เทศกาลวาตานางาชิ ซึ่งเป็นเทศกาลที่เป็นการเฉลิมฉลองขอบคุณและระลึกถึงท่านโอยาชิโระเทพเจ้าผู้คุ้มครองหมู่บ้าน เคอิจิได้ทราบเข้าว่าทุกปีในช่วงสี่ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปีโชวะที่ 54 (พ.ศ. 2522 ) จะมีคนหนึ่งถูกฆาตกรรมอย่างทารุนและอีกคนจะหายสาบสูญในทุกปีของเทศกาลวาตานางาชิ ซึ่งในปีโชวะที่ 58 ก็ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ห้า ซึ่งส่วนใหญ่ทุกปีเพื่อนๆของเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ทั้งนั้นอีกด้วย ทำให้เขาได้ถูกจมดิ่งลงสู่ความมืดมิดของหมู่บ้านโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้

ตัวละครหลัก

[แก้]

มาเอบาระ เคอิจิ(前原 圭一, Maebara Keiichi)

พากย์เสียงโดย โซอิจิโร โฮชิ

ตัวเอกของเรื่องเป็นลูกชายของศิลปินที่มีชื่อเสียง ครอบครัวของเขาเพิ่งย้ายมาที่ฮินามิซาวะหลังจากเหตุการณ์คดีที่เคอิจิใช้ปืนโมเดลยิงใส่เด็กจนได้รับบาจเจ็บที่ตา เขามีความสามารถและการเรียนระดับอัจฉริยะ ทำให้เสน่ห์และพรสวรรค์ที่โดดเด่นของเขาถูกได้รับฉายาว่า "พ่อมดแห่งวาจา" หรือ Magician of Words ทำให้เขาสามารถหาเพื่อนใหม่ได้ไม่ยากและกลายเป็นที่นิยมในหมู่บ้านได้อย่างง่ายดาย ในช่วงแรก ๆ ของเรื่องใน บทปีศาจลักซ่อน เขาได้รับผลกระทบจากความหวาดระแวง แต่ความแข็งแกร่งภายในและมีความสามารถในการฝืนชะตากรรมทำให้ หลังจากเหตุการณ์บทแรกนั้น ในช่วงบทต่อมาเขาพอที่จะสามารถจำเหตุการณ์จากโลกชะตากรรมก่อนๆได้

ริวงู เรนะ(竜宮 レナ, Ryuugu rena)

พากย์เสียงโดย มาอิ นากาฮาระ

เพื่อนสนิทของเคอิจิ เธอใจดีมากและดูแลเพื่อน ๆ ของเธอ แต่ก็ไร้เดียงสา อย่างไรก็ตามเธอก็เป็นพวกคลั่งของน่ารักเมื่อเจอของน่ารักทีไรมักจะพูดว่า "จะเอากลับบ้าน!!!" (お持ち帰り 〜 Omochikaerī) เมื่อเธอรู้สึกตื่นเต้นหรือสับสน เธอจะพูดวลีซ้ำ ๆ ในตอนท้ายของประโยค เช่น (かな? かな?, "ฉันสงสัย, ฉันสงสัย?") ชื่อเดิมของเธอคือ ริวงู เรย์นะ (Ryuugu Reina) ซึ่งชื่อเดิมของเธอเปรียบเสมือนกับด้านมืดของเธอ เดิมทีเธอเป็นชาวฮินามิซาวะ แต่ได้ย้ายไปที่เมืองอิบารากิเมื่อตอนขึ้นประถมพอดี แต่เมื่อหนึ่งปีก่อน ปีโชวะที่ 57 เธอได้ออกจากอิบารากิ เพราะเธอเสียใจที่แม่หย่าจากพ่อของเธอเพราะพยายามแต่งงานกับ อะกิฮิโด ซึ่งเป็นลุงของเธอ ทำให้เธอเกิดอาการคลุ้มคลั่งจนทำลายข้าวของๆแม่และถูกพักการเรียนราวๆสัปดาห์เพราะได้ทำร้ายนักเรียนชายสามคนด้วยไม้เบสบอลจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากเหตุการณ์นั้นเธอได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติในหมู่บ้านฮินามิซาวะ โดยเปลี่ยนชื่อตัวเอง ว่า ริวงู เรนะ (แบบไม่เป็นทางการ) และทิ้งชื่อเดิมของตัวเองไว้เบื้องหลัง

โซโนะซากิ มิอง(園崎 魅音, Sonozaki Mion)

พากย์เสียงโดย ซัตสึกิ ยูกิโนะ

เพื่อนสนิทของเคอิจิอีกคนหนึ่ง ทักษะทางสังคมของเธออยู่ในระดับเดียวกับเคอิจิ ซึ่งเธอเคารพนับถือเคอิจิอย่างสูงในฐานะเพื่อนและคู่ต่อสู้ (แต่อย่างไรก็ตามในภายหลังจะแสดงให้เห็นว่าเธอตกหลุมรักเขา) เธอมักจะทำตัวเหมือนผู้ชายและเรียกแทนตัวเองว่า"ลุง" แต่เธอก็มีด้านซ่อนเร้นอยู่ เธอคือผู้สืบทอดของหัวหน้าครอบครัวตระกูลโซโนซากิซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลที่มีอิทธิพลอย่างมาก เธอมีน้องสาวฝาแฝดชื่อ โซโนะซากิ ชิอง แต่จริงๆแล้ว ในบทสืบคดี ได้เฉลยว่า ชิองคือพี่สาวแต่เพราะน้องสาว (มิองชอบร้องไห้งอแงจนพี่สาวต้องใจอ่อนยอมเปลี่ยนตัวให้บ้าง แต่ครั้งที่มีประชุมหมู่บ้านชิองขอเปลี่ยนตัวเป็นมิองและได้ถูกสลักลายปิศาจที่หลัง จากนั้นมิองจึงต้องใช้ชีวิตเป็นชิองไปตลอด

โซโนะซากิ ชิอง (園崎 詩音, Sonozaki Shion)

พากย์เสียงโดย ซัตสึกิ ยูกิโนะ

น้องสาวฝาแฝดของมิอง อาศัยอยู่ที่เมืองโอคิโนมิยะเป็นสาวหวานที่นิสัยต่างจากพี่สาวโดยสิ้นเชิง แต่จริงๆแล้วนิสัยแสบใช่เล่น มักจะชอบแกล้งเคอิจิกับมิองบ่อยๆ แต่ความจริงแล้วเธอเป็นคนที่น่ากลัวพอตัวเลยเพราะถ้าเพื่อคนที่รักละก็เธอยอมทำตามได้ทุกอย่าง ในบทสืบคดีหลังจากที่ โฮโจ ซาโตชิ หายสาบสูญชิองก็เสียใจเป็นอย่างมากจนถึงขั้นเข้าใจผิดว่าตระกูลโซโนซากิคือเบื้องหลังที่ก่อเหตุฆาตกรรมปริศนาทำให้เธอก็ได้ก่อคดีฆาตกรรมสุดวิปริตและจบชีวิตลงโดยการตกตึกตายในที่สุด ต่อมาในบทสังหารหมู่ เธอได้ฝันถึงบาปที่เธอทำลงไปเมื่อตอน บทสืบคดีทำให้เธอเกิดความกลัวและตัดสินใจย้ายมาที่ฮินามิซาวะเพื่อมาดูแล ซาโตโกะ เป็นเหมือนพี่สาวตามคำขอร้องของซาโตชิคนที่เธอรักขอร้องไว้

โฮโจ ซาโตโกะ(北条 沙都子, Hōjō Satoko)

พากย์เสียงโดย คานาอิ มิกะ

เด็กผู้มีความสัมพันธ์กับเคอิจิและชิองเหมือนน้องสาว มีพี่ชายที่ชื่อว่าโฮโจ ซาโตชิ และเป็นหลานสาวของ เทปเป กับ Tamae เป็นคนที่ชอบวางกับดักแกล้งเคอิจิ จนได้รับฉายาว่า "ผู้เชี่ยวชาญด้านกับดัก" หรือ Trapmaster ก่อนมาอยู่กับฟุรุเดะ ริกะ เคยอยู่กับญาติที่ชอบกลั่นแกล้งและพ่อแม่ที่เย็นชา แต่พ่อเลี้ยง แม่ แล้วก็ป้า ถูกคำสาปตายไปแล้วทั้งสิ้น เหตุที่กำพร้าพ่อแม่มาจากการที่ไม่ลงรอยกับพ่อคนปัจจุบัน ในช่วงที่พ่อและแม่พามาเที่ยวในวันสานความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว ซาโตโกะคิดว่าที่พ่อแม่พามาที่หน้าผาซึ่งเป็นจุดชมวิวนั้นเพีราะจะผลักตัวเองให้ตกลงไป ทำให้เกิดความคุ้มคลั่งผลักพ่อแม่ตกลงไปก่อนและได้เข้าโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาอาการทางจิต

โฮโจ ซาโตชิ (北条 悟史, Hōjō Satoshi)

พากย์เสียงโดย มิทสึกิ ไซงะ

พี่ชายของซาโตโกะ โดนซาโตะโกะเรียกว่า"นี้นี่ (พี่จ๋า)" จนในบางครั้งซาโตโกะเคยชินจนเผลอเรียกเคอิจิว่า นี้นี่บ่อยๆ เป็นคนที่เซอะซะ งุ่มง่าม เหมือนจะพึ่งพาอะไรไม่ได้แต่ก็เป็นคนรักน้องสาวและอ่อนโยนมาก เคยช่วยชิองจากพวกอันธพาลไว้ แต่สุดท้ายก็โดนคำสาปของท่านโอยาชิโระจนหายสาบสูญไปเพราะฆ่าป้าของตนเองไป ในบทสันนิบาตเทศกาลจะมีการเฉลยว่าเขาหายไปไหน

ฟุรุเดะ ริกะ(古手 梨花, Furude Rika)

พากย์เสียงโดย ยูการิ ทามูระ

ลูกสาวของเจ้าอาวาสวัดที่ถูกคำสาปตายไปแล้ว อาศัยอยู่กับโฮโจ ซาโตโกะ ที่บ้านหลังเล็กๆ เชื่อว่าเป็นมิโกะร่างอวตารของท่านโอยาชิโระมองเห็นอนาคตตัวเองและเป็นผู้ที่จะ ถูกฆ่าในปีโชวะ 58 เป็นเด็กดีมีน้ำใจแต่ในบางครั้งก็พูดจาเหมือนผู้ใหญ่ ชอบลงท้ายประโยคด้วยคำที่ไม่จำเป็น เช่น "มี้~" "นิปป้า~" เวลาที่อยู่กับฮานิวนิสัยของริกะจะกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ ในบทสังหารหมู่ที่เธอและพวกเคอิจิได้สร้างปาฏิหาริย์มากมายนั้นเธอถูกทาคาโนะฆ่าตายอย่างโหดร้ายเพราะหวังจะให้ความเจ็บปวดนี้ถูกสลักลึกลงในจิตใจและจดจำไปยังภพหน้าที่ได้เจอทาคาโนะอีก ว่าทาคาโนะคือศัตรูที่แท้จริงของเธอ

ฟุรุเดะ ฮานิว (古手 羽入, Furude Hanyū)

พากย์เสียงโดย ยูอิ โฮริเอะ

วิญญาณบรรพบุรุษของริกะ เป็นเด็กสาวผมม่วงในชุดมิโกะที่มีเขาคล้ายๆเขาแกะอยู่บนหัว และเป็นเทพผู้คอยดูแลศาลเจ้าฟุรุเดะ มีริกะคนเดียวที่เห็นได้ มีความรู้สึกเชื่อมโยงกับริกะทำให้ริกะใช้โอกาสนี้แกล้งเธอเป็นประจำ ฮานิวเกลียดของเผ็ดมาก อาหารที่ชอบคือชูครีม ชอบร้อง อาอูว์ๆ ขี้กลัวและดูเหมือนจะไม่ค่อยมีประโยชน์ แต่มีพลังพิเศษในการหยุดเวลาและย้อนเวลา แต่ทุกครั้งที่ใช้พลังจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ

เนื้อเรื่องในบท

[แก้]

เนื้อเรื่องจะแบ่งออกเป็น 8 บท คือภาคปริศนามี 4 บท และ ภาคเฉลย อีก 4 บท (หลังจากจบทั้ง 8 บท ต่อมาได้มีบทพิเศษอีกมากมาย) ในบทของภาคเฉลยนั้นจะสรุปเหตุการณ์ของบทภาคปริศนาแต่มุมมองจะแตกต่างกันออกไป โดยใช้การเปลี่ยนแปลงของตัวละครเพื่อแก้ปริศนาต่าง ๆ และมาถึงข้อสรุปที่แตกต่างกัน เพื่อให้ผู้เล่นนั้นได้เข้าใจปริศนาที่ชวนน่าสงสัยไปได้

หมายเหตุ: ชื่อภาษาไทยที่อ้างอิงในที่นี้ เป็นชื่อจากฉบับมังงะลิขสิทธิ์ในประเทศไทยโดย สยามอินเตอร์คอมมิค

Higurashi no Naku Koro Ni

[แก้]

Higurashi no Naku Koro Ni (ひぐらしのなく頃に, The Higurashi: When They Cry) จะเป็นเนื้อเรื่องของภาคปริศนา ซึ่งมีทั้งหมด 4 บท ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องที่ให้ผู้เล่นได้พบกับปริศนาที่เกิดขึ้น และแนะนำสถานการณ์ลึกลับรอบตัวในหมู่บ้านฮินามิซาวะ ซึ่งภาคปริศนาจะไม่มีคำตอบมาให้เลยซึ่งในแต่ละบทจะแบ่งออกได้ดังนี้

  • บทปีศาจลักซ่อน (鬼隠し編, Onikakushi-hen)

เป็นบทเปิดตัวของเรื่องทั้งในอนิเมะและมังงะ ตัวเอกของบทนี้คือเคอิจิ ที่ได้รับข่าวการฆาตกรรมหั่นศพที่หมุ่บ้านตั้งแต่ย้ายเข้ามายังหมู่บ้านฮินามิซาวะ เขาได้พบเบาะแสมากมายจากที่ต่างๆในหมู่บ้าน แต่เพื่อนๆ กลับบอกว่าไม่เคยมีเหตุฆาตกรรมแบบนั้นในหมู่บ้านเพราะไม่อยากให้เขาต้องกลัว แต่เคอิจิกลับเข้าใจผิดคิดว่าเพื่อนๆของพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีจนเกิดอาการ โรคฮินามิซาวะ และเห็นภาพหลอนว่าเรนะกับมิองกำลังจะฆ่าเขาด้วยเข็มฉีดยาที่มียาพิษ ที่เมื่อไรก็ตามที่ฉีดเข้าไปจะข่วนคอตัวเองจนตาย ทำให้เขาเกิดความหวาดกลัวอย่างสุดขีดและฆ่าเธอที้งสองคนในที่สุด หลังจากนั้นเคอิจิก็ข่วนคอตัวเองจาก โรคฮินามิซาวะระยะสุดท้ายในที่สุด

  • บทเทศกาลมรณะ (綿流し編, Watanagashi-hen)

เป็นบทที่เพิ่มตัวละครสำคัญมาอีก 1 คือ ชิอง น้องสาวของมิองที่บังเอิญไปเจอกับเคอิจิที่ร้านแองเจิลมอธ และในวันเทศกาลลอยนุ่นชิองและเคอิจิได้ทำผิดกฎของหมู่บ้านด้วยความไม่รู้และเชื่อคำเชิญของทาคาโนะและโทมิทาเกะที่ให้เปิดประตูห้องเก็บอุปกรณ์พิธีของหมู่บ้าน ทำให้พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคำสาปแห่งฮินามิซาวะเข้าโดยไม่ทันตั้งตัว ในไม่ช้า เคอิจิได้รับข่าวจากตำรวจโออิชิว่าทาคาโนะและโทมิทาเกะได้เสียชีวิตแล้ว ไม่นานนักชิองก็หายตัวไป เขาจึงคิดว่าสักวันเขาอาจจะต้องหายไปด้วยเช่นกัน แถมมิองเองก็เริ่มมีท่าทีแปลกๆเป็นคนละคนจนยากที่จะเมินเฉย อีกทั้งริกะและซาโตโกะก็หายตัวไป เหลือเพียงเขาและเรนะ พวกเขาจึงยื่นคำขอถึงตำรวจในกรณีผู้ต้องสงสัยของคดีและไปที่บ้านของมิอง จนต้องพบกับเรื่องราวน่าตกตะลึงว่าคดีทั้งหมดเป็นฝีมือของมิอง โดยมิองก็อ้างว่าเป็นเพราะปีศาจในตัวทำให้ฆ่าคนไปมากมายและขอสารภาพบาปทั้งหมดของตนกับเคอิจิเป็นการส่วนตัว แต่มิองกลับพาเคอิจิไปยังห้องใต้ดินที่มิองใช้ลงมือฆ่าทุกคน!!! และที่นั่นเองเขาก็ได้พบตัวชิองที่หายสาปสูญไปได้พบ แต่พลาดท่า ทำให้เขาโดนมิองพาตัวไปเพื่อจัดการปิดปากซะ และในขณะที่กำลังจะถูกมิองฆ่าตาย เขาก็ได้ร้องขอกับมิองสองอย่างกับมิอง ได้แก่ 1 "ถ้าฆ่าฉันจนพอใจแล้วก็จงยกโทษให้ชิองซะ" 2"ขอให้ปีศาจในตัวมิองหายไปด้วย" แต่มิองบอกว่าทำไม่ได้ทั้งสองข้อ เคอิจิจึงกล่าวเชิงหยอกล้อว่า "งั้นข้อที่สาม...อย่าฆ่าฉัน" ซึ่งมิองก็รับปาก ทำให้เขารอดตายมาได้ จากนั้นก็มีข่าวตามมาว่ามิองกำลังหลบหนีไปยังทางลับของห้องใต้ดิน แต่พลาด เดินตกลงไปยังบ่อน้ำตาย

  • บทคำสาปสังหาร (祟殺し編, Tatarigoroshi-hen)

เป็นบทที่กล่าวถึงซาโตโกะที่ถูกเทปเปลุงของเธอทารุนอย่างหนักจนเกิดอาการทางประสาทอย่างรุนแรง ทำให้เคย์อิจิตัดสินใจลอบฆ่าลุงของซาโตโกะ แต่กลับไม่เป็นผลเพราะซาโตโกะยังคิดว่าลุงของเธอยังมีชีวิตอยู่แถมยังบอกกับเคอิจิด้วยว่าลุงยังมีชีวิตอยู่ ทำให้เขารีบไปที่หลุมที่เคอิจิฝังไว้แต่กลับพบว่าศพนั้นหายไปซะแล้ว ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นเข้าก็ได้นำขวานและไปที่บ้านของซาโตโกะแต่กลับไม่พบลุงเลย แต่แค่เห็นซาโตโกะกำลังอาบน้ำร้อนนานเกินไปทำให้เขารีบนำเธออกมาและพาไปหา ริกะแต่กลับพบว่า ริกะได้เสียชีวิตจากการถูกผ่าท้องเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งมีนกกำลังจิกศพของเธอทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมากและใช้ขวานไล่ฝูงนก แต่โชคร้ายที่ซาโตโกะมาเห็นทำให้เข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนฆ่า ซาโตโกะจึงวิ่งนี้ไปจนถึงสะพานในขณะที่เคอิจิก็ตามมาติดๆและบอกว่าไม่ได้ฆ่า แต่ซาโตโกะไม่เชื่อเธอจึงตัดสินใจผลักเคอิจิ จนตกลงไปในแม่น้ำในที่สุด หลังจากนั้นเข้าก็ฝืนขึ้นมาและพบว่า หมู่บ้านฮินามิซาวะ ได้ถูกก๊าซภูเขาไฟปะทุซึ่งไม่มีใครรอดแม้แต่คนเดียว โดยเฉพาะเขาเท่านั้นที่รอดมาได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามใน ปีเฮเซที่ 15 (พ.ศ. 2546) เคอิจิได้บอกกับบุคคนปริศนาคนหนึ่งที่จะมาหาคำตอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเขาได้ยินเสียงฝีเท้าตลอดเวลาโดยที่ไม่รู้เลยว่าเป็นเสียงของใคร และ 2 วัน ต่อมาเข้าตายจากไข้ขึ้นสูงโดยไม่ทราบสาเหตุ

  • บทฆ่าเวลา (暇潰し編, Himatsubushi-hen)

เป็นบทที่กล่าวถึงริกะ ในช่วงหนึ่งที่เธอเองได้พบกับอาคาซากะ ตำรวจหนุ่มจากเมืองกรุงต้องมาทำงานบางอย่าง เธอได้เตือนอาคาซากะไว้ว่าให้กลับไปไม่อย่างนั้นจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต แต่ในขณะนั้นอาคาซากะยังไม่เข้าใจความหมายของมัน เมื่อมั่นใจแล้วว่าอาคาซากะไม่กลับแล้ว เธอจึงร้องขอว่าจงช่วยเธอซะ เพราะในวันที่ xxx ปีโชวะที่ 58 เธอจะถูกฆ่าตาย แต่เธอไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่า แต่อาคาซากะไม่เชื่อ เขาอยู่ในโรงพยาบาลและรอจนกระทั่งเขาได้เวลากลับไปยังบ้านของเขา และเขาก็ทราบว่าภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ของเขาเสียชีวิตแล้วจากการที่เธอขึ้นไปบนดาดฟ้าและขอพรขอให้อาคาซากะปลอดภัยแต่ก็ตกลงมาจากบันไดอย่างรุนแรงจนเสียชีวิตแต่โชคยังดีที่ลูกสาวของเขา "มิยูคิ" ได้คลอดก่อนที่เธอจะเสียชีวิต และในวันที่ xxx ริกะก็ได้เสียชีวิตไปตามที่เธอเคยกล่าวเอาไว้แล้วเช่นกัน ทำให้เขาทั้งเศร้าโศกเสียใจทั้งโทษตัวเองและฝันร้ายจากเหตุการณ์นั้นมาตลอดจนถึงปัจจุบัน

Higurashi no Naku Koro ni Kai

[แก้]

Higurashi no Naku Koro ni Kai (ひぐらしのなく頃に解, The Higurashi: When They Cry Kai) จะเป็นเนื้อเรื่องของภาคเฉลย ซึ่งมีทั้งหมด 4 บท โดยเนื้อเรื่องจะเป็นการเฉลยปริศนาของทั้ง 4 บทที่แล้ว ซึ่งในแต่ละบทจะแบ่งออกได้ดังนี้

  • บทสืบคดี (目明し編, Meakashi-hen)

มีเนื้อหาเป็นบทเฉลยของ บทเทศกาลมรณะ โดยบอกจากมุมมองของ ชิอง หลังจากที่ซาโตชิฆ่าป้าของเขาและหายสาบสูญไป ชิองได้เกิดอาการคุ้มคลั่งในปีถัดมาจนได้เฉลยว่าเนื้อเรื่องจากบทเทศกาลมรณะ เหตุการณ์ฆาตกรรมนั้นเป็นฝีมือของชิอง

  • บทชดใช้บาป (罪滅し編, Tsumihoroboshi-hen)

มีเนื้อหาเป็นบทเฉลยของบท ปีศาจลักซ่อน เนื้อเรื่องจะไม่เฉลยแบบโดยตรงเหมือน บทสืบคดี แต่จะเล่าถึงเรนะที่ได้ฆ่า รินะ แม่เลี้ยงของเรนะหลังจากทราบว่า รินะนั้นคือภรรยาของ เทปเป ลุงของซาโตโกะ ซึ่งเป็นสมาชิกของแก็งยากูซ่า โดยการที่เธอจะรีดไถเงินจนหมดตัวเลยที่เดียว ทำให้เรนะได้ลอบฆ่า รินะ และ เทปเปในที่สุดหลังจากนั้นก็จะหั่นศพเป็นชิ้นๆ ในบทนี้เรนะจะมีอาการโรคฮินามิซาวะเหมือนเคย์อิจิ ในบทปีศาจลักซ่อน และวันหนึ่งจู่ๆเคย์อิจิก็จำได้ว่า ตนนั้นเคยฆ่าเรนะกับมิองมาก่อนในโลกชะตากรรมก่อนๆ ซึ่งจำได้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียงภาพหลอน ทำให้เขาเกิดเสียใจเป็นอย่างมากและจะช่วยเรนะให้หายจาก โรคฮินามิซาวะให้ได้ และเคอิจิก็สามารถช่วยเธอได้ ซึ่งถือว่านี้คือบทแรกที่จบแบบ Happy Ending แต่ถึงอย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ทุกคนก็ถูกก๊าซภูเขาไฟปะทุจนไม่มีใครรอดสักคน มีเพียงเรนะเท่านั้นที่รอด ทำให้เรนะเกิดภาวะช๊อกเป็นอย่างมากและอยากจะย้อนเวลากลับไปมาตลอดจนถึงปัจจุบัน

  • บทสังหารหมู่ (皆殺し編, Minagoroshi-hen)

เป็นบทเบื้องหลังของทุกบท โดยมีริกะเป็นตัวเอกที่แท้จริงได้ทำการเฉลยทุกสิ่งทุกอย่างว่าเหตุการณ์ที่เราทั้งหมดคือชะตากรรมที่บิดเบี้ยวและพยายามจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรม เพื่อให้พวกตนได้พ้นจากเรื่องร้ายๆทั้งหลาย แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ แต่เธอได้สิ่งที่วิเศษที่สุดมา นั่นคือได้พบว่าทุกคนนั้นจำเหตุการณ์ชะตากรรมเมื่อก่อนได้แบบลางๆ และได้รู้ว่าคนร้ายที่แท้จริงที่ฆ่าเธอในวันที่ xxx นั่นคือ ทาคาโนะนั้นเอง แต่เธอก็ยังไม่รู้เหตุผลที่ทาคาโนะทำแบบนั้น สุดท้ายแล้วเธอและเพื่อนที่พยายามมาต้องถูกสังหารหมู่อย่างน่าเศร้า แต่เธอก็พยายามไม่ให้ลืมเรื่องของทาคาโนะ จึงได้ร้องขอก่อนตายว่า หากจะฆ่าก็จงอย่าทำให้หลับ จงกรีดลึกร่างของตนให้ฝังลึกในวิญญาณ เมื่อยามใดที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง จะได้รู้ว่าเจ้าคือศัตรูที่แท้จริง!!!

  • บทสันนิบาตเทศกาล (祭囃し編, Matsuribayashi-hen)

เป็นบทต่อจากบทสังหารหมู่ โดยแสดงเรื่องราวในอดีตของทาคาโนะ และเหตุผลที่เธอทำการวิจัยโรคกลุ่มอาการฮินามิซาวะ และเหตุจูงใจให้เธอคอยตามฆ่าริกะทุกชาติภพ และในท้ายที่สุด พวกริกะก็ได้สร้างปาฏิหาริย์ได้สำเร็จ พวกเธอสามารถเอาชนะการตามล่าของทาคาโนะและทาคาโนะเองก็ได้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังจากเหตุการณ์ทุกคนก็ใช้ชีวิตอย่างปกติ ก่อนเนื้อเรื่องจะจบได้มีตัวละครปริศนาหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า เฟรเดอริกา เบิร์นคาสเทล ได้ย้อนอดีตกลับมายังยุคที่ทาคาโนะเป็นเด็กและทิ้งท้ายประโยคอันเป็นปริศนาว่า "เธออยากอยู่หรือตาย?" เมื่อทาคาโนะตอบแบบไร้เดียงสาแล้ว เธอก็ได้แนะนำประโยคปริศนาของเธออีกครั้ง และให้ทาคาโนะกลับบ้านไป เพื่อให้ทาคาโนะใช้ชีวิตให้ดีที่สุดกับพ่อแม่ของเธอ จนกว่าจะไม่มีโอกาสอีก...

Higurashi no Naku Koro ni Rei

[แก้]

มีการเพิ่มบทพิเศษอีกสามบทในดรามาซีดี ในชื่อ Higurashi no Naku Koro ni Rei (ひぐらしのなく頃に礼, Higurashi: When They Cry Rei) วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ซึ่งในแต่ละบทจะแบ่งออกได้ดังนี้

  • บทสังหารลูกเต๋า (賽殺し編,, Saikoroshi-hen)

บทสังหารลูกเต๋าเป็นบทส่งท้ายของบทสันนิบาตเทศกาลซึ่งจะเกิดขึ้นในอีกสองเดือนต่อมา ในเดือนสิงหาคม ปีโชวะที่ 58 เล่าว่าริกะได้ประสบอุบัติเหตุจากรถบรรทุกและตื่นขึ้นมาในโลกอีกโลกชะตากรรมอีกโลกหนึ่ง เล่าในเดือนมิถุนายน ปีโชวะที่ 58 ซึ่งไม่มีแม้แต่เหตุการณ์โศกนาฏกรรมใดๆเลย และเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากโดยเริ่มจาก เคอิจิไม่อยู่ที่หมู่บ้าน พ่อแม่ของเรนะไม่ได้หย่าร้างกัน โครงการสร้างเขื่อนถูกแก้ไขไปอย่างราบรื่น ไม่มีเหตุการณ์คดีการตายลึกลับต่อเนื่อง ซาโตชิกับซาโตโกะยังคงอยู่เหมือนเดิม และพ่อแม่ของริกะยังมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามโลกนี้ไม่มีชมรมของมิอง และริกะไม่ค่อยมีเพื่อนเลย แถมยังถูกซาโตโกะและเพื่อนรุ่นเดียวกันกลั่นแกล้งเสมอ และริกะก็ไม่เห็นฮานิวอีกด้วย นั้นหมายความว่าริกะไม่ได้อยู่ในฐานะท่านโอยาชิโระกลับชาติมาเกิด ซึ่งเธอมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ ต้องเลือกระหว่าง อยู่ในโลกนี้ต่อไปตลอดกาล หรือจะต้องฆ่าแม่ของตัวเอง (ผู้ที่เป็นท่านโอยาชิโระกลับชาติมาเกิด) เพื่อกลับไปยังโลกของบทสันนิบาตเทศกาลอีกครั้ง ซึ่งเธอเลือกที่จะกลับไปยังโลกของบทสันนิบาตเทศกาล เธอได้ฆ่าแม่ของเธอไป เมื่อตื่นขึ้นมาได้รู้ความจริงว่าทั้งหมดเป็นเพียงความฝันที่ฮานิวตั้งใจจะสอนให้กับริกะ และริกะก็ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกกับทุกคนเมื่อทุกคนได้ยินสิ่งนั้นแล้ว เรนะก็ได้สอนถึงการเป็นพระเจ้าและถูกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวว่าพวกเขาโลกที่ทุกข์ทรมานมากกว่าโลกที่บริสุทธ์เพราะมันช่วยสอนเราถึงการมีชีวิตได้ และจะทำให้เราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ทำให้ริกะได้รู้สึกถึงการมีชีวิตแบบมนุษย์เธอจึงตัดสินใจจะออกจากการที่ตัวเองเป็นเหมือนแม่มดและกลับไปเป็นมนุษย์ธรรมดา

  • Penalty Loving Chapter (罰恋し編, Batsukoishi-hen)

บทนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลัก ซึ่งจะเป็นบทที่เอาความตลกเท่านั้น เนื้อเรื่องเล่าถึงความฝันของเคย์อิจิที่ถูกเกมลงทัณฑ์และได้ตั้งกลุ่มที่มีชื่อว่า Soul Brother โดยสมาชิกมี เคย์อิจิ โทมิทาเกะ อิริเอะ และ โออิชิ ซึ่งได้ปรึกษาการตั้งเกมลงทัณฑ์สุดหน้าอาย ตอนแรกๆ ทางผู้สร้างได้ตั้งใจที่จะให้บทนี้เป็นบทส่งท้ายของบทสืบคดี แต่เนื่องจากมันมีความไม่เกี่ยวข้องและดูไร้สาระเกินไปทำให้ถูกลบออกไปในเวลาต่อมา

  • บททลายเที่ยงวัน (昼壊し編, Hirukowashi-hen)

บทนี้จะเป็นบทที่มากจาก เกมชื่อ Higurashi Daybreak (ひぐらしデイブレイク Higurashi Deibureiku) ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักเช่นเดียวกับ บท Penalty Loving โดยเหล่าถึงเคย์อิจิกับเรนะได้ใช้เวลาร่วมกัน และได้บังเอิญกลืนอะไรบ้างอย่างลงไป ซึ่งสิ่งกลืนนั้นคือ ตราประทับ "Fuwarazu Magatama" อันศักดิ์สิทธิ์ที่ริกะกำลังตามหาอยู่ ซึ่งจะมีสีแดงและสีขาว ผู้ใดที่มีสีแดงจะตกหลุมรักผู้ที่มีสีขาว ซึ่งเรนะได้กลืนสีแดงลงไปทำให้ใครก็ตามที่เก็บสีขาวเรนะจะตกหลุมรักทันที

Higurashi no Naku Koro ni Matsuri

[แก้]

โดยบทเหล่านี้ได้สร้างครั้งแรก บนเครื่อง เพลย์สเตชัน 2 ภายใต้ชื่อ Higurashi no Naku Koro ni Matsuri (ひぐらしのなく頃に祭, When Cicadas Cry Festival)

  • Taraimawashi-hen (盥回し編, Rotation Chapter)

บทนี้จะเป็นบทที่คล้ายกับ บทเทศกาลมรณะ แต่จะมีฉากจบที่แตกต่างกัน คือ มิองได้รอดจากเหตุการณ์ฆาตกรรมต่อเนื่องของชิองที่ตัวเองเป็นเหยื่อและเหตุการณ์ก๊าซภูเขาไฟปะทุในหมู่บ้านฮินามิซาวะ

  • Tsukiotoshi-hen (憑落し編, Exorcism Chapter)

โดยเนื้อเรื่องจะเล่าถึง ซาโตโกะ และ ชิอง ถูกเทปเปทารุณ เหมือนซาโตโกะและซาโตชิ เคอิจิและเรนะได้ร่วมมือกันฆ่าเทปเป แต่หลังจากการฆาตกรรมเสร็จสิ้น เรนะเริ่มแสดงท่าทางแปลก ๆ ส่วนเคอิจิคิดว่าเขาได้ยินโอยาชิโระคุยกับเขา มิองได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเพื่อนของเธอและใช้สถานที่ของ ชิองเพื่อค้นหาว่าทำไมพวกเขาถึงทำแบบนี้ ต่อมาซาโตโกะก็เริ่มถูกโรคฮินามิซาวะกำเริบ จนได้ฆ่าชิองที่สุด หลังจากนั้นก็ฆ่าตัวตายในที่สุด

  • Miotsukushi-hen (澪尽し編, Canal Drying Chapter)

เป็นฉากจบอีกแบบหลังจากที่ ริกะ ทราบว่าใครคือฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าริกะ เคย์อิจิได้ตัดสินใจที่จะยุติความลึกลับทั้งหมด แต่พวกเขาก็อยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างจากบทสันนิบาตเทศกาล พวกเขาจึงต้องแก้ปริศนาของบททุกบทที่เกิดขึ้น

Higurashi no Naku Koro ni Kizuna

[แก้]

มีทั้งหมด 4 บทซึ่งเป็นบทพิเศษที่สร้างครั้งแรก ของเกมชื่อ Higurashi no Naku Koro ni Kizuna และนำไปลงกับเครื่อง นินเท็นโด ดีเอส

  • Someutsushi-hen (染伝し編, Dye Following Chapter)

เป็นเนื้อเรื่องเล่าต่อจากมังงะ บทยักษ์ตัดคอ กับตัวละครใหม่และความแตกต่างเล็กน้อย เล่าถึง ตำรวจหญิงชื่อ มิไน โทโมเอะ ได้ร่วมมือกับ อาคาซากะ และ โออิชิ ในการสืบคดีฆาตกรรมใน โรงเรียนลูเซียน่า โรงเรียประจำนสตรีที่ ชิองอยู่

  • Kagebōshi-hen (影紡し編, Silhouette Spinning Chapter)

เป็นบทใหม่ของ Higurashi no Naku Koro Ni Kizuna เวอร์ชันของบทยักษ์ตัดคอ ถูกเล่าผ่าน มิไน โทโมเอะ ตำรวจหญิงที่กำลังสืบสวนเหตุการณ์แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศญี่ปุ่น ส่วนอาคาซากะ และโออิชิ ก็อยู่ในบทนี้ด้วย บทนี้จะมีตัวละครใหม่จากมังงะในชื่อ มิไน มาโดกะ ซึ่งเป็นน้องสาวของ โทโมเอะ บทนี้จะมีตอนจบเหมือนมังงะ แต่มีเหตุการณ์ที่แตกต่างกันทำให้เกิดขึ้น นั้นคือนัตซึมิได้ทำร้ายชิซาโตะเพื่อนคนหนึ่งของเธอ จนต่อพาเธอเข้าโรงพยาบาลหลังจากนั้นเธอก็คุยกับอากาซากะ นัตซึมิได้เหล่าถึงการเกิดเหตุฆาตกรรมครอบครัวของเธอ ที่ไม่อาจคาดเดาได้ หลังจากนั้นชิซาโตะ ได้พบ นัตซึมิ บนดาดฟ้าโรงพยาบาลและเธอได้ปลอบใจนัตซึมิลงได้ในที่สุด

  • Tokihogushi-hen (解々し編, Untangling Chapter)

เป็นบทใหม่ใน Higurashi no Naku Koro Ni Kizuna โดยเหล่าถึง มิไน โทโมเอะ โออิชิ และ ตัวละครใหม่ชื่อ โอซากิ นางิสะ เพื่อสมัยเด็กของ เรนะ บทนี้จะเป็นบทที่สืบคดีของ เรนะที่ใช้ไม้เบสบอลทำร้ายเพื่อนผู้ชายสามคน ในปีโชวะที่ 57

  • Kotohogushi-hen (言祝し編, Congratulating Chapter)

บทพิเศษของ นินเท็นโด ดีเอส ในบทสุดท้ายของ Higurashi no Naku Koro Ni Kizuna บทนี้สำรวจอดีตของฮานิว และที่มาของหมู่บ้านฮินามิซาวะ ตัวละครที่ปรากฏในบทนี้เช่น ฟุรุเดะ ริคุ หนึ่งในบรรพบุรุษของ ริกะ และเป็นผู้ตกหลุมรัก ฮานิว และเล่าถึงลูกสาวของ ริคุและริกะ ที่มีชื่อว่า ฟุรุเดะ โอกะ

Higurashi no Naku Koro ni มังงะ (ตอนพิเศษ)

[แก้]

เรื่องราวเหล่านี้เป็นบทดั้งเดิมที่ต่อเนื่องกันในรูปแบบมังงะซึ่งเป็นการเสริมเกมและดำเนินการต่อบางส่วน

  • บทยักษ์ตัดคอ (鬼曝し編, Onisarashi-hen)

เล่าถึงเด็กสาวชื่อ นัตซึมิ ถูกหลอกหลอนจากเหตุการณ์ ก๊าซพิษปะทุใน ฮินามิซาวะ ไม่นานหลังจากคุณยายของเธอ อดีตผู้อาศัยอยู่ในฮินามิซาวะบอกเธอเกี่ยวกับคำสาปของท่านโอยาชิโระ

  • บทพ้นทิวา (宵越し編, Yoigoshi-hen)

บทนี้เป็นบทส่งท้ายของบทชดใช้บาปแค่จะแตกต่างกันที่ เรนะได้เผาโรงเรียนและฆ่าเพื่อนๆไปในที่สุด มีแต่มิองเท่านั้นที่รอดชีวิต โดยเนื้อเรื่องนั้นจะเล่าในปีเฮเซที่ 18 (พ.ศ. 2549)

  • Kataribanashi-hen (語咄し編, Anthology Chapter)

เป็นชื่อคอลเลกชันของมังงะที่สร้างโดย ริวคิชิ 07

  • บทเยียวยาใจ (心癒し編, Kokoroiyashi-hen)

บทส่งท้ายของบทสันนิบาตเทศกาล ที่ริกะและคนอื่น ๆ รวมถึงฮานิว ได้ไปเที่ยวพักผ่อนช่วงฤดูร้อน

Higurashi no Naku Koro ni อนิเมะ (ตอนพิเศษ)

[แก้]
  • บทหายนะฟื้นคืน (厄醒し編, Yakusamashi-hen)

บทนี้เป็นบทที่ถูกสร้างขึ้นจากที่ บริษัท ริวคิชิ 07 ได้ออกฉายเมื่อ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 - 3 สิงหาคม พ.ศ. 2550 โดยมีทั้งหมด 4 ตอน ด้วยกัน ซึ่งได้ขอร้องให้สร้างบทนี้ขึ้นมาเพื่อรวมรายละเอียดการวางแผนที่สำคัญที่ถูกปล่อยออกมาจาก ซี่ซั่นนแรก เพื่อผูกทั้งสองซี่ซั่นเข้าด้วยกัน ปัญหาความลับของฮินามิซาวะได้รับการแก้ไขตั้งแต่ต้นในสถานการณ์นี้ทำให้ตัวละครอื่น ๆ สามารถเข้ากันได้โดยไม่ต้องมีปัญหาเพิ่มเติม เรื่องราวถูกเล่าจากมุมมองของซาโตโกะเมื่อเธอเริ่มกังวลกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของ ริกะ มากขึ้นรวมถึงการพูดสิ่งที่มองไม่เห็น (ริกะคุยกับฮานิว) ต่อมาซาโตโกได้รับสถานการณ์ที่มีองค์ประกอบจาก บทคำสาปสังหาร และ บท Taraimawashi จากการค้นพบศพของริกะ ทำให้เธอรอดจากเหตุการณ์ก๊าซพิษปะทุ แต่เธอก็ตายในโรงพยาบาลเมื่อเธอได้รู้ความลับเบื้องหลังการฆาตกรรมของริกะ (เช่นเดียวกับกรณีของเคย์อิจิในบทคำสาปสังหาร)

  • Kamikashimashi-hen (神姦し編, God Violating Chapter)

เป็นบทที่เป็นบทพิเศษในอนิเมะและเป็นบทล่าสุดของทุกบทที่ผ่านมา ได้ออกฉายเมื่อ วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ซึ่งมีแค่ตอนเดียว แต่มีความยาวประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง และตั้งชื่ออนิเมะว่า Higurashi no Naku Koro ni Kaku (ひぐらしのなく頃に拡~アウトブレイク~, When the Cicadas Cry Expanded -Outbreak-) หลังจากนั้นก็ได้ ถูกเอาลงในเกมในชื่อ Higurashi no Naku Koro ni Hō วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557 โดยเนื้อเรื่องเล่าถึง หมู่บ้านถูกปิดตายอย่างสมบูรณ์เนื่องจากได้พบไวรัสลึกลับในปีโชวะที่ 58 โดยที่ โซโนะซากิ มิอง, มาเอบาระ เคอิจิ และ ริวงู เรนะ ได้เชื่อว่า มันคือ โรคฮินามิซาวะ จากคำสาปของท่านโอยาชิโระ หลังจากที่หมู่บ้านปิดตายในตอนกลางคืนนั้นชาวบ้านทุกคนได้เกิดอาการคุ้มคลั่งและเริ่มฆ่ากัน ทำให้เคอิจิ เพื่อนๆ และ พ่อแม่ของเขา ต้องพยายามออกจากหมู่บ้านฮินามิซาวะโดยที่ทุกคนกำลังคลุ้มคลั่งกัน

Higurashi no Naku Koro ni Gou

[แก้]

อนิเมะภาคนี้เริ่มออกอากาศในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 หรือ 7 ปีหลังจากภาค OVA (Higurashi no Naku Koro ni Kaku) และ 13 ปีหลังจากอนิเมะภาค Higurashi no Naku Koro ni Kai ก่อนฉายผู้ชมบางส่วนเชื่อว่าเป็นเพียงภาครีเมค มีทั้งสิ้น 5 บท 24 ตอนดังนี้

  • Onidamashi-hen (鬼騙し編, "Demon Deceiving Chapter")

มีความใกล้เคียงด้านการดำเนินเรื่องในช่วงแรกกับบทปีศาจลักซ่อน (Onikakushi-hen) แม้จะที่ชื่อที่คล้ายกัน แต่มีการเพิ่มเหตุการณ์ใหม่และข้อสรุปที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง รวมถึงมีตอนจบที่ต่างกัน

  • Watadamashi-hen (綿騙し編, "Cotton Deceiving Chapter")
  • Tataridamashi-hen (祟騙し編, "Curse Deceiving Chapter")
  • Nekodamashi-hen (猫騙し編, "Cat Deceiving Chapter")
  • Satokowashi-hen (郷壊し編, "Village Destroying Chapter")

ปริศนาในเรื่อง

[แก้]

เทศกาลลอยนุ่น

[แก้]

หรือที่เรียกกันในภาษาญี่ปุ่นว่า "วาตะ นะ วางิ" มาจากคำว่า "วาตะ"ที่แปลว่านุ่น และคำว่า "นางาชิ"ที่แปลว่าการลอย หรือการชำระ แต่ความหมายที่แท้จริงแล้วมากจากคำว่า "วาตะ"อีกตัวหนึ่งที่แปลว่าเครื่องใน เนื่องจากประเพณีโบราณที่ว่าบรรพบุรุษของตระกูลฟุรุเดะคือฮานิวที่เป็นยักษ์เผ่ากินคนได้แต่งงานกับเจ้าอาวาสเมื่อมีลูกสาวทำให้ถูกชาวบ้านรังเกียจจึงได้ได้ลูกสาวทำการำระบาปของตนด้วยการฆ่าและสาวใส้ในออกมาชำระล้างในแม่น้ำโอนิงะฟูจิจึงเป็นที่มาของเทศกาลลอยนุ่นที่จะนำฟูกมาชำแหละและนำไปลอยที่แม่น้ำโอนิงะฟูจิเพื่อเป็นการชำระล้างหรือสังเวยวิญญาณคนบาปเพื่อระงับความพิโรธของท่านโอยะชิโระ

ท่านโอยาชิโระ

[แก้]

ท่านโอยาชิโระ หรือ ชื่อจริงก็คือ ฟุรุเดะ ฮานิว เป็นเทพเจ้าประจำหมู่บ้านที่คนในฮินามิซาวะต่างหวาดกลัว ยามใดที่มีการตายปริศนาในฮินามิซาวะชาวบ้านมักเชื่อว่าเป็นเพราะ "คำสาปของท่านโอยาชิโระ" โดยในเทศกาลลอยนุ่นของทุกปีจะมีคนหนึ่งที่ต้องตายและอีกคนที่ต้องหายสาบสูญ แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะความคาดหวังของทาคาโนะที่จะเป็นพระเจ้า เป็นผู้กำหนดความตายของทุกคนในหมู่บ้าน จึงได้จัดการทำร้ายคนหลายคนเพื่อความสำเร็จของตนเอง

โรคฮินามิซาวะ (คำสาปของท่านโอยาชิโระ)

[แก้]

โรคฮินามิซาวะ (雛見沢症候群, Hinamizawa Shōkōgun, The Hinamizawa Syndrome) หรือที่ผู้คนในหมู่บ้านเรียกว่า "คำสาปของท่านโอยาชิโระ" ซึ่งโรคนี้ถูกค้นพบเมื่อในสมัยสงครามโลกเมื่อมีทหารผู้หนึ่งที่มาจากหมู่บ้านฮินามิซาวะ จู่ๆก็เกิดอาการคลุ้มคลั่ง เห็นภาพหลอนจนข่วนคอตัวเองจนตายในที่สุด ซึ่งในหลักการวิทยาศาสตร์พบว่า เป็นโรคสมองอินทรีย์ที่พบในหมู่บ้านฮินามิซ่าวาซึ่งมีสาเหตุไม่แน่นอนมันเกิดจากปรสิตชนิดหนึ่งซึ่งไม่ว่าจะเป็นผู้คนในหมู่บ้านหรือผู้มาเยือนจะได้รับปรสิตนี้โดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งจะเกิดอาการกำเริบเมื่อใดก็ตามที่ออกจากหมู่บ้านหรือเกิดอาการความเครียดหรือความกังวล ซึ่งในบทสันนิบาตเทศกาลได้เฉลยว่าดอกเตอร์ทาคาโนะคือคนแรกที่วิจัยโรคนี้และได้จัดลำดับอาการของโรคฮินามิซาวะเป็น เลเวล (Level) ซึ่งมีทั้งหมด 5 เลเวล โดยเริ่มต้นที่

เลเวลหนึ่งและสอง

[แก้]

จะเป็นเลเวลที่ทุกคนในหมู่บ้านจะเป็นกันซึ่งไม่มีผลกระทบใดๆเลย แต่ เลเวลจะเพิ่มขึ้นเมื่อใดก็ตามที่เกิดอาการความเครียดหรือความกังวล โดยตัวอย่างเช่น เคอิจิมีความอ่อนไหวต่อโรควิตกกังวลและความเครียดซึ่งแสดงให้เห็นว่าจะกระตุ้นการทำงานของโรคนี้ได้อย่างง่ายดาย

เลเวลสาม

[แก้]

เริ่มต้นที่ เลเวลสาม สภาพจิตใจของผู้ป่วยจะเริ่มแย่ลงและพวกเขาจะมีสภาพจิตใจและอารมณ์ไม่มั่นคงตามที่ คุณหมออิริเอะใน บทสังหารหมู่ กล่าวไว้ซึ่งซาโตโกะอยู่ในช่วงระยะสุดท้ายของเลเวลสามก่อนเริ่มการรักษา

เลเวลสี่

[แก้]

จะเกิดอาการความหวาดระแวงและเห็นภาพหลอนเริ่มปรากฏขึ้นรอบ ๆ อาการของ เลเวลสี่ เคยเกิดขึ้นเช่นเดียวในกรณีของเคอิจิในครึ่งหลังของบทปีศาจลักซ่อน

เลเวลห้า

[แก้]

ระดับที่รุนแรงมากที่สุดและเป็นเลเวลสุดท้ายของโรคฮินามิซาวะผู้คนจะเริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าของท่านโอยาชิโระและผู้ป่วยก็เริ่มใช้เล็บข่วนคอตัวเองจนตายในบางกรณีในทางจิตวิทยาสาเหตุที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการข่วนคอในคือเห็นภาพหลอนว่ามีหนอนจำนวนมากออกมาตามร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น เรนะเห็นภาพหลอนว่าข้อมือและคอของเธอมีหนอนออกมาทำให้เธอเกิดอาการหวาดกลัวอย่างสุดขีด เป็นต้น

คดีการตายลึกลับต่อเนื่อง

[แก้]

คดีการตายลึกลับต่อเนื่อง (The Series of Mysterious Deaths) ทุก ๆ ปีในเทศกาลลอยนุ่น นับจากปีโชวะที่ 54 (พ.ศ. 2522) จะมีการตายอย่างลึกลับคนนึง และ การหายสาบสูญคนนึง (เรียกอีกอย่างว่าปีศาจลักซ่อน) โดยทุกคนในหมู่บ้านเชื่อว่าเป็น "คำสาปของท่านโอยาชิโระ" โดยที่คนที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่นั้นจะเป็นผู้ที่สนับสนุนโครงการสร้างเขื่อน ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ตัวละครหลักไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังการฆาตกรรม อย่างไรก็ตามทั้งหมู่บ้านหรือบางคนในหมู่บ้านมักสงสัยครอบครัวตระกูลโซโนะซากิว่าคือคนที่ก่อเหตุนี้ขึ้น แต่แรงจูงใจเบื้องหลังการฆ่านั้นยังไม่ทราบแน่ชัด (ในบทสันนิบาตเทศกาลจะเฉลยว่าทาคาโนะและกลุ่มยามาอินุเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและบอกสาเหตุของแรงจูงใจของการสร้างเหตุการณ์ทั้งหมด) โดยการตายและหายตัวปริศนานี้เริ่มจาก

ปีโชวะที่ 54 (พ.ศ. 2522) ศาลเตี้ยฆาตกรรมหั่นศพ

[แก้]
  • สถานที่เกิดเหตุ: สถานที่ก่อสร้างเขื่อน
  • เหยื่อผู้เสียชีวิต: ผู้ควบคุมการก่อสร้างเขื่อน
  • เหยื่อผู้หายสาบสูญ: ผู้นำกลุ่มคนงานก่อสร้างเขื่อน

หนึ่งปีหลังจากที่โครงการเขื่อนหยุดลงในคืนวันเทศกาลลอยนุ่น เหตุการณ์เกิดขึ้นกับพวกของคนงานก่อสร้างเขื่อน ตามหนังสือพิมพ์ฆาตกรที่เป็นคนงานก่อสร้างที่ถูกจับไปได้บอกว่าไม่ได้ตั้งใจฆ่า และได้ถูกค้นพบว่าผู้ควบคุมการก่อสร้างเขื่อนได้โจมตีคนงานที่กำลังมีอาการโรคฮินามิซาวะ ด้วยการใช้ขวานและพลั่วต่าง ๆ คนงานห้าคนพยายามที่จะปกป้องตัวเองด้วยการต่อสู้ย้อนกลับ คนงานที่ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าผู้จัดการนั้นกลัวที่จะถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรและบางคนก็อยากกลับไปหาตำรวจ อย่างไรก็ตามผู้นำกลุ่ม หนึ่งในผู้ที่ฆ่าได้มีความคิดที่จะตัดร่างกายออกเป็นหกชิ้น หัว ลำตัว แขนขวา แขนซ้าย ขาขวา และขาซ้าย สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะผู้นำไม่ต้องการให้คนอื่นอีกห้าคนที่ฆ่าผู้จัดการรายงานต่อตำรวจ แต่ความพยายามของผู้นำไม่เป็นเนื่องจากคนงานที่ฆ่าคนหนึ่งไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาบาดแผลเขาได้รับในการต่อสู้ในคืนเดียวกันนั้นเองและเขาก็สารภาพผิดและถูกจำในเวลาต่อมา ส่วนที่เหลือของกลุ่มนั้นถูกตำรวจจับเช่นกัน แต่ผู้นำยังคงอยู่กับคนในหมู่บ้านและตำรวจก็ไม่พบแขนขวาของผู้ควบคุมการก่อสร้างเขื่อน หลังจากนั้นในบทสันนิบาตเทศกาลได้เฉลยว่า ทั้งแขนและผู้นำถูกพบโดย กลุ่มยามาอินุ ต่อมาผู้นำก็กลายเป็นตัวอย่างแรกของ ทาคาโนะ ในการวิจัยซินโดรมฮิมามิซาวะ

สำหรับผู้คนในฮินามิซาวะ เหตุการณ์นี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของ "คำสาปของท่านโอยาชิโระ" และเป็นจุดเริ่มต้นของห่วงโซ่แห่งความตายที่ลึกลับ

ปีโชวะที่ 55 (พ.ศ. 2523) อุบัติเหตุที่สวนสาธารณะชิราคาวะ

[แก้]
  • สถานที่เกิดเหตุ: สวนสาธารณะชิราคาวะ
  • เหยื่อผู้เสียชีวิต: พ่อเลี้ยงของ โฮโจ ซาโตโกะ
  • เหยื่อผู้หายสาบสูญ: แม่ของ โฮโจ ซาโตโกะ

หนึ่งปีหลังจากการฆาตกรรมหั่นศพ พ่อเลี้ยงและภรรยาตระกูล โฮโจ ผู้ให้การสนับสนุนการสร้างเขื่อน ได้ตกลงมาจากหน้าผาสูงและจมลงไปในแม่น้ำ ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นในช่วงที่พวกเขาต้องการที่จะไปพักผ่อนในช่วงเทศกาลลอยนุ่น เนื่องจากชาวบ้านที่เกลียดครอบครัวตระกูล โฮโจ รู้สึกอึดอัดใจที่จะให้เข้าร่วมงานเทศกาล ภายหลังได้พบศพของสามี แต่ไม่มีใครพบภรรยา และซาโตโกะลูกสาวของพวกเขาได้อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย หลังจากนั้นได้เปิดเผยว่าซาโตโกะเองคือคนที่ผลักพ่อแม่ของเธอลงจากหน้าผาสาเหตุมาจากได้มีอาการฮินามิซาวะระยะสุดท้ายแล้ว

ปีโชวะที่ 56 (พ.ศ. 2524) การตายปริศนาของเจ้าอาวาสและภรรยา

[แก้]
  • สถานที่เกิดเหตุ: หมู่บ้านฮินามิซาวะ
  • เหยื่อผู้เสียชีวิต: พ่อของ ฟุรุเดะ ริกะ
  • เหยื่อผู้หายสาบสูญ: แม่ของ ฟุรุเดะ ริกะ

ในปีที่สามของ "คำสาปของท่านโอยาชิโระ" ในคืนของวันเทศกาลลอยนุ่น หัวหน้าเจ้าอาวาสของศาลเจ้า ฟุรุเดะ เสียชีวิตด้วยโรคร้ายที่ไม่ทราบสาเหตุ บางคนเชื่อว่าเป็นเพราะความเครียดจำนวนมากที่ทำให้เกิดอาการหัวใจวายในทันที ส่วนภรรยาของเขาได้จมน้ำตายใน แม่น้ำโอนิงะฟุจิ โดยเชื่อว่าเป็นคำสาปของท่านโอยาชิโระ ในพื้นที่ใกล้เคียงได้พบจดหมายลาตายและรองเท้าแตะของเธอ แต่ร่างกายของเธอก็ไม่พบ บางคนเชื่อว่าพวกเขาถูกสาปเพราะนักบวชค่อนข้างนิ่งเฉยในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ประท้วงการสร้างเขื่อน และไม่ได้ส่งเสียงต่อต้านรัฐบาล แถม ครอบครัวตระกูลฟรุเดะ ได้สนิทกับ ครอบครัวตระกูลโฮโจ ผู้ให้การสนับสนุนการสร้างเขื่อน ในบทสันนิบาตเทศกาลเหตุการณ์ในปีที่สามถูกควบคุมโดย กลุ่มยามาอินุ ภายใต้คำสั่งของ ทาคาโนะ สาเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะได้คำการยืนยันจากแม่ของ ริกะ ในการถอนตัวลูกสาวของเธอออกจากการเป็นหนูทดลองเพื่อที่จะวิจัยโรคฮินามิซาวะ ส่วนหัวหน้านักบวชถูกวางยาพิษ

ปีโชวะที่ 57 (พ.ศ. 2525) คดีแม่บ้านถูกฆาตกรรม

[แก้]
  • สถานที่เกิดเหตุ: ริมถนนทางไปเมืองโอคิโนมิยะ
  • เหยื่อผู้เสียชีวิต: Hōjō Tamae
  • เหยื่อผู้หายสาบสูญ: โฮโจ ซาโตชิ

ในปีถัดไปในเทศกาลลอยนุ่น Hōjō Tamae ถูกตีจนตายด้วยไม้เบสบอล ที่กะโหลกศีรษะของเธอถูกตีอย่างรุนแรง ตำรวจสงสัยว่า ผู้ต้องสงสัยคือ โฮโจ ซาโตชิ เนื่องจาก Tamae จะทำร้ายเขาและซาโตโกะเป็นประจำ อย่างไรก็ตามสถานีตำรวจในจังหวัดใกล้เคียงรายงานว่าได้จับผู้ร้าย เป็นผู้เสพยาเสพติดที่ต้องการสร้างคำสาปขึ้นมาใหม่ แต่ในเวลาไม่นานผู้กระทำผิดได้ฆ่าตัวตายด้วยการสำลักช้อน หลังจากนั้น ซาโตชิได้หายสาบสูญไปในวันต่อมาในวันเกิดของซาโตโกะรายงานการสอบสวนแสดงให้เห็นว่าเขาถอนเงินออมทั้งหมดไปหมด มีรายงานว่ามีคนที่ดูเหมือนซาโตชิกำลังขึ้นรถไฟที่สถานีนาโกย่า โฮโจ เทปเป ซึ่งเป็นสามีของ Tamae เริ่มกลัวชีวิตของเขา เขาหนีไปโอกิโนะมิยะเพื่ออยู่กับผู้หญิงของเขา หลังจากนั้นก็ได้เปิดเผยว่าจริง ๆ แล้ว ซาโตชิ ฆ่าป้าของเขา ห้าวันหลังจากการฆาตกรรมเขาไปที่โอกิโนะมิยะเพื่อไปซื้อตุ๊กตาหมีตัวโตเพื่อเป็นของขวัญให้ ซาโตโกะ สำหรับวันเกิดของเธอและเขาก็เริ่มแสดงอาการของโรคฮินามิซาวะระยะสุดท้าย ซึ่งคุณหมออิริเอะ ได้ช่วยเขาโดยส่งเขาไปที่ห้องใต้ดินที่ คลินิกอิริเอะ เพื่อรับการรักษา

ปีโชวะที่ 58 (พ.ศ. 2526)

[แก้]
  • สถานที่เกิดเหตุ: ถนนมืดระหว่างฮินามิซาวะ และโอกิโนะมิยะ, ภูเขากิฟุ
  • เหยื่อผู้เสียชีวิต: โทมิทาเกะ จิโร่
  • เหยื่อผู้หายสาบสูญ: ทาคาโนะ มิโยะ

คำสาปปีที่ห้าก็เหมือนกับกรณีก่อน ๆ พบคนหนึ่งตายแล้วหายตัวไป ในปีนี้ โทมิทาเกะ จิโร่ ได้ข่วนคอของเขา และ ทาคาโนะ มิโยะ ได้หายสาบสูญ (เกิดขึ้นทุกบทยกเว้น บทสันนิบาตเทศกาล) โดยได้เปิดเผยว่า ทาคาโนะ ได้ให้ หน่วยยามาอินุ จับตัว โทมิทาเกะ และฉีดยาพิษที่ทำให้เกิดโรคฮินามิซาวะระยะสุดท้าย และนำศพปลอมที่ถูกเผาไปเพื่อให้ดูเหมือนว่า ทาคาโนะถูกเผาทั้งเป็น

ภัยพิบัติครั้งใหญ่ในฮินามิซาวะ

[แก้]

ภัยพิบัติครั้งใหญ่ในฮินามิซาวะ (雛見沢大災害, Hinamizawa Daisaigai, The Great Hinamizawa Disaster) หรือ GHD คือโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่มันจะเกิดขึ้นใน(เกือบ)ทุกบท ในความเชื่อของหมู่บ้านหากริกะตายหลังจาก 48 ชั่วโมง ทุกคนในหมู่บ้านจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งและฆ่ากันตายแต่แท้จริงผู้ที่ฆ่าริกะคือ ทาคาโนะ (เฉลยในบทสังหารหมู่ และบอกสาเหตุที่ทำลงไปในบทสันนิบาตเทศกาล) หลังจากนั้นก็ได้ให้หน่วยยามาอินุ ลอบฆ่าทุกคนในหมู่บ้าน และได้สร้างข่าวปลอมว่าเกิดก๊าซภูเขาไฟปะทุ ซึ่งในทุกบท หนึ่งในสี่คนของพวกเพื่อนๆเคอิจิ (รวมถึงเขาด้วย) จะมีคนเดียวที่รอดจากหมู่บ้าน (ยกเว้นบทสังหารหมู่เท่านั้นที่ไม่มีใครรอด) โดยเนื้อเรื่องก็ได้สรุปอีกด้วยว่าความเชื่อของหมู่บ้านหากริกะทุกฆ่าตายทุกคนในหมู่บ้านจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งนั้นเป็นเรื่องไม่เป็นความจริง โดยดูจากบทสืบคดีเนื่องจาก ริกะได้ฆ่าตัวตายด้วยมีดเพื่อหนีความทรมานจากชิอง และริกะได้ตายหลังจาก 48 ชั่วโมงแล้วแต่กลับไม่เกิดเหตุการณ์ที่กล่าวมาเลย

เฟรเดอริก้า เบิร์นคาสเทล

[แก้]

เฟรเดอริก้า เบิร์นคาสเทล (フレデリカ ベルンカステル, Frederica Bernkastel) เป็นตัวละครลับที่ปรากฏตัวเพียงครั้งเดียวในช่วงต้นของบทสังหารหมู่และบทสันนิบาตเทศกาลในตอนท้ายของบท ในตอนท้ายของบทสันนิบาตเทศกาลเธอได้เปลี่ยนแปลงชะตากรรมของทาคาโนะตอนที่เธอยังเด็กโดยการทำให้พ่อแม่ของเธอรอดจากอุบัติเหตุ เฟรเดอริก้าจะมีหน้าตาที่ค่อนข้างคล้าย ฟุรุเดะ ริกะ หลังจากเหตุการณ์ของเรื่องยามเมื่อเหล่าจักจั่นกรีดร้อง ในเกมนิยายภาพเรื่อง อุมิเนะโกะโนะนะกุโคะโระนิ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นที่สองของบริษัท 07th expansion ได้มีตัวละครหนึ่งชื่อว่า เบิร์นคาสเทล ซึ่งเป็นแม่มด โดยเนื้อเรื่องจะไม่เฉลยว่าเธอคือ เฟรเดอริก้า เบิร์นคาสเทล หรือไม่ แต่ได้มี ทฤษฎีที่กล่าวว่า เฟรเดอริก้า นั้นถ้าหากอ่านในภาษาญี่ปุ่นจะคล้ายคำว่า ฟุรุเดะ ริกะ ซึ่งตอนจบของ บทสังหารลูกเต๋า ริกะได้ตัดความที่ตัวเองเหมือนแม่มดออกไปเพราะเธอเอาแต่ฝืนชะตากรรมตลอดเพราะไม่อยากตาย เธออยากที่จะกลับเป็นเหมือนมนุษย์ทั่วๆไป ทำให้ เฟรเดอริก้า เบิร์นคาสเทล ได้ตัดชื่อคำว่า เฟรเดอริก้าออกไป และเหลือแต่คำว่า เบิร์นคาสเทล เท่านั้น

การตอบรับ

[แก้]

ยามเมื่อเหล่าจักจั่นกรีดร้อง ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศญี่ปุ่น ผู้ติดตามหลายคนกล่าวว่าความสำเร็จของเกมนั้น เกิดจากความน่ากลัวและระทึกขวัญที่เกมสามารถถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังมีปริศนาจำนวนมากที่ตัวเกมไม่ได้ให้คำตอบที่ตายตัว เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ขบปริศนาด้วยตัวเอง ทำให้ผู้เล่นหลายกลุ่มรวมตัวกันสร้างกระดานสนทนาทางอินเทอร์เน็ตเพื่อแลกเปลี่ยนและถกเถียงทฤษฎีที่อธิบายเหตุการณ์ในเกม ความนิยมได้ทวีขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อนิตยสารเกมใหญ่ๆ ตีพิมพ์บทความชื่นชมเนื้อเรื่องและบทของเกม

อ้างอิง

[แก้]
  1. "รายชื่อหนังสือการ์ตูน". SIC. 8 เมษายน 2555.[ลิงก์เสีย]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]
Wikiquote
Wikiquote
วิกิคำคมภาษาอังกฤษ มีคำคมที่กล่าวโดย หรือเกี่ยวกับ: Higurashi_no_Naku_Koro_ni

เว็บไซต์ทางการ

[แก้]

เว็บไซต์ผู้ติดตามผลงาน

[แก้]