เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ | |
---|---|
เจ้าหญิงศรีสุริยธรรมาเทวี เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ เจ้าหญิงมโหย่ติ | |
พระฉายาลักษณ์เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ หรือ เจ้าหญิงมโหย่ติ | |
เจ้าหญิงแห่งพม่า | |
ประสูติ | พ.ศ. 2408 มัณฑะเลย์ อาณาจักรโก้นบอง |
สวรรคต | พ.ศ. 2495 ย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า (พระชนมายุ 87 พรรษา) |
พระราชสวามี | เจ้าชายกอว์ลิ่น |
เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ เจ้าหญิงมโหย่ติ | |
ราชวงศ์ | โก้นบอง |
พระราชบิดา | พระเจ้ามินดง |
พระราชมารดา | เจ้าจอมมารดาทยาสิ่น |
เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ (Princess of Taingda [Tineta]; พ.ศ. 2408 - พ.ศ. 2495) ทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์โก้นบอง ทรงมีพระนามเดิมคือ เจ้าหญิงศรีสุริยธรรมาเทวี (Sri Suriya Dharma Devi) เจ้าหญิงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าหญิงเต่งกะด๊ะเมื่อแรกประสูติ ก่อนที่พระราชบิดาจะเปลี่ยนบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าหญิงมโหย่ติ (Princess of Myothit)
พระประวัติ[แก้]
สมัยราชอาณาจักร[แก้]
เจ้าหญิงศรีสุริยธรรมาเทวี หรือ เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ ทรงเป็นพระราชธิดาลำดับที่ 63 ของพระเจ้ามินดง[1] ซึ่งประสูติแต่เจ้าจอมมารดาทยาสิ่น ณ พระราชวังหลวง กรุงมัณฑะเลย์ ในปีพ.ศ. 2408 ทรงมีพระเชษฐภคินีร่วมบิดามารดา 1 พระองค์ และพระขนิษฐาร่วมบิดามารดา 1 พระองค์ ได้แก่
- เจ้าหญิงนองมอญ (พ.ศ. 2402 - หลัง พ.ศ. 2464)
- เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ
- เจ้าหญิงเมงหลง (พ.ศ. 2410 - พ.ศ. 2441)
เจ้าหญิงทรงเป็นพระราชธิดาที่ประสูติภายในเศวตฉัตร เจ้าหญิงทรงได้รับพระราชทานศักดินา "เต่งกะด๊ะ" (Taingda) จากพระเจ้ามินดง และกลายเป็นพระนามที่เรียกขานกันว่า "เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ"[2] ต่อมา พ.ศ. 2409 พระเจ้ามินดงทรงเปลี่ยนศักดินาของเจ้าหญิงจาก "เต่งกะด๊ะ" เป็น "มโหย่ติ" (Myothit) ดังนั้นจึงมีสถานะเป็น "เจ้าหญิงมโหย่ติ"
ในปีพ.ศ. 2421 ขณะทรงมีพระชนมายุราว 13 พรรษา พระเจ้ามินดง พระราชบิดาได้เสด็จสวรรคต เจ้าหญิงมโหย่ติทรงเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ที่รอดพ้นการปลงพระชนม์หมู่ในเหตุการณ์รัฐประหารวังหลวงพม่า พ.ศ. 2421 - 2422 ที่ดำเนินการโดยพระนางซินผิ่วมะฉิ่น พระมเหสีตำหนักกลางในพระเจ้ามินดง และอัครมหาเสนาบดีในพระเจ้ามินดง คือ เกงหวุ่นมินจี ซึ่งเป็นพันธมิตรของพระนางซินผิ่วมะฉิ่น และเต่งกะด๊ะมินจี เสนาบดีผู้มีอิทธิพลในสภาลุดต่ออีกคนหนึ่ง[3] การก่อรัฐประหารครั้งนี้เพื่อเปิดทางให้พระเจ้าธีบอ กษัตริย์พระองค์ใหม่ขึ้นสู่ราชบัลลังก์โก้นบองได้อย่างมั่นคง เหล่าพระเชษฐา อนุชาและพระภคินีต่างมารดาของเจ้าหญิงมโหย่ติที่มีสิทธิในราชบัลลังก์และอิทธิพลสูงในราชสำนักต่างถูกปลงพระชนม์ เจ้าหญิงมโหย่ติ และพระราชธิดาอีกสองพระองค์ของพระเจ้ามินดงที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาทยาสิ่น ไม่ได้ถูกปลงพระชนม์ อาจเป็นเพราะพระนางซินผิ่วมะฉิ่นเห็นว่าไม่ได้มีอิทธิพลอะไรในราชสำนัก และต่างยังเยาว์พระชันษา
เจ้าหญิงทั้งสามและเจ้าจอมมารดาทยาสิ่นประทับในพระราชวังหลวงอย่างสงบ ไร้ซึ่งบทบาทในราชสำนัก ภายใต้การปกครองของพระเจ้าธีบอและพระนางศุภยาลัต พระมเหสีในพระเจ้าธีบอ ช่วงนี้พม่ากำลังเผชิญภัยคุกคามจากจักรวรรดินิยมอังกฤษ ราชอาณาจักรล่มสลายลงโดยพระเจ้าธีบอทรงครองราชย์ได้เพียง 7 ปีเท่านั้น พระองค์ทรงพ่ายแพ้ในสงครามพม่า-อังกฤษครั้งที่สาม กองทัพอังกฤษได้บุกเข้าพระราชวังมัณฑะเลย์เพื่อเรียกร้องให้พระเจ้าธีบอทรงยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไขภายใน 24 ชั่วโมง[4] และบีบบังคับให้พระเจ้าธีบอสละราชบัลลังก์ พระองค์พร้อมพระราชินีศุภยาลัตและพระราชธิดาทรงถูกเนรเทศไปยังอินเดียในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2428
หลังสมัยราชอาณาจักร[แก้]
หลังจากที่สถาบันกษัตริย์ล่มสลาย และพม่าอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ เจ้าหญิงทรงได้รับอนุญาตให้ประทับอยู่ในพม่า ไม่ต้องถูกเนรเทศ เจ้าหญิงเมงหลง พระขนิษฐาได้เสกสมรสกับเจ้าชายกอว์ลิ่น หนึ่งในพระโอรสของพระเจ้ามินดง ซึ่งมีพระชนมายุคราวเดียวกับเจ้าหญิงเมงหลง ทั้งคู่เสกสมรสในวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2437 และได้ย้ายไปพำนักที่ย่างกุ้ง ทรงมีพระธิดาร่วมกันสองพระองค์ แต่เจ้าหญิงเมงหลงได้สิ้นพระชนม์หลังมีพระประสูติกาลพระธิดาองค์ที่สอง ในปี พ.ศ. 2441 เจ้าหญิงมโหย่ติที่เสด็จมาประทับด้วยจึงต้องดูแลพระธิดาทั้งสองของพระขนิษฐา และในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2445 เจ้าหญิงมโหย่ติได้เสกสมรสกับเจ้าชายกอว์ลิ่น พระสวามีของพระขนิษฐา ณ ย่างกุ้ง ทั้งสองพระองค์ไม่มีบุตรร่วมกัน
เจ้าหญิง พระสวามีและพระธิดาเลี้ยงประทับร่วมกันที่ย่างกุ้ง เจ้าหญิงมะข่อง พระธิดาเลี้ยงองค์โต สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2462 เจ้าหญิงนองมอญ พระเชษฐภคินีสิ้นพระชนม์ในปีพ.ศ. 2464 เจ้าชายกอว์ลิ่น พระสวามีได้สิ้นพระชนม์ในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466 เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ หรือ เจ้าหญิงมโหย่ติ จึงทรงประทับอยู่กับพระธิดาเลี้ยงองค์ที่สอง คือ เจ้าหญิงมะซู และครอบครัวในย่างกุ้ง
เจ้าหญิงประทับอยู่ในย่างกุ้งเรื่อยมา พระชนมายุที่ยืนยาวทำให้ทรงผ่านพ้นเหตุการณ์สำคัญทั้งสงครามโลกครั้งที่สองที่ก่อให้เกิดการยึดครองพม่าของญี่ปุ่น เหตุการณ์ความตกลงเวียงปางหลวงในปีพ.ศ. 2490 และการประกาศอิสรภาพของพม่าในปี พ.ศ. 2491 เจ้าหญิงเต่งกะด๊ะ หรือ เจ้าหญิงมโหย่ติ สิ้นพระชนม์อย่างสงบ ณ ย่างกุ้ง ในปีพ.ศ. 2495 สิริพระชนมายุ 87 พรรษา
อ้างอิง[แก้]
- ↑ http://www.royalark.net/Burma/konbau18.htm
- ↑ http://www.royalark.net/Burma/konbau18.htm
- ↑ H. Fielding (สุภัตรา ภูมิประภาส แปล), "ราชินีศุภยาลัต จากนางกษัตริย์สู่สามัญชน", กรุงเทพฯ:มติชน pp. 49; published 2015; ISBN 978-974-02-1439-7
- ↑ Synge, M.B. (1911). "Annexation of Burma". Growth of the British Empire.