หลี่ ซิ่น

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หลี่ซิน
Li Xin
แม่ทัพ
เกิดไม่ทราบ
ถึงแก่กรรมไม่ทราบ
บิดาหลี่เหยา
อาชีพขุนศึก
ตำแหน่งแม่ทัพ

หลี่ซิน (Li Xin) (จีน: 李信) แม่ทัพใหญ่แห่งรัฐฉินในช่วงยุครณรัฐ เคียงข้างหวังเจี่ยน หวังเปิน เหมิงเถียน และคนอื่นๆ เขาเป็นหนึ่งในแม่ทัพคนสำคัญและมีส่วนในการช่วยฉินฉื่อหฺวังตี้หรือฉินอ๋อง จนสามารถรวบรวมแผ่นดินทั้งหกเป็นปึกแผ่น

นอกจากนี้เขายังเป็นบรรพบุรุษรุ่นที่ 5 ของแม่ทัพคนสำคัญในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก เจ้าของสมญานาม แม่ทัพเหินหาว หลี กวั่ง และจักรพรรดิของ ราชวงศ์ถัง ทุกพระองค์

ประวัติ[แก้]

หลี่ซิ่นมีชื่อทางการว่า "โหย่วเฉิง" เขารับราชการเป็นขุนศึกในช่วง (ศตวรรษที่ 5 - 221 ปีก่อนคริสตกาล) เขามาจากเมืองฮวยลี่ (ปัจจุบันคือเมืองซิงผิง มณฑลส่านซี) พ่อของเขาชื่อหลี่เหยา (李瑤) เป็นเจ้าเมืองหนานจวิ้น และเป็นขุนนางจากเขตหลินเทา

ในช่วง 228 ปีก่อนคริสตกาล หลี่ซิ่นได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพภายใต้กองบัญชาการสูงสุดของหวังเจี่ยน ซึ่งในขณะนั้นมีการรบทำศึกกับรัฐจ้าว หลี่ซิ่นเดินทัพจากเมืองไท่หยวนรวมพลกับทัพของหวังเจี่ยนเพื่อล้อมกองทัพรัฐจ้าว และทำการปิดล้อมเมืองหานตาน (邯郸) เมืองหลวงของ รัฐจ้าว รัฐจ้าวไม่อาจต้านทานกองทัพที่แข็งแกร่งของทั้งหวังเจี่ยนและหลี่ซินได้ และในที่สุดการรบก็สิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของรัฐจ้าว

หลังจากชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์นี้ ฉินอ๋องได้มีคำสั่งต่อเนื่องให้กองทัพฉิน นำโดยหวังเจี่ยน เดินทัพไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อโจมตีเมืองจี้เฉิง เมืองหลวงของรัฐเยียน (ปัจจุบันคือเมืองปักกิ่ง) ถึงแม้ว่ารัฐเยียนจะนำกองกำลังออกมาปกป้องตามชายแดนและแม่น้ำขนาดไหนก็ไม่สามารถต่อกรกับกองทัพของฉินได้ เมื่อกองทัพของหวังเจี่ยนมาถึงเมืองจี้เฉิง พระเจ้าซี อ๋องแห่งรัฐเยียน (燕王喜) และองค์ชายไท่จื่อตันผู้เป็นรัชทายาท ได้ตัดสินใจนำกองทัพเยียนตีฝ่าวงล้อมของฉินซึ่งล้อมเมืองจี้เฉิง และนำไพร่หลบหนีไปยังคาบสมุทรเหลียวตงไกลออกไปทางทิศตะวันออก แต่เมื่อฉินอ๋องทราบถึงการหนีไปของพระเจ้าซีและองค์ชายไท่จื่อตัน จึงได้มีคำสั่งด่วนให้หลี่ซิ่นนำกองทัพไล่ล่าตัวทั้งคู่ให้สำเร็จ หลีซิ่นนำกองทัพไล่ล่ากองทัพของพระเจ้าซีและองค์ชายไท่จื่อตันอย่างรวดเร็วและกำราบกองทัพท้ายสุดขององค์ชายไท่จื่อตันลงได้ พระเจ้าซี อ๋องแห่งรัฐเยียน หวาดกลัวกองทัพหลี่ซิ่นที่ไล่ตามมา จึงได้ปรึกษากับจ้าวเจีย ราชนิกูลของรัฐจ้าวที่พึ่งล่มสลายไป จึงได้รับรู้ว่าสาเหตุที่ฉินอ๋องกริ้วหนักถึงขนาดให้กองทัพฉินมาบุกโจมตีรัฐเยียน และส่งหลี่ซิ่นมาไล่ล่าตนและรัชทายาทนั้น เป็นเพราะเจ้าชายไท่จื่อตันเคยแอบส่งมือสังหารจิงเคอไปลอบสังหารฉินอ๋องแต่กระทำไม่สำเร็จ หากอยากรอดชีวิตก็มีทางเดียวคือมอบศีรษะขององค์ชายไท่จือตันให้แก่ฉินอ๋องเพื่อขอขมา ซึ่งอาจทำให้ฉินอ๋องหายกริ้วลงบ้าง แต่ถึงกระนั้นพระเจ้าซีก็ไม่สามารถที่จะทำใจสังหารบุตรของตนตามคำแนะนำนั้นได้ ขณะที่พระเจ้าซีหารือเรื่องดังกล่าวกับข้าราชบริพารอยู่นั้น องค์ชายไท่จื่อตันรู้ตัวว่าตนจะถูกประหารจึงรีบหนีออกจากที่พัก เมื่อพระเจ้าซีรู้ว่าองค์ชายไท่จื่อตันหนีไป อีกทั้งหลี่ซิ่นกำลังจะบุกมาสังหารตน จึงได้รีบหารือกับข้าราชบริพารและวางอุบายหลอกล่อให้องค์ชายกลับมา แล้วสั่งให้ทหารจับตัวและประหารองค์ชายไท่จือตัน ส่งมอบศรีษะไท่จือตันกับมือของหลี่ซิ่น พร้อมด้วยราชสาส์นขอชีวิตตัวเองและข้าราชบริพารไว้ หลี่ซิ่นได้ทำการส่งมอบศีรษะของไท่จือตันกลับไปยังเซียนหยาง เมืองหลวงของรัฐฉิน ฉินอ๋องได้เห็นดังนั้นแล้วจึงพอพระทัย

หลายปีต่อมา รัฐฉิน พิชิตรัฐอื่นไปได้หลายรัฐ ฉินฉื่อหฺวังตี้ หรือ ฉินอ๋อง จึงได้ตัดสินใจวางแผนที่จะพิชิต รัฐฉู่ ทางตอนใต้ให้สำเร็จ ในช่วงเตรียมการรบ ฉินอ๋องมั่นหมายให้หวังเจี่ยนนำทัพไปกำราบ รัฐฉู่ให้สิ้น แต่หวังเจี่ยนขอกำลังพลทหารมากกว่า 600,000 นาย ถึงจะยอมนำทัพไป ด้วยเหตุนี้ทำให้ฉิงอ๋องเริ่มลังเลใจ เพราะลี้พลจำนวน 600,000 นายต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการเคลื่อนทัพและดูแลไพร่พล ฉิงอ๋องจึงได้คิดแผนใหม่เนื่องจากเห็นว่าแผนการของหวังเจี่ยนต้องใช้จำนวนไพร่พลมาก อีกทั้งหวังเจี่ยนแก่ชราลงมาก ความกล้าหาญก็เริ่มน้อยลงตามอายุ จึงได้หันมาสอบถามหลี่ซิ่น ซึ่งเป็นแม่ทัพที่หนุ่มกว่าและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ฉินอ๋องได้สอบถามหลี่ซิ่นว่าจำเป็นต้องใช้ทหารกี่นาย ถึงจะโค่นล้ม รัฐฉู่ ลงได้ ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมเนื่องจากได้เอาชนะศึกทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาได้ ทำให้หลี่ซินทูลกับฉินอ๋องว่า ขอแค่ทหาร 200,000นาย ก็เป็นที่เพียงพอที่จะโค่นล้ม รัฐฉู่ แต่ทว่า หวังเจี่ยน ไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวของหลี่ซิ่น หวังเจี่ยนเห็นว่า รัฐฉินควรใช้ทหารมากกว่า 600,000 นาย ถึงจะเพียงพอที่จะโค่นล้ม รัฐฉู่ แต่ทว่าฉิงอ๋องเลือกที่จะเชื่อใจหลี่ซิ่นในครั้งนี้จึงตัดสินใจให้ หลี่ซินเป็นจอมทัพนำกำลังพลกว่า 200,000 นายเข้าโจมตี รัฐฉู่ และมีรองแม่ทัพคือ เมิ่งอู่ (บางตำรากล่าวว่าเป็นเมิ่งเถียนบุตรของเมิ่งอู่เป็นรองแมทัพ) หลี่ซินแบ่งกองทัพออกเป็นสองกลุ่ม หลี่ซิ่นนำทัพ 100,000 บุกโจมตีจากทางใต้ของเมืองหนานจวิ้น อีกทางให้เมิ่งอู่นำทัพอีก 100,000 บุกโจมตีทางตะวันออกเฉียงใต้ของหนานจวิ้น กองทัพรัฐฉิน ไล่ตีกองทัพรัฐฉู่แตกพ่ายยับเยิน จนกระทั่ง อ๋องแห่งฉู่เห็นท่าไม่ดี จึงได้ส่งยอดแม่ทัพ แห่ง รัฐฉู่ นามว่า เซี่ยงเหยี่ยน ยกทัพมาต่อกรกับกองทัพฉินในศึกครั้งนี้

ขณะที่หลี่ซิน และ เมิ่งอู่ กำลังได้ใจและรุกไล่กองทัพของฉู่มาเรื่อยๆ เซี่ยงเหยี่ยนก็ได้ใช้กลศึกหลอกล่อให้ หลี่ซิน และ เมิ่งอู่ รุกไล่ตามตนมา โดยได้มีการส่งกำลังทหารไปวางตั้งทัพรอที่เมืองหนานจวิ้นข้างหลังทัพฉิน และ เกลี้ยกล่อมให้ ชางผิงจวิน ราชนิกูลแคว้นฉู่ซึ่งเป็นถึงอัครมหาเสนาบดี รัฐฉิน ที่อยู่ในเมืองหนานจวิ้น ณ เวลานั้น เห็นแก่บ้านเกิด หักหลังแคว้นฉิน ชางผิงจวินได้ตัดสินใจหักหลังรัฐฉิน และคิดกลอุบายก่อการขึ้นในแนวหลังกองทัพฉินจนปั่นป่วน เมื่อหลี่ซิ่นทราบข่าวที่ ชางผิงจวินทรยศ จึงเจ็บใจอย่างมาก ด้วยความตกใจและด้วยโทสะจึงนำทัพวนกลับมายังแนวหลังกองทัพฉินหลายวันหลายคืนไม่ได้พัก เซี่ยงเหยี่ยนเห็นทหารฉินเหนื่อยล้าจากการเดินทางจึงได้ปลุกใจกองทัพฉู่ว่าหนานจวิ้น เมืองหลวงเก่าของแคว้นฉู่ ได้กลับคืนสู่แคว้นฉู่อีกครั้ง ทหารฉู่มีกำลังใจฮึกเหิม ไล่สังหารทหารฉินที่เหนื่อยล้าเป็นจำนวนมาก กองทัพ 200,000 คนของหลี่ซิ่นพ่ายแพ้หมดรูป ขุนพลใหญ่ทัพฉินตายในที่รบ 7 คน แถมเสียหนานจวิ้นให้แก่ รัฐฉู่ ด้วย หลี่ซิ่นได้ถอยทัพกลับมายัง รัฐฉิน อย่างอดสู เมื่อฉินอ๋องทราบเรื่องจึงได้คิดหาวิธีในการแก้ปัญหานี้โดยการไปอ้อนวอนของให้ หวังเจี่ยน กลับมานำทัพอีกครั้ง หวังเจี่ยนตัดสินใจอยู่นาน แต่สุดท้ายก็รับหน้าที่นำทัพไปบุก รัฐฉู่ โดนนำกองกำลังไพร่พลกว่า 600,000 นาย ไปบุกโจมตี รัฐฉู่ โดยมีรองแม่ทัพคือ เมิ่งอู่ ในศึกสุดท้ายกับ รัฐฉู่ เซี่ยงเหยี่ยนถูกสังหารโดน เมิ่งอู่ และ ชางผิงจวิน (ในตอนนั้นได้กลับมาเป็นอ๋ององค์สุดท้ายของรัฐฉู่) ก็สิ้นชีวิต ณ ศึกครั้งนี้ ทำให้ รัฐฉู่ ได้ล่มสลายในที่สุด

แม้จะพ่ายแพ้ในศึกกับ รัฐฉู่ แต่หลี่ซิ่นก็รอดพ้นจากการถูกประหารอย่างเหลือเชื่อ แถมยังได้รับโอกาสแก้ตัวในการนำทัพ คู่กับแม่ทัพอีกคนนามว่า หวังเปิน (บุตรชายของหวังเจี่ยน) ในยุทธการณ์ถล่ม รัฐฉี และพิชิต รัฐไต้ ที่จ้าวเจียราชนิกูลแคว้นจ้าวหลบหนีไปตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นอยู่ ในยุทธการณ์ครั้งนี้ทำให้สามารถจับตัว จ้าวเจียราชนิกูลรัฐจ้าว และ อ๋องแห่ง รัฐฉี ได้สำเร็จ โดยรัฐฉีเป็น รัฐสุดท้ายที่ถูกฉินโค่นล้ม ในที่สุด รัฐฉิน ก็สามารถร่วมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียว ใน 221 ปี ก่อนคริสตกาล เป็นปีที่ 26 ในรัชสมัยของ ฉินฉื่อหฺวังตี้

สำหรับความสำเร็จในครั้งนี้ เขาได้รับปูนบำเหน็จโดยให้ตำแหน่งเป็นขุนนางใหญ่ปกครองดินแดนแทบเมืองหลงซี (ปัจจุบันคือ มณฑลกานซู )

หลังสงคราม[แก้]

หลังจบสงครามการรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งแล้ว เขาได้เกษียณและถูกส่งตัวให้ไปอยู่เมืองหลงซี (ปัจจุบันคือ กานซู) และได้รับรางวัลเป็นตำแหน่งขุนนางใหญ่ปกครองเมือง และ ที่ดินรวมทั้งทรัพย์สินจำนวนมากจากฉินอ๋อง

อ้างอิง[แก้]

  1. Sima Qian. Records of the Grand Historian (Shiji).
  2. Loewe, Michael (2000), A Biographical Dictionary of the Qin, Former Han and Xin Periods (221 BC - AD 24) (Handbook of Oriental Studies, 16), Brill Academic Pub, ISBN 9004103643