ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปูม้า"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 15: | บรรทัด 15: | ||
|synonyms = *''Cancer pelagicus'' <small>Linnaeus, 1758</small> |
|synonyms = *''Cancer pelagicus'' <small>Linnaeus, 1758</small> |
||
}} |
}} |
||
'''ปูม้า''' ({{ชื่อวิทยาศาสตร์|Portunus armatus}} อดีตคือ ''Portunus pelagicus'' |
'''ปูม้า''' ({{ชื่อวิทยาศาสตร์|Portunus armatus}} อดีตคือ ''Portunus pelagicus''<ref>{{cite book|last=Craig|first=John F.|title=Freshwater Fisheries Ecology|url=https://books.google.com/books?id=ppdmCwAAQBAJ&pg=PA57|accessdate=2 November 2017|date=2016-01-12|publisher=Wiley|isbn=9781118394403|pages=57–}}</ref>) จัดเป็น[[ปู]]ที่อาศัยอยู่ใน[[ทะเล]][[สปีชีส์|ชนิด]]หนึ่ง ที่อยู่ใน[[สกุล (ชีววิทยา)|สกุล]] ''[[Portunus]]'' ซึ่งพบทั้งหมด 90 ชนิดทั่ว[[โลก]] และพบในน่านน้ำ[[ไทย]]ราว 19 ชนิด<ref>{{cite web|url=http://www.crab-trf.com/horse_crab.php|title= ปูม้า|work=crab-tef}}</ref> |
||
== ลักษณะ == |
== ลักษณะ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:14, 29 พฤศจิกายน 2561
ปูม้า | |
---|---|
ปูม้าตัวผู้ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Arthropoda |
ไฟลัมย่อย: | Crustacea |
ชั้น: | Malacostraca |
อันดับ: | Decapoda |
อันดับฐาน: | Brachyura |
วงศ์: | Portunidae |
สกุล: | Portunus |
สปีชีส์: | P. armatus |
ชื่อทวินาม | |
Portunus armatus (Linnaeus, 1758) | |
ชื่อพ้อง | |
|
ปูม้า (ชื่อวิทยาศาสตร์: Portunus armatus อดีตคือ Portunus pelagicus[1]) จัดเป็นปูที่อาศัยอยู่ในทะเลชนิดหนึ่ง ที่อยู่ในสกุล Portunus ซึ่งพบทั้งหมด 90 ชนิดทั่วโลก และพบในน่านน้ำไทยราว 19 ชนิด[2]
ลักษณะ
ลักษณะทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนตัว, อก และท้อง ส่วนหัวและอกจะอยู่ติดกัน มีกระดองหุ้มอยู่ตอนบน ทางด้านข้างทั้งสองของกระดองจะเป็นรอยหยักคล้ายฟันเลื่อยเป็นหนามแหลมข้างละ 9 อัน ขามีทั้งหมด 5 คู่ด้วยกัน คู่แรกเปลี่ยนแปลงไปเป็นก้ามใหญ่เพื่อใช้ป้องกันตัวและจับอาหาร ขาคู่ที่ 2, 3 และ 4 จะมีขนาดเล็กปลายแหลมใช้เป็นขาเดิน ขาคู่สุดท้ายตอนปลายมีลักษณะเป็นใบพายใช้ในการว่ายน้ำ ขนาดกระดองสามารถโตเต็มที่ได้ราว 15–20 เซนติเมตร
การกระจายพันธุ์
สำหรับปูม้าในประเทศไทยสามารถพบได้แทบทุกจังหวัดทั้งฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย โดยอาศัยอยู่บริเวณปากแม่น้ำและแถบชายฝั่งทะเล หากินในเวลากลางคืน โดยจะฝังตัวอยู่ใต้พื้นทราย แล้วโผล่มาแค่ลูกตา จะพบได้ในระดับน้ำลึกที่ตื้นกว่า 40 เมตร พบได้ชุกชุกชุมที่ระดับ 7–30 เมตร
การขยายพันธุ์
ปูม้าตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะแตกต่างกันที่จับปิ้งและสี ตัวผู้มีก้ามยาวเรียวกว่า มีสีฟ้าอ่อนและมีจุดขาวตกกระทั่วไปบนกระดองและก้าม พื้นท้องเป็นสีขาว จับปิ้งเป็นรูปสามเหลี่ยมเรียวสูง ตัวเมียจะมีก้ามสั้นกว่ากระดองและก้ามมีสีฟ้าอมน้ำตาลอ่อนและมีจุดขาวประทั่วไปทั้งกระดองและก้าม เมื่อถึงฤดูกาลวางไข่ ปูม้าตัวเมียจะมีไข่ติดอยู่บริเวณระยางค์ซึ่งเคยเป็นขาว่ายน้ำในระยะวัยอ่อน โดยในระยะแรกไข่จะอยู่ภายในกระดองต่อมากระดองทางหน้าท้องเปิดออกมาทำให้สามารถเห็นไข่ชัดเจน จึงมักเรียกปูม้าในระยะนี้ว่าปูม้าที่มีไข่นอกกระดอง ไข่นอกกระดองนี้ในขณะที่เจริญแบ่งเซลล์อยู่ภายในเปลือกไข่ สีของไข่จะค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีเหลืองอมส้มเป็นสีเหลืองปนเทา สีเทาและสีเทาอมดำ ปูม้าที่มีไข่สีเทาอมดำนั้นจะวางไข่ภายใน 1–2 วัน วางไข่ได้ตลอดทั้งปี ตัวหนึ่งมีไข่ได้ถึง 120,000–1,300,000 ฟอง มีระยะเวลาการผสมพันธุ์นานถึง 12 วัน หลังผสมพันธุ์ ตัวผู้จะยังเกาะหลังตัวเมียต่อไปอีก 2 วัน
ความสำคัญทางเศรษฐกิจ
ปูม้า นับเป็นปูอีกชนิดหนึ่งที่มนุษย์ใช้ปรุงเป็นอาหารเช่นเดียวกับปูดำ (Scylla serrata) หรือปูทะเล โดยใช้ปรุงได้ทั้งอาหารยุโรป, อาหารจีน, อาหารญี่ปุ่นและอาหารไทย สำหรับอาหารไทยนั้นยังอาจปรุงเป็นส้มตำปูม้าได้อีกด้วย
ปูม้า จึงเป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่หน่วยงานภาครัฐ คือ กรมประมงได้ทำการเพาะขยายพันธุ์ในที่เลี้ยงและส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไทยเลี้ยงในเชิงพาณิชย์[3] เช่น ที่จังหวัดกระบี่ เป็นต้น[4]
อ้างอิง
- ↑ Craig, John F. (2016-01-12). Freshwater Fisheries Ecology. Wiley. pp. 57–. ISBN 9781118394403. สืบค้นเมื่อ 2 November 2017.
- ↑ "ปูม้า". crab-tef.
- ↑ "การเพาะเลี้ยงปูม้า". กรมประมง.
- ↑ ""ปูม้า" อาชีพยั่งยืนของคนบ้านติงไหร". pamame.