ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คทาแอสคลีเพียส"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Oliver (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Miwako Sato (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
[[ไฟล์:Rod of Asclepius2.svg|thumb|left|100px|คทา หรือไม้เท้าของอัสคลิปิอุสที่มีงูพันรอบ]]
[[ไฟล์:Rod of Asclepius2.svg|thumb|left|100px|คทา หรือไม้เท้าของแอสคลีเพียสที่มีงูพันรอบ]]


'''คทาแอสคลีเพียส''' (Rod of Asclepius) หรือไม้เท้าของแอสคลีเพียส เป็นคทาของเทพ[[แอสคลีเพียส]] ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการแพทย์และการรักษาในตำนาน[[เทพปกรณัมกรีก]] คทาแอสคลีเพียสใช้เป็นสัญญลักษณ์ที่แสดงถึงการแพทย์และการรักษามาจนปัจจุบัน แต่ยังมีการใช้สับสนกันระหว่างคทาของแอสคลีเพียสและคทาของ[[เฮอร์มีส]] ที่ชื่อว่า [[คทางูไขว้|คาดูเซียส]]<ref>[https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4190767/#b1 Medical Symbols in Practice: Myths vs Reality]</ref>


ตามตำนานเทพปกรณัมกรีก แอสคลีเพียส ซึ่งมีสถานะ[[มนุษย์ครึ่งเทพ|ครึ่งเทพครึ่งมนุษย์]] ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการแพทย์และการรักษา จะมีคทาประจำตัวอันหนึ่ง มีลักษณะเป็นแท่งและมักจะมีงูหนึ่งตัวพันเกลียวรอบคทาเป็นสัญญลักษณ์ แต่ในบางครั้งอาจจะพบว่างูไม่ได้พันเกลียวรอบ แต่มักจะอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
'''คทาอัสคลิปิอุส''' (Rod of Asclepius) หรือไม้เท้าของอัสคลิปิอุส เป็นคทาของเทพ[[อัสคลิปิอุส]] ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการแพทย์และการรักษาในตำนาน[[เทพปกรณัมกรีก]] คทาอัสคลิปิอุสถูกใช้เป็นสัญญลักษณ์ที่แสดงถึงการแพทย์และการรักษามาจนปัจจุบัน แต่ยังมีการใช้สับสนกันระหว่างคทาของอัสคาปิอุสและคทาของ[[เฮอร์มีส]] ที่ชื่อว่า [[คทางูไขว้|คาดูเซียส]] <ref>[https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4190767/#b1 Medical Symbols in Practice: Myths vs Reality]</ref>


แอสคลีเพียส ร่ำเรียนวิชาการรักษามาจากไครอน ซึ่งเป็น[[เซนทอร์]]ที่ชุบเลี้ยงแอสคลีเพียสมาตั้งแต่ยังเป็นทารก จนได้กลายมาเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงของกรีก แอสคลีเพียสได้ใช้สัญญลักษณ์คทาที่มีงูพันเกลียวรอบแทนการแพทย์และการรักษา
ตามตำนานเทพปกรณัมกรีก อัสคลิปิอุส ซึ่งมีสถานะ[[มนุษย์ครึ่งเทพ|ครึ่งเทพครึ่งมนุษย์]] ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการแพทย์และการรักษา จะมีคทาประจำตัวอันหนึ่ง มีลักษณะเป็นแท่งและมักจะมีงูหนึ่งตัวพันเกลียวรอบคทาเป็นสัญญลักษณ์ แต่ในบางครั้งอาจจะพบว่างูไม่ได้พันเกลียวรอบ แต่มักจะอยู่ในบริเวณไกล้เคียง


สมัยกรีกโบราณมีสถานที่ที่เป็นศาสนสถานสำหรับรักษาโรค (Healing temple) มีชื่อเรียกตามเทพแอสคลีเพียสว่า [[อัสคลิเปียน]] (Asclepioen) ในตำนานกรีกโบราณมีเหตุการณ์ที่กล่าวถึงแอสคลีเพียสที่สำคัญ คือเมื่อ[[ฮิปพอคราทีส]] บิดาแห่งการแพทย์แผนตะวันตกจะกล่าวคำสัตย์สาบาน (Hippocrates oath) ได้กล่าวการสาบานตนด้วยประโยคว่า "ข้าขอสาบานแด่[[อะพอลโล]]ผู้เป็นแพทย์ แด่แอสคลีเพียส แด่[[ไฮเจีย]]และพานาเซีย และแด่เหล่าเทพทั้งมวล" คำสัตย์สาบานของ[[ฮิปพอคราทีส]] ได้เป็นต้นแบบของปฏิญญาอันเป็นจริยธรรมของวิชาชีพแพทย์มาจนถึงปัจจุบันนี้<ref>Farnell, Chapter 10, "The Cult of Asklepios" (pp. 234–279)</ref>
อัสคลิปิอุส ร่ำเรียนวิชาการรักษามาจากไครอน ซึ่งเป็น[[เซนทอร์]]ที่ชุบเลี้ยงอัสคลิปิอุสมาตั้งแต่ยังเป็นทารก จนได้กลายมาเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงของกรีก อัสคลิปิอุสได้ใช้สัญญลักษณ์คทาที่มีงูพันเกลียวรอบแทนการแพทย์และการรักษา


[[ไฟล์:22 Äskulap bzw. Asklepios - Neues Palais Sanssouci Steffen Heilfort.JPG|thumb|250px|รูปปั้นของแอสคลีเพียส ที่คทามีงูพันเกลียว]]
สมัยกรีกโบราณมีสถานที่ที่เป็นศาสนสถานสำหรับรักษาโรค (Healing temple) มีชื่อเรียกตามเทพอัสคลิปิอุสว่า [[อัสคลิเปียน]] (Asclepioen) ในตำนานกรีกโบราณมีเหตุการณ์ที่กล่าวถึงอัสคลิปิอุสที่สำคัญ คือเมื่อ[[ฮิปพอคราทีส]] บิดาแห่งการแพทย์แผนตะวันตกจะกล่าวคำสัตย์สาบาน (Hippocrates oath) ได้กล่าวการสาบานตนด้วยประโยคว่า
งูที่พันรอบคทาของแอสคลีเพียส ได้ถูกตีความว่าอย่างหลากหลาย มาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณที่มีการใช้สัญญลักษณ์งูพันรอบคทาของแอสคลีเพียส

’’ข้าขอสาบานแด่[[อะพอลโล]]ผู้เป็นแพทย์ แด่อัสคลิปิอุส แด่[[ไฮเจีย]]และพานาเซีย และแด่เหล่าเทพทั้งมวล…’’ ซึ่ง[[ฮิปพอคราทีส|คำสัตย์สาบานของฮิปพอคราตีส]] ได้เป็นต้นแบบของปฏิญญาอันเป็นจริยธรรมของวิชาชีพแพทย์มาจนถึงปัจจุบันนี้ <ref>Farnell, Chapter 10, "The Cult of Asklepios" (pp. 234–279)</ref>

[[ไฟล์:22 Äskulap bzw. Asklepios - Neues Palais Sanssouci Steffen Heilfort.JPG|thumb|250px|รูปปั้นของอัสคลิปิอุส ที่คทามีงูพันเกลียว]]
งูที่พันรอบคทาของอัสคลิปิอุส ได้ถูกตีความว่าอย่างหลากหลาย มาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณที่มีการใช้สัญญลักษณ์งูพันรอบคทาของอัสคลิปิอุส


การลอกคราบของงู เป็นสัญญลักษณ์ของการฟื้นฟูหรือการกำเนิดใหม่ หรือถูกตีความว่าเป็นเหมือนการรักษาของแพทย์ที่ต้องทำงานที่คาบเกี่ยวกันระหว่างความเป็นและความตาย
การลอกคราบของงู เป็นสัญญลักษณ์ของการฟื้นฟูหรือการกำเนิดใหม่ หรือถูกตีความว่าเป็นเหมือนการรักษาของแพทย์ที่ต้องทำงานที่คาบเกี่ยวกันระหว่างความเป็นและความตาย
ความคลุมเครือของงูยังแสดงถึงความขัดแย้งในปัจจุบันของการใช้ยา ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยถ้าใช้เหมาะสมและอาจจะให้โทษเมื่อใช้ไม่เหมาะสม ซึ่งไกล้เคียงกับคำในภาษากรีกว่า Pharmakon ที่หมายถึง ยา (medicine) หรือ ยาพิษ (poison) <ref>Albert R. Jonsen, The New Medicine and the Old Ethics, Harvard University Press, 1990, p122-123</ref> หรือแม้กระทั่งพิษของงูที่ใช้ในการรักษา ที่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ระวัง
ความคลุมเครือของงูยังแสดงถึงความขัดแย้งในปัจจุบันของการใช้ยา ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยถ้าใช้เหมาะสมและอาจจะให้โทษเมื่อใช้ไม่เหมาะสม ซึ่งไกล้เคียงกับคำในภาษากรีกว่า Pharmakon ที่หมายถึง ยา (medicine) หรือ ยาพิษ (poison)<ref>Albert R. Jonsen, The New Medicine and the Old Ethics, Harvard University Press, 1990, p122-123</ref> หรือแม้กระทั่งพิษของงูที่ใช้ในการรักษา ที่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ระวัง
ยังมีข้อถกเถียงกันอย่างแพร่หลายว่า สัญญลักษณ์ที่แสดงถึงการแพทย์ที่เชื่อว่าเป็นคทาอัสคลิปิอุสนั้น ความจริงแล้วเป็นพยาธิที่ชื่อว่า Dracunculus medinensis ซึ่งมักจะชอนไชตามผิวหนังของผู้ป่วยในสมัยโบราณ แพทย์จะรักษาโดยการกรีดผิวหนัง เมื่อพยาธิออกมานอกผิวหนังแพทย์จะใช้อุปกรณ์ที่เป็นแท่งเพื่อพันตัวพยาธิออกมาจนหมด โดยลักษณะที่พยาธิพันบนแท่งนั้น เหมือนกันกับสัญญลักษณ์งูพันเกลียวบนคทาของอัสคลิปิอุส <ref>https://www.doctor.or.th/clinic/detail/6957 สัญลักษณ์ทางการแพทย์</ref>
ยังมีข้อถกเถียงกันอย่างแพร่หลายว่า สัญญลักษณ์ที่แสดงถึงการแพทย์ที่เชื่อว่าเป็นคทาแอสคลีเพียสนั้น ความจริงแล้วเป็นพยาธิที่ชื่อว่า Dracunculus medinensis ซึ่งมักจะชอนไชตามผิวหนังของผู้ป่วยในสมัยโบราณ แพทย์จะรักษาโดยการกรีดผิวหนัง เมื่อพยาธิออกมานอกผิวหนังแพทย์จะใช้อุปกรณ์ที่เป็นแท่งเพื่อพันตัวพยาธิออกมาจนหมด โดยลักษณะที่พยาธิพันบนแท่งนั้น เหมือนกันกับสัญญลักษณ์งูพันเกลียวบนคทาของแอสคลีเพียส<ref>https://www.doctor.or.th/clinic/detail/6957 สัญลักษณ์ทางการแพทย์</ref>


ปัจจุบันคทาอัสคลิปิอุสถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งสัญญลักษณ์ขององค์กรนานาชาติเกี่ยวกับการแพทย์ เช่น องค์การอนามัยโลก สมาคมแพทย์อเมริกัน สมาคมแพทย์แห่งสหราชอาณาจักร สมาคมแพทย์ออสเตรเลีย <ref>https://stanglibrary.wordpress.com/2014/08/27/คทาคาดูซัส-สัญลักษณ์แห/ คทาคาดูซัส : สัญลักษณ์แห่งวิชาแพทย์</ref>
ปัจจุบันคทาแอสคลีเพียสถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งสัญญลักษณ์ขององค์กรนานาชาติเกี่ยวกับการแพทย์ เช่น องค์การอนามัยโลก สมาคมแพทย์อเมริกัน สมาคมแพทย์แห่งสหราชอาณาจักร สมาคมแพทย์ออสเตรเลีย<ref>https://stanglibrary.wordpress.com/2014/08/27/คทาคาดูซัส-สัญลักษณ์แห/ คทาคาดูซัส : สัญลักษณ์แห่งวิชาแพทย์</ref>


==ความสับสนระหว่างคทาของแอสคลีเพียส และคทาคาดูเซียส==


คทาคาดูเซียส เป็นสัญญลักษณ์ที่ผิดและมักใช้สับสนกับคทาของแอสคลีเพียสซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ที่ถูกต้อง<ref>Bohigian GM. The staff and serpent of Asclepius. Mo Med. 1997;94:210–11.</ref> เพื่อใช้แทนสัญญลักษณ์ของ[[การแพทย์]] โดยถูกใช้อย่างแพร่หลายใน[[สหรัฐอเมริกา]] และในหลาย ๆ ประเทศ
==ความสับสนระหว่างคทาของอัสคลิปิอุส และคทาคาดูเซียส==
คทาคาดูเซียส เป็นคทาของเฮอร์มีส เทพผู้แจ้งข่าวของเหล่าเทพเจ้ากรีก ซึ่งมีลักษณะเป็นคทามีปีก 2 ข้างและมีงูพันไขว้กัน คทาคาดูเซียส ใช้เป็นสัญญลักษณ์ของการค้า ความมั่งคั่ง การลักขโมย และบางครั้งทางการแพทย์ แทนคทาของแอสคลีเพียสที่เป็นคทาที่ไม่มีปีกและมีงูพันเกลียวเพียงตัวเดียว
คทาคาดูเซียส เป็นสัญญลักษณ์ที่ผิดและมักใช้สับสนกับคทาของอัสคลิปิอุสซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ที่ถูกต้อง <ref>Bohigian GM. The staff and serpent of Asclepius. Mo Med. 1997;94:210–11.</ref> เพื่อใช้แทนสัญญลักษณ์ของ[[การแพทย์]] โดยถูกใช้อย่างแพร่หลายใน[[สหรัฐอเมริกา]] และในหลายๆประเทศ
คทาคาดูเซียส เป็นคทาของเฮอร์มีส เทพผู้แจ้งข่าวของเหล่าเทพเจ้ากรีก ซึ่งมีลักษณะเป็นคทามีปีก 2 ข้างและมีงูพันไขว้กัน คทาคาดูเซียส ถูกใช้เป็นสัญญลักษณ์ของการค้า ความมั่งคั่ง การลักขโมย และบางครั้งทางการแพทย์ แทนคทาของอัสคลิปิอุสที่เป็นคทาที่ไม่มีปีกและมีงูพันเกลียวเพียงตัวเดียว


[[ไฟล์:Flag of WHO.svg|thumb|left|250px|ธงสัญญลักษณ์ขององค์การอนามัยโลก]]
[[ไฟล์:Flag of WHO.svg|thumb|left|250px|ธงสัญญลักษณ์ขององค์การอนามัยโลก]]

การใช้สับสนนี้พบตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 3 เมื่อนักจักษุวิทยาใช้ตรารูปคทาคาดูเซียสบนฉลากยาที่ใช้กับตา เหตุผลที่นำคทาคาดูเซียส มาใช้แทนการแพทย์เนื่องจากเห็นว่า เฮอร์มีสมีความเชื่อมโยงกับ[[การเล่นแร่แปรธาตุ]] รวมถึงวิชาเคมีและการปรุงยา ซึ่งในภายหลังมีผู้ให้เหตุผลว่า การเล่นแร่แปรธาตุไม่มีความเกี่ยวพันกับการแพทย์
การใช้สับสนนี้พบตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 3 เมื่อนักจักษุวิทยาใช้ตรารูปคทาคาดูเซียสบนฉลากยาที่ใช้กับตา เหตุผลที่นำคทาคาดูเซียส มาใช้แทนการแพทย์เนื่องจากเห็นว่า เฮอร์มีสมีความเชื่อมโยงกับ[[การเล่นแร่แปรธาตุ]] รวมถึงวิชาเคมีและการปรุงยา ซึ่งในภายหลังมีผู้ให้เหตุผลว่า การเล่นแร่แปรธาตุไม่มีความเกี่ยวพันกับการแพทย์


หลักฐานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งสัณนิษฐานว่าในศตวรรษที่ 18 หน่วยแพทย์ของกองทัพสหรัฐ ได้ใช้คทาคาดูเซียสแทนสัญญลักษณ์ และได้ถูกถกเถียงอย่างแพร่หลายถึงความถูกต้อง แต่กองทัพได้ออกมากล่าวว่าสัญญลักษณ์คทาคาดูเซียสที่ใช้ในหน่วยแพทย์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสัญญลักษณ์ทางการแพทย์ แต่คทาแสดงถึงอำนาจ งูสองตัวแสดงถึงความรู้ ปีกแสดงถึงความขยัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหน่วยแพทย์ของกองทัพ <ref>Emerson, William K (1996). Encyclopedia of United States Army Insignia and Uniforms. University of Oklahoma Press. pp. 181–182. ISBN 0-585-19489-0.</ref>
หลักฐานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งสัณนิษฐานว่าในศตวรรษที่ 18 หน่วยแพทย์ของกองทัพสหรัฐ ได้ใช้คทาคาดูเซียสแทนสัญญลักษณ์ และได้ถูกถกเถียงอย่างแพร่หลายถึงความถูกต้อง แต่กองทัพได้ออกมากล่าวว่าสัญญลักษณ์คทาคาดูเซียสที่ใช้ในหน่วยแพทย์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสัญญลักษณ์ทางการแพทย์ แต่คทาแสดงถึงอำนาจ งูสองตัวแสดงถึงความรู้ ปีกแสดงถึงความขยัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหน่วยแพทย์ของกองทัพ<ref>Emerson, William K (1996). Encyclopedia of United States Army Insignia and Uniforms. University of Oklahoma Press. pp. 181–182. ISBN 0-585-19489-0.</ref>

อย่างไรก็ตาม มีการใช้สัญญลักษณ์คทาคาดูเซียส เป็นสัญญลักษณ์ทางการแพทย์ และบางแห่งปรับเปลี่ยนจากคทาเป็นคบเพลิง แต่ยังคงความหมายเดิม เช่น สมาคมแพทย์แห่งอินเดีย สมาคมแพทย์แห่งมาเลเซีย และกระทรวงสาธารณสุขของไทย




อย่างไรก็ตาม มีการใช้สัญญลักษณ์คทาคาดูเซียส เป็นสัญลักษณ์ทางการแพทย์ และบางแห่งปรับเปลี่ยนจากคทาเป็นคบเพลิง แต่ยังคงความหมายเดิม เช่น สมาคมแพทย์แห่งอินเดีย สมาคมแพทย์แห่งมาเลเซีย และกระทรวงสาธารณสุขของไทย{{อ้างอิง}}


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:02, 16 กรกฎาคม 2561

คทา หรือไม้เท้าของแอสคลีเพียสที่มีงูพันรอบ

คทาแอสคลีเพียส (Rod of Asclepius) หรือไม้เท้าของแอสคลีเพียส เป็นคทาของเทพแอสคลีเพียส ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการแพทย์และการรักษาในตำนานเทพปกรณัมกรีก คทาแอสคลีเพียสใช้เป็นสัญญลักษณ์ที่แสดงถึงการแพทย์และการรักษามาจนปัจจุบัน แต่ยังมีการใช้สับสนกันระหว่างคทาของแอสคลีเพียสและคทาของเฮอร์มีส ที่ชื่อว่า คาดูเซียส[1]

ตามตำนานเทพปกรณัมกรีก แอสคลีเพียส ซึ่งมีสถานะครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการแพทย์และการรักษา จะมีคทาประจำตัวอันหนึ่ง มีลักษณะเป็นแท่งและมักจะมีงูหนึ่งตัวพันเกลียวรอบคทาเป็นสัญญลักษณ์ แต่ในบางครั้งอาจจะพบว่างูไม่ได้พันเกลียวรอบ แต่มักจะอยู่ในบริเวณใกล้เคียง

แอสคลีเพียส ร่ำเรียนวิชาการรักษามาจากไครอน ซึ่งเป็นเซนทอร์ที่ชุบเลี้ยงแอสคลีเพียสมาตั้งแต่ยังเป็นทารก จนได้กลายมาเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงของกรีก แอสคลีเพียสได้ใช้สัญญลักษณ์คทาที่มีงูพันเกลียวรอบแทนการแพทย์และการรักษา

สมัยกรีกโบราณมีสถานที่ที่เป็นศาสนสถานสำหรับรักษาโรค (Healing temple) มีชื่อเรียกตามเทพแอสคลีเพียสว่า อัสคลิเปียน (Asclepioen) ในตำนานกรีกโบราณมีเหตุการณ์ที่กล่าวถึงแอสคลีเพียสที่สำคัญ คือเมื่อฮิปพอคราทีส บิดาแห่งการแพทย์แผนตะวันตกจะกล่าวคำสัตย์สาบาน (Hippocrates oath) ได้กล่าวการสาบานตนด้วยประโยคว่า "ข้าขอสาบานแด่อะพอลโลผู้เป็นแพทย์ แด่แอสคลีเพียส แด่ไฮเจียและพานาเซีย และแด่เหล่าเทพทั้งมวล" คำสัตย์สาบานของฮิปพอคราทีส ได้เป็นต้นแบบของปฏิญญาอันเป็นจริยธรรมของวิชาชีพแพทย์มาจนถึงปัจจุบันนี้[2]

รูปปั้นของแอสคลีเพียส ที่คทามีงูพันเกลียว

งูที่พันรอบคทาของแอสคลีเพียส ได้ถูกตีความว่าอย่างหลากหลาย มาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณที่มีการใช้สัญญลักษณ์งูพันรอบคทาของแอสคลีเพียส

การลอกคราบของงู เป็นสัญญลักษณ์ของการฟื้นฟูหรือการกำเนิดใหม่ หรือถูกตีความว่าเป็นเหมือนการรักษาของแพทย์ที่ต้องทำงานที่คาบเกี่ยวกันระหว่างความเป็นและความตาย ความคลุมเครือของงูยังแสดงถึงความขัดแย้งในปัจจุบันของการใช้ยา ที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยถ้าใช้เหมาะสมและอาจจะให้โทษเมื่อใช้ไม่เหมาะสม ซึ่งไกล้เคียงกับคำในภาษากรีกว่า Pharmakon ที่หมายถึง ยา (medicine) หรือ ยาพิษ (poison)[3] หรือแม้กระทั่งพิษของงูที่ใช้ในการรักษา ที่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ระวัง

ยังมีข้อถกเถียงกันอย่างแพร่หลายว่า สัญญลักษณ์ที่แสดงถึงการแพทย์ที่เชื่อว่าเป็นคทาแอสคลีเพียสนั้น ความจริงแล้วเป็นพยาธิที่ชื่อว่า Dracunculus medinensis ซึ่งมักจะชอนไชตามผิวหนังของผู้ป่วยในสมัยโบราณ แพทย์จะรักษาโดยการกรีดผิวหนัง เมื่อพยาธิออกมานอกผิวหนังแพทย์จะใช้อุปกรณ์ที่เป็นแท่งเพื่อพันตัวพยาธิออกมาจนหมด โดยลักษณะที่พยาธิพันบนแท่งนั้น เหมือนกันกับสัญญลักษณ์งูพันเกลียวบนคทาของแอสคลีเพียส[4]

ปัจจุบันคทาแอสคลีเพียสถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งสัญญลักษณ์ขององค์กรนานาชาติเกี่ยวกับการแพทย์ เช่น องค์การอนามัยโลก สมาคมแพทย์อเมริกัน สมาคมแพทย์แห่งสหราชอาณาจักร สมาคมแพทย์ออสเตรเลีย[5]

ความสับสนระหว่างคทาของแอสคลีเพียส และคทาคาดูเซียส

คทาคาดูเซียส เป็นสัญญลักษณ์ที่ผิดและมักใช้สับสนกับคทาของแอสคลีเพียสซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ที่ถูกต้อง[6] เพื่อใช้แทนสัญญลักษณ์ของการแพทย์ โดยถูกใช้อย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา และในหลาย ๆ ประเทศ คทาคาดูเซียส เป็นคทาของเฮอร์มีส เทพผู้แจ้งข่าวของเหล่าเทพเจ้ากรีก ซึ่งมีลักษณะเป็นคทามีปีก 2 ข้างและมีงูพันไขว้กัน คทาคาดูเซียส ใช้เป็นสัญญลักษณ์ของการค้า ความมั่งคั่ง การลักขโมย และบางครั้งทางการแพทย์ แทนคทาของแอสคลีเพียสที่เป็นคทาที่ไม่มีปีกและมีงูพันเกลียวเพียงตัวเดียว

ธงสัญญลักษณ์ขององค์การอนามัยโลก

การใช้สับสนนี้พบตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 3 เมื่อนักจักษุวิทยาใช้ตรารูปคทาคาดูเซียสบนฉลากยาที่ใช้กับตา เหตุผลที่นำคทาคาดูเซียส มาใช้แทนการแพทย์เนื่องจากเห็นว่า เฮอร์มีสมีความเชื่อมโยงกับการเล่นแร่แปรธาตุ รวมถึงวิชาเคมีและการปรุงยา ซึ่งในภายหลังมีผู้ให้เหตุผลว่า การเล่นแร่แปรธาตุไม่มีความเกี่ยวพันกับการแพทย์

หลักฐานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งสัณนิษฐานว่าในศตวรรษที่ 18 หน่วยแพทย์ของกองทัพสหรัฐ ได้ใช้คทาคาดูเซียสแทนสัญญลักษณ์ และได้ถูกถกเถียงอย่างแพร่หลายถึงความถูกต้อง แต่กองทัพได้ออกมากล่าวว่าสัญญลักษณ์คทาคาดูเซียสที่ใช้ในหน่วยแพทย์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสัญญลักษณ์ทางการแพทย์ แต่คทาแสดงถึงอำนาจ งูสองตัวแสดงถึงความรู้ ปีกแสดงถึงความขยัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหน่วยแพทย์ของกองทัพ[7]

อย่างไรก็ตาม มีการใช้สัญญลักษณ์คทาคาดูเซียส เป็นสัญลักษณ์ทางการแพทย์ และบางแห่งปรับเปลี่ยนจากคทาเป็นคบเพลิง แต่ยังคงความหมายเดิม เช่น สมาคมแพทย์แห่งอินเดีย สมาคมแพทย์แห่งมาเลเซีย และกระทรวงสาธารณสุขของไทย[ต้องการอ้างอิง]

อ้างอิง

  1. Medical Symbols in Practice: Myths vs Reality
  2. Farnell, Chapter 10, "The Cult of Asklepios" (pp. 234–279)
  3. Albert R. Jonsen, The New Medicine and the Old Ethics, Harvard University Press, 1990, p122-123
  4. https://www.doctor.or.th/clinic/detail/6957 สัญลักษณ์ทางการแพทย์
  5. https://stanglibrary.wordpress.com/2014/08/27/คทาคาดูซัส-สัญลักษณ์แห/ คทาคาดูซัส : สัญลักษณ์แห่งวิชาแพทย์
  6. Bohigian GM. The staff and serpent of Asclepius. Mo Med. 1997;94:210–11.
  7. Emerson, William K (1996). Encyclopedia of United States Army Insignia and Uniforms. University of Oklahoma Press. pp. 181–182. ISBN 0-585-19489-0.