ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เออร์สกิน คอลด์เวลล์"
ปรับปรุง |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
[[Image:Erskinecaldwell.jpg|170px|thumb|right|เออร์สกิน คอลด์เวลล์(Erskine Caldwell)]] |
[[Image:Erskinecaldwell.jpg|170px|thumb|right|เออร์สกิน คอลด์เวลล์(Erskine Caldwell)]] |
||
[[นักเขียน]][[ชาวอเมริกัน]] เ'''ออร์สกิน เพรสตัน คอลด์เวลล์''' (Erskine Preston Caldwell 17 ธันวาคม [[ค.ศ.1903]] - 11 เมษายน [[ค.ศ.1987]]) มักจะเขียนถึงชีวิตของผู้คนยากจนที่มีทั้งชาวผิวขาวและผิวดำในชนบททางภาคใต้ของสหรัฐฯ อันเป็นถิ่นกำเนิดของเขา ด้วยท่วงทำนองหม่นเศร้าและเป็นจริง ในบรรดานวนิยาย 25 เรื่อง (และหนังสือสารคดีอีก 12 เล่ม) ไม่มีเล่มไหนโด่งดังไปกว่า Tobacco Road (ค.ศ.1932) และ God’s little acre (ค.ศ.1933) หนังสือของคอลด์เวลล์ในแบบ[[ปกอ่อน]]ขายได้กว่าแปดสิบล้านเล่มและถูกแปลเป็นภาษาต่างๆ นับสี่สิบสามภาษา เขาจึงเป็นหนึ่งในนักเขียน[[นิยาย]]ยุค[[ศตวรรษที่ 20]] ที่มีผู้อ่านมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่ง[[นักวิจารณ์]]ในยุคนั้นยกย่องให้อยู่ในระดับเดียวกับ |
[[นักเขียน]][[ชาวอเมริกัน]] เ'''ออร์สกิน เพรสตัน คอลด์เวลล์''' (Erskine Preston Caldwell 17 ธันวาคม [[ค.ศ.1903]] - 11 เมษายน [[ค.ศ.1987]]) มักจะเขียนถึงชีวิตของผู้คนยากจนที่มีทั้งชาวผิวขาวและผิวดำในชนบททางภาคใต้ของสหรัฐฯ อันเป็นถิ่นกำเนิดของเขา ด้วยท่วงทำนองหม่นเศร้าและเป็นจริง ในบรรดานวนิยาย 25 เรื่อง (และหนังสือสารคดีอีก 12 เล่ม) ไม่มีเล่มไหนโด่งดังไปกว่า Tobacco Road (ค.ศ.1932) และ God’s little acre (ค.ศ.1933) หนังสือของคอลด์เวลล์ในแบบ[[ปกอ่อน]]ขายได้กว่าแปดสิบล้านเล่มและถูกแปลเป็นภาษาต่างๆ นับสี่สิบสามภาษา เขาจึงเป็นหนึ่งในนักเขียน[[นิยาย]]ยุค[[ศตวรรษที่ 20]] ที่มีผู้อ่านมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่ง[[นักวิจารณ์]]ในยุคนั้นยกย่องให้อยู่ในระดับเดียวกับ[[ฟิตซ์เจอรัลด์ วูลฟ์]] และ[[จอห์น สไตน์เบ็ค ]] คอลด์เวลล์เกิดใน[[จอร์เจีย]] ในครอบครัวของพระ[[นิกายเพรสไบทีเรียน]]ซึ่งออกเดินทางไปตามตำบลต่างๆ ทำให้เขาต้องเรียนหนังสือจากแม่ และเรียนรู้ชีวิตจากงานต่างๆ ที่เขาทำในช่วงวัยหนุ่ม ก่อนที่จะหันมาทำอาชีพ[[นักหนังสือพิมพ์]]และเขียนหนังสือเต็มตัว ในช่วงต้นทศวรรษ 1930 สไตล์การเขียนซึ่งผสมผสานระหว่างความสมจริงสุดขีดและเซ็กซ์กับความรุนแรงทำให้เกิดการถกเถียงขึ้นอย่างหนักหน่วง เมื่อสมาคม[[นิวยอร์ก]]เพื่อป้องกันความชั่วร้ายพยายามจะประกาศห้ามเรื่อง God's little acre คอลด์เวลล์ก็ฟ้อง[[ศาล]]และชนะคดี ระหว่าง[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] คอลด์เวลล์ในเวลานั้นเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์อยู่ใน[[สหภาพโซเวียต]]และได้เห็นการยกทัพเข้าโจมตีของกองทัพ[[เยอรมัน]]ในปี ค.ศ.1941 เขาแต่งงานทั้งหมดสี่ครั้ง (หย่าสามครั้ง)และเสียชีวิตด้วยโรค[[มะเร็ง]]เมื่ออายุ 83 ปี |
||
'''คำคม''' : "All I wanted to do was tell a story, to tell it to the best of my ability." (ทั้งหมดที่ผมต้องการทำคือเล่าเรื่อง เล่าให้สุดความสามารถที่ผมมี) |
'''คำคม''' : "All I wanted to do was tell a story, to tell it to the best of my ability." (ทั้งหมดที่ผมต้องการทำคือเล่าเรื่อง เล่าให้สุดความสามารถที่ผมมี) |
||
บรรทัด 64: | บรรทัด 64: | ||
=== หนังสือท่องเที่ยว === |
=== หนังสือท่องเที่ยว === |
||
* Afternoons in Mid-America: Observation and Impression (ค.ศ.1976) ภาพประกอบโดยเวอร์จีเนีย |
* Afternoons in Mid-America: Observation and Impression (ค.ศ.1976) ภาพประกอบโดยเวอร์จีเนีย คอลด์เวลล์ (Virginia Caldwell) |
||
* Around About America (ค.ศ.1964) ภาพประกอบโดยเวอร์จีเนีย |
* Around About America (ค.ศ.1964) ภาพประกอบโดยเวอร์จีเนีย คอลด์เวลล์ (Virginia Caldwell) |
||
=== บันทึกความทรงจำ === |
=== บันทึกความทรงจำ === |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:36, 28 กันยายน 2548
นักเขียนชาวอเมริกัน เออร์สกิน เพรสตัน คอลด์เวลล์ (Erskine Preston Caldwell 17 ธันวาคม ค.ศ.1903 - 11 เมษายน ค.ศ.1987) มักจะเขียนถึงชีวิตของผู้คนยากจนที่มีทั้งชาวผิวขาวและผิวดำในชนบททางภาคใต้ของสหรัฐฯ อันเป็นถิ่นกำเนิดของเขา ด้วยท่วงทำนองหม่นเศร้าและเป็นจริง ในบรรดานวนิยาย 25 เรื่อง (และหนังสือสารคดีอีก 12 เล่ม) ไม่มีเล่มไหนโด่งดังไปกว่า Tobacco Road (ค.ศ.1932) และ God’s little acre (ค.ศ.1933) หนังสือของคอลด์เวลล์ในแบบปกอ่อนขายได้กว่าแปดสิบล้านเล่มและถูกแปลเป็นภาษาต่างๆ นับสี่สิบสามภาษา เขาจึงเป็นหนึ่งในนักเขียนนิยายยุคศตวรรษที่ 20 ที่มีผู้อ่านมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งนักวิจารณ์ในยุคนั้นยกย่องให้อยู่ในระดับเดียวกับฟิตซ์เจอรัลด์ วูลฟ์ และจอห์น สไตน์เบ็ค คอลด์เวลล์เกิดในจอร์เจีย ในครอบครัวของพระนิกายเพรสไบทีเรียนซึ่งออกเดินทางไปตามตำบลต่างๆ ทำให้เขาต้องเรียนหนังสือจากแม่ และเรียนรู้ชีวิตจากงานต่างๆ ที่เขาทำในช่วงวัยหนุ่ม ก่อนที่จะหันมาทำอาชีพนักหนังสือพิมพ์และเขียนหนังสือเต็มตัว ในช่วงต้นทศวรรษ 1930 สไตล์การเขียนซึ่งผสมผสานระหว่างความสมจริงสุดขีดและเซ็กซ์กับความรุนแรงทำให้เกิดการถกเถียงขึ้นอย่างหนักหน่วง เมื่อสมาคมนิวยอร์กเพื่อป้องกันความชั่วร้ายพยายามจะประกาศห้ามเรื่อง God's little acre คอลด์เวลล์ก็ฟ้องศาลและชนะคดี ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 คอลด์เวลล์ในเวลานั้นเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์อยู่ในสหภาพโซเวียตและได้เห็นการยกทัพเข้าโจมตีของกองทัพเยอรมันในปี ค.ศ.1941 เขาแต่งงานทั้งหมดสี่ครั้ง (หย่าสามครั้ง)และเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่ออายุ 83 ปี
คำคม : "All I wanted to do was tell a story, to tell it to the best of my ability." (ทั้งหมดที่ผมต้องการทำคือเล่าเรื่อง เล่าให้สุดความสามารถที่ผมมี)
ผลงาน
นิยาย
- The Bastard (ค.ศ.1929)
- Poor Fool (ค.ศ.1930)
- Tobacco Road (ค.ศ.1932)
- God's Little Acre (ค.ศ.1933)
- Journeyman (ค.ศ.1935)
- Trouble in July (ค.ศ.1940)
- All Night Long (ค.ศ.1942)
- Georgia Boy (ค.ศ.1943)
- Tragic Ground (ค.ศ.1944)
- A House in the Uplands (ค.ศ.1946)
- The Sure Hand of God (ค.ศ.1947)
- This Very Earth (ค.ศ.1948)
- A Place Called Estherville (ค.ศ.1949)
- Episode in Palmetto (ค.ศ.1950)
- A Lamp for Nightfall (ค.ศ.1952)
- Love and Money (ค.ศ.1954)
- Gretta (ค.ศ.1955)
- Claudelle Inglish (ค.ศ.1958)
- Jenny by Nature (ค.ศ.1961)
- Close to Home (ค.ศ.1962)
- The Last Night of Summer (ค.ศ.1963)
- Miss Mamma Aimee (ค.ศ.1967)
- Summertime Island (ค.ศ.1968)
- The Weather Shelter (ค.ศ.1969)
- The Earnshaw Neighborhood (ค.ศ.1971)
- Annette (ค.ศ.1973)
เรื่องสั้น
- American Earth (ค.ศ.1931)
- We Are the Living (ค.ศ.1933)
- Kneel to the Rising Sun and Other Stories (ค.ศ.1935)
- Southways (ค.ศ.1938)
- Jackpot: The Stories of Erskine Caldwell (ค.ศ.1940)
- Stories by Erskine Caldwell (ค.ศ.1944)
- The Caldwell Caravan: Novels and Stories (ค.ศ.1946)
- The Humorous Side of Erskine Caldwell (ค.ศ.1951)
- The Courting of Susie Brown (ค.ศ.1952)
- Complete Stories of Erskine Caldwell (ค.ศ.1953)
- Gulf Coast Stories (ค.ศ.1956)
- Certain Women (ค.ศ.1957)
- When You Think of Me (ค.ศ.1959)
- Men and Women (ค.ศ.1961)
- Stories of Life: North & South (ค.ศ.1983)
- The Black and White Stories of Erskine Caldwell (ค.ศ.1984)
- The Stories of Erskine Caldwell (ค.ศ.1996)
บทกวี
- The Sacrilege of Alan Kent (ค.ศ.1936)
สารคดีทั่วไป
- Tenant Farmers (ค.ศ.1935)
- Some American People (ค.ศ.1935)
- Moscow Under Fire: A Wartime Diary (ค.ศ.1942)
- All-Out on the Road to Smolensk (ค.ศ.1942)
- Writing in America (ค.ศ.1967)
หนังสือท่องเที่ยว
- Afternoons in Mid-America: Observation and Impression (ค.ศ.1976) ภาพประกอบโดยเวอร์จีเนีย คอลด์เวลล์ (Virginia Caldwell)
- Around About America (ค.ศ.1964) ภาพประกอบโดยเวอร์จีเนีย คอลด์เวลล์ (Virginia Caldwell)
บันทึกความทรงจำ
- In Search of Bisco (ค.ศ.1965)
- In the Shadow of the Steeple (ค.ศ.1967)
- Deep South: Memory and Observation (ค.ศ.1968)เคยตีพิมพ์ในชื่อ In the Shadow of the Steeple ในปี ค.ศ.1967
อัตชีวประวัติ
- Call It Experience: The Years of Learning How to Write (ค.ศ.1951)
- With All My Might: An Autobiography (ค.ศ.1987)
หนังสือประกอบภาพ
ร่วมกับ มากาเร็ต บูร์ก-ไวท์ (Margaret Bourke-White)
- You Have Seen Their Faces (ค.ศ.1937)
- North of the Danube (ค.ศ.1939)
- Say! Is This the USA (ค.ศ.1941)
- Russia at War (ค.ศ.1942)
หนังสือเด็ก
- Molly Cottontail (ค.ศ.1958)
- The Deer at Our House (ค.ศ.1966)
ลิงก์ภายนอก
- ประวัติใน New Georgia Encyclopedia (ภาษาอังกฤษ)
- สถานที่เกิดและพิพิธภัณฑ์ Erskine Caldwell(ภาษาอังกฤษ)
ผลงานที่แปลเป็นภาษาไทย
- คุกเข่าต่ออรุโณทัย (Kneel to the rising sun)โศกนาฏกรรมแสนเศร้าและเหี้ยมโหด อันเนื่องมาจาก "สีผิว"
บทความนี้ นำข้อความบางส่วนหรือทั้งหมด มาจากเว็บไซต์ วรรณกรรมดอทคอม ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์ดังกล่าว อนุญาตให้เผยแพร่ต่อได้ โดยไม่สงวนลิขสิทธิ์