ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฟรันซิสโก ฆาบิเอร์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
AlphamaBot (คุย | ส่วนร่วม)
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่ ‘(?mi)\{\{Link FA\|.+?\}\}\n?’ ด้วย ‘’: เลิกใช้ เปลี่ยนไปใช้วิกิสนเทศ
บรรทัด 107: บรรทัด 107:
[[หมวดหมู่:บุคคลจากมหาวิทยาลัยปารีส]]
[[หมวดหมู่:บุคคลจากมหาวิทยาลัยปารีส]]
{{โครงบุคคล}}
{{โครงบุคคล}}
{{Link FA|eu}}
{{Link FA|he}}
{{Link GA|no}}
{{Link GA|no}}

รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:05, 7 มีนาคม 2558

นักบุญฟรันซิสโก คาเบียร์
บาทหลวงและอัครทูตประจำตะวันออกไกล
เกิด7 เมษายน ค.ศ.1506
เมืองคาเบียร์ แคว้นนาวาร์ ธงของประเทศสเปน สเปน
เสียชีวิต3 ธันวาคม ค.ศ.1552
หมู่เกาะซ้างชวน  จีน
นิกายโรมันคาทอลิก แองกลิคัน ลูเทอแรน
เป็นนักบุญ12 มีนาคม ค.ศ.1622
โดย สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 15
วันฉลอง3 ธันวาคม
องค์อุปถัมภ์งานธรรมทูต

นักบุญฟรันซิสโก คาเบียร์ (อังกฤษ: Francis Xavier, สเปน: Francisco Javier, บาสก์: Frantzisko Xabierkoaละติน: Franciscus Xaverius) ชื่อจริง Francisco de Jaso y Azpilicueta(อ่านว่า ฟรันซิสโก เด คาโซ อี อัสปิลิกุเอตา) ในประเทศไทยรู้จักในนาม ฟรังซิสเซเวียร์ เป็นบาทหลวงโรมันคาทอลิกชาวแคว้นนาวาร์ ประเทศสเปน เป็นผู้นำศาสนาคริสต์มาเผยแพร่ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นคนแรกตลอดจนประเทศต่าง ๆ เช่น อินเดีย ศรีลังกา มาเลเซีย จีน ญี่ปุ่น เสียชีวิต ณ หมู่เกาะซ้างชวน ประเทศจีน และได้รับการประกาศเป็นนักบุญ

ฟรันซิสโก คาเบียร์ เป็นสมาชิกแรกเริ่ม และหนึ่งในสมาชิกที่มีชื่อเสี่ยงมากที่สุดคนหนึ่งของคณะแห่งพระเยซูเจ้า ซึ่งเขามีความสนิทสนมกับ นักบุญอิกเนเชียสแห่งโลโยลาผู้ก่อตั้งคณะ

สถานะการณ์ทางประวัติศาสตร์เมื่อเกิด

ฟรันซิสโก คาเบียร์ เกิดในปี ค.ศ. 1506. หกปีหลังจากนั้น ค.ศ. 1512 ได้เกิดการยึดครองแคว้นนาบาร์รา โดยกองทัพ แคว้นกาสติยาและแคว้นอารากอง ภายใต้การควบคุมของ Fadrique Álvarez de Toledo, ดยุกแห่งออลบา ตามพระราชโองการของพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน ซึ่งทำให้เกิดสงครามกลางเมืองนาบาร์ราที่ยุติในปี ค.ศ. 1524 สงครามครั้งนี้ทำให้อาณาจักรนาบาร์ราถูกแบ่งแยกโดยที่นาบาร์ราสูงตกไปอยู่ในกาปกครองของแคว้นกาสติยาถึงแม้ว่าจะคงความเป็นอาณาจักรถึงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ส่วนนาบาร์ราต่ำซึ่งอยู่บริเวณทางเหนือของเทือกเขาพิเรนีสยังคงเป็นรัฐอิสระ แต่ภายหลังก็เข้าร่วมกับฝรั่งเศส

ฟรันซิสโก คาเบียร์ เกิดในตระกูลชั้นสูงในราชวงศ์อะกรามอนต์ ผู้ปกครองนาบาร์รา บิดาของเขาชื่อ ฆวน เด คาโซ ซึ่งเป็นประธานสภาที่ปรึกษาของ กษัตริย์ ฆวนที่ 2 แห่งอัลเบรต หลังจากการยึดครองของกาสติยา ฆวนผู้เป็นบิดาและครอบครัวได้หนีภัยไปอยู่ที่ แบร์อาร์น และได้เสียชีวิตที่นั่นในเวลาต่อมา มิเกล และฆวน พี่ชายของฟรานซิสโก คาเบียร์ ได้มีบทบาทสำคัญในการทำศึกเพื่อนำนาบาร์รากลับมาอีกครั้ง ในปี ค.ศ.1521 มิเกล และฆวน ได้ต่อสู้กับ อิกนาซิโอ แห่งโลโยลา ทหารของกาสติยาที่ประจำที่ปัมโปลนา และ อิกนาซิโอได้รับบาดเจ็บ แต่ถึงกระนั้นกองทหารกาสติยาก็ชัยชนะอย่างราบคาบในที่สุด ในไม่กี่ปีต่อมา อิกนาซิโอ แห่งโลโยลาได้ก่อตั้งคณะแห่งพระเยซูเจ้า และมีฟรันซิสโก คาเบียร์ เป็นสหายและผู้รวมงาน

ประวัติ

ฟรันซิสโก คาเบียร์ เกิดที่ปราสาท คาเบียร์ ที่อำเภอคาเบียร์ แคว้นนาบาร์รา สเปน ซึ่งในเวลานั้นคืออาณาจักรนาบาร์รา เกิดในวันที่ 7 เมษายน ค.ศ.1506 ในครอบครัวชั้นสูงของนาบาร์รา บิดาของเขาคือ ฆวน เด คาโซ ประธานสภาที่ปรึกษาของ กษัตริย์ ฆวน ที่ 2 แห่งอัลเบรต มารดาของเขาคือ มารีอา เด อะซิปิลิกัวตา ซึ่งมาจากเชื้อสายเดียวกับ มาร์ติน เด อะซิปิลิกัวตา ผู้ได้รับสมญานาม doctor navarrus เขาป็นลูกชายคนสุดท้อง มีพี่น้องคือ : มักดาเลนา, อันนา, มิเกล, ฆวน และตัวเขาเอง

ฟรันซิสโก คาเบียร์ มีชีวิตวัยเยาว์ที่ได้รับผลกระทบการสูญเสียเอกราชของนาบาร์รา ซึ่งครอบครัวของเขาได้รับผลกระทบอย่างมาก พี่น้องของเขาที่เป็นทหารของกษัตริย์ ฆวนที่ 3 แห่งนาบาร์ราถูกคุมขัง ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้ฟรานซิสโก คาเบียร์ สนใจที่จะเรียนด้านศาสนาและทำการเผยแพร่ภายได้ความคุ้มกันของโปรตุเกส

การศึกษาในปารีส

ในปี ค.ศ. 1542 ฟรันซิสโก คาเบียร์ ได้ตัดสินใจเดินทางไปศึกษา ที่มหาวิทยาลัยปารีส ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้รับการศึกษาในหลายสถาบัน ในหลายเมืองของนาบาร์รา และก่อนที่จะเข้ารับการศึกษาในปารีสเขาได้เรียนในปัมโปลนา

ในเดือนกันยายน ค.ศ.1525 ฟรันซิสโก คาเบียร์ เดือนทางไปศึกษาที่ปารีส ซึ่งที่นั่นเองเขาได้รู้จักกับอิกนาซิโอแห่งโลโยลา ผู้เป็นพื่อนสนิท และต่อมาได้รับการประกาศเป็นนักบุญ อิกนาซิโอไม่เคยทิ้งฟรังซิสโก คาเบียร์ ในยามลำบาก เช่นเมื่อฟรังซิสโก คาเบียร์ มีปัญหาด้านการเงิน

ฟรันซิสโก คาเบียร์ เดือนทางไปศึกษาพร้อมกับสหายอีกห้าคน ซึ่งในเวลาต่อมาคือจุดกำเนิดของคณะแห่งพระเยซูเจ้า หลังจากที่สำเร็จการศึกษา วันที่ 15 กันยายน ค.ศ.1534 เหล่าสหายได้ปฏิญาณตนเพื่อถือความรักและความบริสุทธิ์ และในขณะเดียวกันได้ให้คำสัญญาเพื่อจะเดินทางไป แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ส่วนฟรังซิสโก คาเบียร์ อยู่ที่ปารีสต่ออีกสองปีเพื่อเรียนเทววิทยา หลังจากนั้นได้รวมการบริหารจิตกับอิกนาซิโอแห่งโลโยลา

ปี ค.ศ. 1537 ฟรันซิสโก คาเบียร์ กับอิกนาซิโอแห่งโลโยลาเดินทางไปกรุงโรมเพื่อขอพรจากสมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 3 ก่อนการเดือนทางไปแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ แต่การเดินทางก็ไม่สามารถเกิดขึ้นเนื่องจากเกิดสงครามระหว่างเวนิสและตุรกี เมื่อสหายทั้งสองได้รับศีลอนุกรมเมื่อมาถึงเวนิส ในวันที่ 24 มิถุนายนของปีเดียวกัน ในขณะที่รอเรือเพื่อจะไปแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ พวกได้เริ่มพระกาศความเชื่อให้กับคนรอบข้าง และพวกเขาได้เสนอตัวต่อสมเด็จพระสันตะปาปาเพื่อจะไปประกาศความรักของพระเจ้าในสถานที่ใดก็ตาม ด้วยเหตุนั้นนี่เองพวกเขาเดินทางไปลิสบอนในปี ค.ศ.1540 เพี่อเริ่มชีวิตมิชชันนารี เหตุที่ต้องเดินทางไปลิสบอนก็เพราะเอกอัครราชทูตโปรตุเกส ณ กรุงโรม ได้ขอสมาชิกจำนวนหนึ่งจากอิกนาซิโอแห่งโลโยลา ในนามของกษัตริย์เจาที่3 แห่งโปรตุเกส เพื่อส่งไปยังอินเดีย ส่วนฟรังซิสโก คาเบียร์ ถูกส่งไปโดยพระสันตะปาปาโดยได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนพระองค์ในแผ่นดินของทะเลแดง อ่าวเปอร์เซีย และทะเลทั้งสองฝั่งของแม่น้ำคงคา

เส้นทางการแพร่ธรรม

เส้นทางการแพร่ธรรมของนักบุญฟรันซิสโก คาเบียร์

การเดินทางเท้าจากโรมไปลิสบอนโดยพักที่ อัสเปอิเตีย (อยู่ที่จังหวัดกีปุสกัว ประเทศสเปน) เพื่อมอบจดหมายของอิกนาซิโอแห่งโลโยลาให้แก่ครอบครัว ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นพวกเขาก็เทศนาสั่งสนในทุก ๆ หมู่บ้านที่เดินทางผ่าน

วันที่ 7 เมษายน ค.ศ.1541 วันที่ฟรันซิสโก คาเบียร์ อายุครบ 35 ปีเป็นวันที่เริ่มเดินทาง วันที่ 22กันยายน เรือเทียบท่าโมซัมบิก และได้อยู่ที่นั้นถึงเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไป ซึ่งที่นี่เขาได้ช่วยงานในโรงพยาบาลและที่นั่นเขาได้รู้ถึงความเอารัดเอาเปรียบต่อคนผิวดำ ซึ่งทำให้เขาพบกับความขัดแย้งเริ่มแรก

หลังจากที่เปลี่นเรือที่เมลินด์และโซโกตรา ฟรันซิสโก คาเบียร์ ก็เดินทางถึงกัว(ซึ่งต่อมาได้เป็นเมืองหลวงของอินเดียภายใต้โปรตุเกส) ในวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ.1542 เขาได้ปรับปรุงหนังสือคำสอนคาทอลิกของ ฆวน บาร์โรส และได้ออกเผยแพร่ความเชื่อตามเมืองต่าง ๆ ในหลายครั้งได้ช่วยเหลือคนไกล้ตาย เยี่ยมผู้ต้องขัง และช่วยเหลือผู้ยากไร้

เพื่อที่จะเข้าถึงประชาชนได้ง่ายขึ้น ฟรันซิสโก คาเบียร์ ได้เรียนภาษาของชนชาติที่เขาเผยแพร่ศาสนา หลังจากที่เขาได้ปฏิเสธิตำแหน่งอธิการสามเณราลัยนักบุญเปาโล เขาจึงเดินทางไปเกาะแห่งการหาปลา ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1542 และอยู่ที่นั่นมากกว่าหนึ่งปี

ฟรันซิสโก คาเบียร์ ได้ประกาศศาสนาให้แก่ชาวปาระวัส และได้รับการต่อต้านจากพราหมณ์ในย้ายนั้น เขาเรียนภาษาทมิฬ แปลหนังสือเกี่ยวกับศาสนา และได้เทศนาเกี่ยวกับนรกและสวรรค์

เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1543 ฟรันซิสโก คาเบียร์ ได้เจอกับสหายของเขามิเซร์เปาโลและมานซิยาที่กัวและได้ขอมิชชันนารีเพิ่มจากบิขอป เขาได้บาทหลวงเพิ่มอีก 6 คน ซึ่งเขาและเพื่อนร่วมงานใหม่ได้เดินทางไปเกาะแห่งการหาปลาอีกครั้ง ระหว่างการเดินทางเขาได้เขียนจดหมายหลายฉบับไปยังสหายในโรม หนึ่งในนั้นมีใจความว่า

คริสตชนเราละเลยส่วนนี้ เนื่องจากว่ามีคนทื่ทำหน้าที่ประกาศพระวรสาร หลายครั้งหลายคราวที่ฉันมีความคิดที่ไปยังมหาวิทยาลัยเหล่านั้น และฉันจะใช้เสียงเหมือนคนแพ้คดีความ และโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยปารีส ไปพูดที่ซอร์บอนกับคนที่มีความรู้มากกว่าความตั้งใจเพราะต้องการได้ดอกผลจากความรู้นั้นว่า มีวิญญาณมากมายที่ไม่ได้ไปสู่สิริรุ่งโรจน์เนื่องจากความละเลยของพวกเขา มีจำนวนมากเหลือเกินคนที่รับเชื่อพระคริสต์ในแผ่นดินเหล่านี้ที่ฉันเดินอยู่ และหลายครั้งที่ฉันเหน็ดเหนื่อยเนื่องจากการโอบกอดในศีลล้างบาป ฉันไม่สามารถกล่าวข้อความเชื่อและพระบัญญัติและบทภาวนาอื่น ๆ ในภาษาของพวกเขาหลายครั้ง

ที่เกาะหาปลาได้แบ่งงานเป็นเขตให้แก่ผู้รับผิดชอบ หลังจากแบ่งงานแล้วฟรังซิสโก คาเบียร์ เดินทางไปยังมานาปาร์ เขาอยู่ที่นั่นหนึ่งเดือนและได้โปรดศีลล้างบาปให้มากกว่าหนึ่งหมื่นคน

ระหว่างปีค.ศ1544 ฟรันซิสโก คาเบียร์ เดินทางเผยแพร่ศาสนามากกว่ายี่สิบครั้ง เขาได้กลับไปยังกัวและหารือกับผู้ว่าการเมือง เพื่อขอกำลังทหารและขอติดตามไปช่วยเหลือคริสต์ศาสนิกชนที่โดนประหารในศรีลังกา แต่ว่าด้วยเหตุผลบางประการการเดินทางนี้ไม่เกิดขึ้น

ปีค.ศ.1545 ฟรันซิสโก คาเบียร์ เดินทางไปยังเกาะมาลุกะพร้อมกับสหาย ฆวน เอยโร และก็ถึงมะละกาในเวลาต่อมา ในเวลาสามเดือนฟรันซิสโก คาเบียร์ ได้เรียนภาษาขั้นพื้นฐานและทำความคุ้นเคยกับวัฒนธรรมท้องถิ่น และเขาก็ได้แปลหลักการพื้นฐานของความเชื่อคาทอลิกด้วยควมช่วยเหลือของผู้รู้คนอื่น และในปีเดียวกันเขาเขียนจดหมายกราบทูลกษัตริย์โปรตุเกสเกี่ยวกับ ความไม่ยุติธรรมและการดูถูกเหยียดหมายของจำนวนหน้าที่ของพระองค์

เดือนมกราคม 1546ออกเดินไปยังเกาะอมบอรีโอและเทอร์เนตหลังจากที่เขียน คู่มือสำหรับครูคำสอนของคณะแห่งพระเยซูเจ้า ในเวลาเดือนครึ่งถึงไปยังจุดหมาย ฟรังซิสโก คาเบียร์ ประกาสความเชื่อไปในหลายเกาะในเขตเซรัน ตามตำนานกล่าวว่าปูต้วหนึ่งเอากางเขนที่หายไปตอนมีพายุมาคืนเขา

เดือนมิถุนายน ฟรันซิสโก คาเบียร์ เดินทางถึงเทอร์เนต ซึ่งเป็นเมืองการค้าเครื่องเทศที่มั่งคั่งของโปรตุเกส เขาอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามเดือน จากที่นั่นเขาเดือนทางไปยังเกาะโมโรและอยู่ที่นั่นอีกสามเดือน จากที่เกาะนั้นเขาเดือนทางต่อไปยังโคชิ ถึงโคชิเมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ.1548

หลังจากที่ได้ตรวจตาและจัดระเบียบคณะแพร่ธรรมที่อินเดียและหมู่เกาะมาลุกะแล้ว ฟรันซิสโก คาเบียร์ ผิดหวังกับผลงานที่ในอินเดีย เขาจึงเดินทางไปญี่ปุ่น กับสหาย กอสเม เด ตอร์เรส, ฆวน เฟรนันเดส และล่ามนามอะนิจิโร ออกเดินทางในวันอาทิตย์ใบลาน ค.ศ.1549 ถึงญี่ปุ่นวันที่ 15 สิงหาคมของปีเดียวกัน พวกเขาลงเรือที่คะโงะชิมะ เมืองหลวงของญี่ปุ่นใต้ในขณะนั้น เขาอยู่ที่เมืองนั้นหนึ่งปีและอยู่ในญี่ปุ่นเป็นเวลาสองปีสามเดือน ในญี่ปุ่นฟรันซิสโก คาเบียร์ มีเพื่อนร่วมการประกาศข่าวดีคือ ปาโบล เด ซานตาเฟ พวกเขาแปล การประกาศข้อความเชื่อ ซึ่งถูกท่องจำและกล่าวตามท้องถนน ซึ่งหากมีคำถามใดจะใช้บริการล่าม ฟรังซิสโกคาเบียร์ มีความคาดหวังว่าหากสามารถเปลี่ยนความเชื่อให้แก่กษัตริย์ได้จะทำให้ประชาชนเปลี่ยนตาม ดังนั้นเขาจึงเดินทางขึ้นเหนือใน ค.ศ.1550 และด้วยความหวังนี้จึงได้ตั้งกลุ่มคริสตชนที่ ฮิระโดะ เดินทางต่อไปยามะงูชิ หลังจากนั้นเดินทางไปซากะอิ และเมอาโกะตามลำดับ แม่เขาไม่เคยได้รับโอกาสที่กษัตริย์จะยอมให้เขาเข้าเฝ้า

ฟรันซิสโก คาเบียร์ กลับมายังยะมะงุชิอีกครั้ง และเขาได้รับการรับรองว่าจะไม่เบียดเบียนผู้เปลี่ยนศาสนาจากเจ้าชาย ในขณะนั้นผลงานของการประกาศศาสนาได้ปรากฏขึ้น ที่นั่นมีกลุ่มคาทอลิกเล็ก ผู้รับเชื่อที่นั่นจำมากเป็นซามูไร ซึ่งทำให้เกิดการขัดแย้งตระกูลบอนโซ

เดือนกันยายน ค.ศ. 1551 ฟรันซิสโก คาเบียร์ ถูกเรียกโดยเจ้าชายแห่งบุงโกและอนุญาตให้ประกาศศาสนาได้ทั่วเกาะ หนึ่งเดือนต่อมาฟรันซิสโกคาเบียร์ เดือนทางกลับอินเดีย เดือนทางโดยเรือซานตากรูซโดยมีดิเอโก เปเรยดาเป็นกัปตันเรือ ซึ่งกัปตันผู้นี้เองเป็นผู้ออกึวามคิดเรื่องสถานเอกอัคครราชทูตโปรตุเกสในจีน เมื่อเขาเดือนทางถึงมะละกา เขาได้ทราบว่าอินเดียได้ถูกยกฐานะเป็นแขวงคณะเยสุอิตเอกเทศออกจากแขวงโปรตุเกสที่เขาสังกัดอยู่

24 มกราคม ค.ศ.1552 เดินทางถึงโคชิ และวันที่ 18 กุมภาพันธ์ก็เดินทางมาถึงกัว หลังจากที่แก้ปัญหาต่าง ๆ เสร็จสิ้นแล้ว ฟรันซิสโกคาเบียร์ ออกเดินทางไปจีน วันที่ 14 เมษายน การเดินทางครั้งนี้มีผู้ร่วมทางคือคุณพ่อกาโก พี่ของอันโตนิโอ เฟเรยรา อันโตนิโอ เด ซานตาเฟ (เชื้อสายจีน) และผู้รับใช้ชาวอินเดียนามกริสโตบาล ออกเรือจากซานตากรูซโดยมีเปเรยดาเป็นกัปตันเรือ

เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงมะละกา มีปัญหากับ อัลบาโร เด อาไตเด ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการเดินเรือ เขาพยายามไม่ให้เปเรยดาเป็นกัปตันเรือ ทำให้การเดินทางช้าไปสองเดือน เดินทางมาถีงเกาะซ้างชวน ปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ.1552ถึงเป็นแหล่งค้าขายระหว่างจีนและโปรตุเกส

พวกเขารอเรือจีนเพื่อลักลอบเข้าประเทศจากที่นั่น และวันที่ 3 ธันวาคมของปีเดียว ฟรันซิสโกคาเบียร์ ได้เสียชีวิต ด้วยอายุ 46 ปี

ศพของเขามาถึงกัวในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1554 และถูกฝังไว้ที่นั่น

หลุมฝังศพที่กัว

การประกาศเป็นนักบุญ องค์อุปถัมภ์และวันฉลอง

ฟรันซิสโก คาเบียร์ ได้รับการประกาศเป็นนักบุญโดยสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 15 ในปี ค.ศ.1622 พร้อมกับนักบุญอิกเนเชียสแห่งโลโยลา นักบุญเตเรซาแห่งอาบีลา นักบุญอิสิโดร ลาบอดอ และนักบุญเฟลิปโป เนรี

ได้รับการยกย่องเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ในหลายสถานที่และภารกิจ:

  • ค.ศ.1748 องค์อุปถัมภ์ ในแผ่นดินของแหล่งแห่งความหวังดี
  • ค.ศ.1904 องค์อุปถัมภ์ การประกาศความเชื่อ
  • ค.ศ.1927 สมเด็จพระสันตะปาปาปีอุสที่ 11 สถาปนาเป็นองค์อุปถัมภ์งานแพร่ธรรมร่วมกับนักบุญเตแรสแห่งลีซีเยอ
  • องค์อุปถัมภ์ลูกเสือคาทอลิก

องค์อุปถัมภ์ของนาบาร์รา ร่วมกับนักบุญเฟร์มิน และนักบุญมารีอา ลา เรอัล ต้นเดือนมีนาคมจะมีผู้แสวงบุญจำนวนมากจาริกไปที่ปราสาทคาเบียร์

แม่แบบ:Link GA