ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นกเงือก"
ล ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 12: | บรรทัด 12: | ||
| range_map_caption = แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ของนกเงือก (ทั่วโลก) |
| range_map_caption = แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ของนกเงือก (ทั่วโลก) |
||
| familia = '''Bucerotidae''' |
| familia = '''Bucerotidae''' |
||
| familia_authority = [[Constantine Samuel Rafinesque|Rafinesque]], [[ค.ศ. |
| familia_authority = [[Constantine Samuel Rafinesque|Rafinesque]], [[ค.ศ. 1815]] |
||
| subdivision_ranks = [[genus|สกุล]]<ref name="itis"/> |
| subdivision_ranks = [[genus|สกุล]]<ref name="itis"/> |
||
| subdivision = *''[[Aceros]]'' <small>Hodgson, 1844</small> |
| subdivision = *''[[Aceros]]'' <small>Hodgson, 1844</small> |
||
*''[[Anorrhinus]]'' <small>Reichenbach, 1849</small> |
*''[[Anorrhinus]]'' <small>Reichenbach, 1849</small> |
||
*''[[Anthracoceros]]'' <small>Reichenbach, 1849</small> |
*''[[Anthracoceros]]'' <small>Reichenbach, 1849</small> |
||
*''[[Berenicornis]]'' <small>Bonaparte, 1850</small> |
*''[[Berenicornis]]'' <small>Bonaparte, 1850</small> |
||
*''[[Buceros]]'' <small>Linnaeus, 1758</small> |
*''[[Buceros]]'' <small>Linnaeus, 1758</small> |
||
*''[[Bucorvus]]'' <small>Lesson, 1830</small> |
*''[[Bucorvus]]'' <small>Lesson, 1830</small> |
||
*''[[Bycanistes]]'' <small>Cabanis & Heine, 1860</small> |
*''[[Bycanistes]]'' <small>Cabanis & Heine, 1860</small> |
||
*''[[Ceratogymna]]'' <small>Bonaparte, 1854</small> |
*''[[Ceratogymna]]'' <small>Bonaparte, 1854</small> |
||
*''[[Ocyceros]]'' <small>Hume, 1873</small> |
*''[[Ocyceros]]'' <small>Hume, 1873</small> |
||
*''[[Penelopides]]'' <small>Reichenbach, 1849</small> |
*''[[Penelopides]]'' <small>Reichenbach, 1849</small> |
||
*''[[Rhinoplax]]'' <small>Gloger, 1841</small> |
*''[[Rhinoplax]]'' <small>Gloger, 1841</small> |
||
*''[[Rhyticeros]]'' <small>Reichenbach, 1849</small> |
*''[[Rhyticeros]]'' <small>Reichenbach, 1849</small> |
||
*''[[Tockus]]'' <small>Lesson, 1830</small> |
*''[[Tockus]]'' <small>Lesson, 1830</small> |
||
*''[[Tropicranus]]'' <small>W. L. Sclater, 1922</small> |
*''[[Tropicranus]]'' <small>W. L. Sclater, 1922</small> |
||
| synonyms = *Bucerotiformes |
| synonyms = *Bucerotiformes |
||
*Bucerotes |
*Bucerotes |
||
| synonyms_ref = <ref name="itis">[http://www.itis.gov/servlet/SingleRpt/SingleRpt?search_topic=TSN&search_value=178139 จาก itis.gov]</ref> |
| synonyms_ref = <ref name="itis">[http://www.itis.gov/servlet/SingleRpt/SingleRpt?search_topic=TSN&search_value=178139 จาก itis.gov]</ref> |
||
}} |
}} |
||
'''นกเงือก''' ({{lang-en|Hornbill}}) เป็นนกขนาดใหญ่ ที่อยู่ในวงศ์ Bucerotidae ใน[[Coraciiformes|อันดับนกตะขาบ]] (Coraciiformes) (บางข้อมูลซึ่งเป็นข้อมูลเก่าจะจัดให้อยู่ในอันดับ Bucerotiformes ซึ่งเป็นอันดับเฉพาะของนกเงือกเอง แต่ปัจจุบันนับเป็นชื่อพ้อง โดยนับรวม[[Bucorvus|นกเงือกดิน]]เข้าไปด้วย<ref name="itis"/><ref>Walters, Michael P. (1980). ''Complete Birds of the World''. David & Charles PLC. ISBN 0715376667.</ref>) เป็นนกที่เชื่อว่าถือกำเนิดมานานกว่า 45 ล้านปีมาแล้ว<ref name="นก"/> |
'''นกเงือก''' ({{lang-en|Hornbill}}) เป็นนกขนาดใหญ่ ที่อยู่ในวงศ์ Bucerotidae ใน[[Coraciiformes|อันดับนกตะขาบ]] (Coraciiformes) (บางข้อมูลซึ่งเป็นข้อมูลเก่าจะจัดให้อยู่ในอันดับ Bucerotiformes ซึ่งเป็นอันดับเฉพาะของนกเงือกเอง แต่ปัจจุบันนับเป็นชื่อพ้อง โดยนับรวม[[Bucorvus|นกเงือกดิน]]เข้าไปด้วย<ref name="itis"/><ref>Walters, Michael P. (1980). ''Complete Birds of the World''. David & Charles PLC. ISBN 0715376667.</ref>) เป็นนกที่เชื่อว่าถือกำเนิดมานานกว่า 45 ล้านปีมาแล้ว<ref name="นก"/> |
||
นกเงือก เป็นนกป่าขนาดใหญ่ ที่มีจุดเด่น คือ จะงอยปากหนาที่ใหญ่และมีโหนกทางด้านบนเป็นโพรง ภายในโพรงมีเนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำ<ref name="นก">[http://student.nu.ac.th/51320756/ho1.html ลักษณะเด่นของนกเงือก]</ref> ส่วนใหญ่ลำตัวมีสีขาวดำหางยาว ปีกกว้างใหญ่ บินได้แข็งแรง เวลาบินจะโบกปีกช้า ๆ กินผลไม้เป็นอาหารหลัก และสัตว์เลื้อยคลานเล็ก ๆ เป็นอาหารเสริม ทำรังในโพรงไม้ ตัวเมียจะเข้าไปกดไข่ในโพรงโดยใช้โคลนและมูลปิดปากโพรงไว้ เหลือเพียงช่องพอให้ตัวผู้อื่นส่งอาหารเข้าไปได้ เมื่อลูกนกโตพอแล้ว จึงเจาะโพรงออกมา |
นกเงือก เป็นนกป่าขนาดใหญ่ ที่มีจุดเด่น คือ จะงอยปากหนาที่ใหญ่และมีโหนกทางด้านบนเป็นโพรง ภายในโพรงมีเนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำ<ref name="นก">[http://student.nu.ac.th/51320756/ho1.html ลักษณะเด่นของนกเงือก]</ref> ส่วนใหญ่ลำตัวมีสีขาวดำหางยาว ปีกกว้างใหญ่ บินได้แข็งแรง เวลาบินจะโบกปีกช้า ๆ กินผลไม้เป็นอาหารหลัก และสัตว์เลื้อยคลานเล็ก ๆ เป็นอาหารเสริม ทำรังในโพรงไม้ ตัวเมียจะเข้าไปกดไข่ในโพรงโดยใช้โคลนและมูลปิดปากโพรงไว้ เหลือเพียงช่องพอให้ตัวผู้อื่นส่งอาหารเข้าไปได้ เมื่อลูกนกโตพอแล้ว จึงเจาะโพรงออกมา<ref>[http://61.19.202.164/works/birds/L02-30.htm วงศ์นกเงือก]</ref> |
||
และจากจะงอยปากและส่วนหัวที่ใหญ่เหมือนโหนกหรือหงอนนั้น ทำให้นกเงือกถูกใช้ในเชิงสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมมาแต่โบราณ โดยใช้ทำเป็นเครื่องประดับของชนเผ่าต่าง ๆ |
และจากจะงอยปากและส่วนหัวที่ใหญ่เหมือนโหนกหรือหงอนนั้น ทำให้นกเงือกถูกใช้ในเชิงสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมมาแต่โบราณ โดยใช้ทำเป็นเครื่องประดับของชนเผ่าต่าง ๆ<ref>Hodgson,BH (1833). "Description of the Buceros Homrai of the Himalaya". ''Asiat. Res''. '''18''' (ฉบับที่ 2): 169–188.</ref> |
||
พบทั่วโลกมี 55 [[species|ชนิด]] |
พบทั่วโลกมี 55 [[species|ชนิด]]<ref>[http://kpnet3.nectec.or.th/kp8/nrs/nrs702.html นกเงือก]</ref>ใน 14 [[genus|สกุล]] (ดูในตาราง) มีการแพร่กระจายอยู่ในแถบเขตร้อน ของ[[ทวีปแอฟริกา]] และ[[เอเชีย]] |
||
นกเงือกเป็นนกผัวเดียวเมียเดียว มีลักษณะการทำรังที่แปลกจากนกอื่น คือ เมื่อถึงฤดูกาลทำรัง นกคู่ผัวเมียจะพากันหารัง ซึ่งได้แก่ โพรงไม้ตามต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นยาง ที่อยู่ในที่ลับตา เมื่อตัวเมียเข้าไปอยู่ในโพรง จะทำความสะอาดแล้วเริ่มปิดปากโพรง ด้วยวัสดุต่าง ๆ เช่น ดิน เปลือกไม้ ตัวเมียจะขังตัวเองอยู่ภายในเพื่อออกไข่และเลี้ยงลูก |
นกเงือกเป็นนกผัวเดียวเมียเดียว มีลักษณะการทำรังที่แปลกจากนกอื่น คือ เมื่อถึงฤดูกาลทำรัง นกคู่ผัวเมียจะพากันหารัง ซึ่งได้แก่ โพรงไม้ตามต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นยาง ที่อยู่ในที่ลับตา เมื่อตัวเมียเข้าไปอยู่ในโพรง จะทำความสะอาดแล้วเริ่มปิดปากโพรง ด้วยวัสดุต่าง ๆ เช่น ดิน เปลือกไม้ ตัวเมียจะขังตัวเองอยู่ภายในเพื่อออกไข่และเลี้ยงลูก |
||
นกเงือก เป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติได้ประการหนึ่ง เนื่องจากจะอาศัยอยู่ในป่าหรือพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เท่านั้น เนื่องจากนกเงือกเป็นนกขนาดใหญ่ถึงใหญ่มาก |
นกเงือก เป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติได้ประการหนึ่ง เนื่องจากจะอาศัยอยู่ในป่าหรือพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เท่านั้น เนื่องจากนกเงือกเป็นนกขนาดใหญ่ถึงใหญ่มาก กินทั้งผลไม้และสัตว์เป็นอาหาร อีกทั้งธรรมชาติในการหากินต้องอาศัยพื้นที่ป่าที่กว้าง<ref name="มติชน">[http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1234975085&grpid=&catid= วันรัก"นกเงือก" สัตว์ที่เป็น "ดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของป่าและธรรมชาติ" จากมติชน]</ref> และยังเป็นตัวแพร่กระจายพันธุ์พืชชนิดต่าง ๆ ในป่าได้อย่างดีอีกด้วย เนื่องจากเป็นนกที่กินผลไม้ชนิดต่าง ๆ ได้ถึง 300 ชนิด และทิ้ง[[เมล็ดพืช|เมล็ด]]ไว้ตามที่ต่าง ๆ<ref name="นก"/> |
||
== นกเงือกในประเทศไทย == |
== นกเงือกในประเทศไทย == |
||
ประเทศไทยมีนกเงือก 13 ชนิด โดยใน[[อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่]]ซึ่งมีอาณาเขตส่วนหนึ่งอยู่ใน จังหวัดนครราชสีมา มี 4 ชนิด ได้แก่ [[นกกก]] หรือ นกกะวะ หรือ นกกาฮัง [[นกเงือกสีน้ำตาล]] [[นกเงือกกรามช้าง]] หรือ นกกู่กี๋ และ |
ประเทศไทยมีนกเงือก 13 ชนิด โดยใน[[อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่]]ซึ่งมีอาณาเขตส่วนหนึ่งอยู่ใน จังหวัดนครราชสีมา มี 4 ชนิด ได้แก่ [[นกกก]] หรือ นกกะวะ หรือ นกกาฮัง [[นกเงือกสีน้ำตาล]] [[นกเงือกกรามช้าง]] หรือ นกกู่กี๋ และ[[นกแก๊ก]] หรือนกแกง และ[[เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา]] พบ 9 ใน 12 ชนิดของนกเงือกที่พบในไทย ได้แก่ นกเงืกปากย่น นกเงือกชนหิน นกแก๊ก นกกก นกเงือกหัวหงอก นกเงือกปากดำ นกเงือกหัวแรด นกเงือกดำ นกเงือกกรามช้าง<ref>[http://www.focuspaktai.com/index.php?file=news&obj=news.view(id=9724) เดินป่า-ชมนกเงือก น้ำตกสิรินทร-นราธิวาส]</ref> |
||
=== รายชื่อนกเงือกที่พบในประเทศไทย === |
=== รายชื่อนกเงือกที่พบในประเทศไทย === |
||
บรรทัด 67: | บรรทัด 68: | ||
==รูปภาพ== |
==รูปภาพ== |
||
<gallery> |
<gallery> |
||
ภาพ:Nishi tribal from Arunachal - Diganta Talukdar.jpg|ชาวเผ่า[[นาชิ]] ซึ่งเป็น[[ชนพื้นเมือง]]ของรัฐอรุณาจัลประเทศ |
ภาพ:Nishi tribal from Arunachal - Diganta Talukdar.jpg|ชาวเผ่า[[นาชิ]] ซึ่งเป็น[[ชนพื้นเมือง]]ของรัฐอรุณาจัลประเทศ ประเทศอินเดีย สวมเครื่องประดับศีรษะที่ทำจากโหนกของนกกก |
||
ภาพ:Flag of Chin State.svg|ธงของ[[รัฐชิน]] [[ประเทศพม่า]] ที่มีสัญลักษณ์รูปนกกก |
ภาพ:Flag of Chin State.svg|ธงของ[[รัฐชิน]] [[ประเทศพม่า]] ที่มีสัญลักษณ์รูปนกกก |
||
ภาพ:Anthracoceros albirostris -Assam -India-6.jpg|นกแก๊ก ที่รัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย |
ภาพ:Anthracoceros albirostris -Assam -India-6.jpg|นกแก๊ก ที่รัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย |
||
ภาพ:Buceros rhinoceros -Nashville Zoo-8.jpg|นกเงือกหัวแรด ที่สวนสัตว์แนชวิลล์ สหรัฐอเมริกา |
ภาพ:Buceros rhinoceros -Nashville Zoo-8.jpg|นกเงือกหัวแรด ที่สวนสัตว์แนชวิลล์ สหรัฐอเมริกา |
||
ภาพ:Hornbill in Pata Zoo 2.jpg|นกเงือกที่[[สวนสัตว์พาต้า]] |
|||
</gallery> |
</gallery> |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
{{รายการอ้างอิง}} |
{{รายการอ้างอิง|4}} |
||
==แหล่งข้อมูลอื่น== |
==แหล่งข้อมูลอื่น== |
||
{{commonscat|Bucerotidae}} |
{{commonscat|Bucerotidae|นกเงือก}} |
||
{{wikispecies|Bucerotidae}} |
{{wikispecies|Bucerotidae}} |
||
*[http://www.sc.mahidol.ac.th/tha/research/hornbill.htm มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก] |
*[http://www.sc.mahidol.ac.th/tha/research/hornbill.htm มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 03:21, 16 มกราคม 2558
นกเงือก ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: โอลิโกซีน-ปัจจุบัน, 45–0Ma | |
---|---|
ส่วนหัวของนกกก (Buceros bicornis) ⓘ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Aves |
อันดับ: | Coraciiformes |
วงศ์: | Bucerotidae Rafinesque, ค.ศ. 1815 |
สกุล[1] | |
| |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ของนกเงือก (ทั่วโลก) | |
ชื่อพ้อง[1] | |
|
นกเงือก (อังกฤษ: Hornbill) เป็นนกขนาดใหญ่ ที่อยู่ในวงศ์ Bucerotidae ในอันดับนกตะขาบ (Coraciiformes) (บางข้อมูลซึ่งเป็นข้อมูลเก่าจะจัดให้อยู่ในอันดับ Bucerotiformes ซึ่งเป็นอันดับเฉพาะของนกเงือกเอง แต่ปัจจุบันนับเป็นชื่อพ้อง โดยนับรวมนกเงือกดินเข้าไปด้วย[1][2]) เป็นนกที่เชื่อว่าถือกำเนิดมานานกว่า 45 ล้านปีมาแล้ว[3]
นกเงือก เป็นนกป่าขนาดใหญ่ ที่มีจุดเด่น คือ จะงอยปากหนาที่ใหญ่และมีโหนกทางด้านบนเป็นโพรง ภายในโพรงมีเนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำ[3] ส่วนใหญ่ลำตัวมีสีขาวดำหางยาว ปีกกว้างใหญ่ บินได้แข็งแรง เวลาบินจะโบกปีกช้า ๆ กินผลไม้เป็นอาหารหลัก และสัตว์เลื้อยคลานเล็ก ๆ เป็นอาหารเสริม ทำรังในโพรงไม้ ตัวเมียจะเข้าไปกดไข่ในโพรงโดยใช้โคลนและมูลปิดปากโพรงไว้ เหลือเพียงช่องพอให้ตัวผู้อื่นส่งอาหารเข้าไปได้ เมื่อลูกนกโตพอแล้ว จึงเจาะโพรงออกมา[4]
และจากจะงอยปากและส่วนหัวที่ใหญ่เหมือนโหนกหรือหงอนนั้น ทำให้นกเงือกถูกใช้ในเชิงสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมมาแต่โบราณ โดยใช้ทำเป็นเครื่องประดับของชนเผ่าต่าง ๆ[5]
พบทั่วโลกมี 55 ชนิด[6]ใน 14 สกุล (ดูในตาราง) มีการแพร่กระจายอยู่ในแถบเขตร้อน ของทวีปแอฟริกา และเอเชีย
นกเงือกเป็นนกผัวเดียวเมียเดียว มีลักษณะการทำรังที่แปลกจากนกอื่น คือ เมื่อถึงฤดูกาลทำรัง นกคู่ผัวเมียจะพากันหารัง ซึ่งได้แก่ โพรงไม้ตามต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นยาง ที่อยู่ในที่ลับตา เมื่อตัวเมียเข้าไปอยู่ในโพรง จะทำความสะอาดแล้วเริ่มปิดปากโพรง ด้วยวัสดุต่าง ๆ เช่น ดิน เปลือกไม้ ตัวเมียจะขังตัวเองอยู่ภายในเพื่อออกไข่และเลี้ยงลูก
นกเงือก เป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติได้ประการหนึ่ง เนื่องจากจะอาศัยอยู่ในป่าหรือพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เท่านั้น เนื่องจากนกเงือกเป็นนกขนาดใหญ่ถึงใหญ่มาก กินทั้งผลไม้และสัตว์เป็นอาหาร อีกทั้งธรรมชาติในการหากินต้องอาศัยพื้นที่ป่าที่กว้าง[7] และยังเป็นตัวแพร่กระจายพันธุ์พืชชนิดต่าง ๆ ในป่าได้อย่างดีอีกด้วย เนื่องจากเป็นนกที่กินผลไม้ชนิดต่าง ๆ ได้ถึง 300 ชนิด และทิ้งเมล็ดไว้ตามที่ต่าง ๆ[3]
นกเงือกในประเทศไทย
ประเทศไทยมีนกเงือก 13 ชนิด โดยในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ซึ่งมีอาณาเขตส่วนหนึ่งอยู่ใน จังหวัดนครราชสีมา มี 4 ชนิด ได้แก่ นกกก หรือ นกกะวะ หรือ นกกาฮัง นกเงือกสีน้ำตาล นกเงือกกรามช้าง หรือ นกกู่กี๋ และนกแก๊ก หรือนกแกง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา พบ 9 ใน 12 ชนิดของนกเงือกที่พบในไทย ได้แก่ นกเงืกปากย่น นกเงือกชนหิน นกแก๊ก นกกก นกเงือกหัวหงอก นกเงือกปากดำ นกเงือกหัวแรด นกเงือกดำ นกเงือกกรามช้าง[8]
รายชื่อนกเงือกที่พบในประเทศไทย
- นกกก หรือ นกกะวะ หรือ นกกาฮัง (ชื่อภาษาอังกฤษ: Great hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Buceros bicornis)
- นกเงือกหัวแรด (ชื่อภาษาอังกฤษ: Rhinoceros hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Buceros rhinoceros)
- นกเงือกหัวหงอก (ชื่อภาษาอังกฤษ: White-crowned hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Berenicornis comatus)
- นกชนหิน (ชื่อภาษาอังกฤษ: Helmeted hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Rhinoplax vigil)
- นกแก๊ก หรือ นกแกง (ชื่อภาษาอังกฤษ: Oriental pied hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Anthracoceros albirostris)
- นกเงือกดำ (ชื่อภาษาอังกฤษ: Black hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Anthracoceros malayanus)
- นกเงือกคอแดง (ชื่อภาษาอังกฤษ: Rufous-necked hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Aceros nipalensis)
- นกเงือกสีน้ำตาลคอขาว (ชื่อภาษาอังกฤษ: Austen's brown hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Anorrhinus austeni)
- นกเงือกสีน้ำตาล (ชื่อภาษาอังกฤษ: Tickell's brown hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Anorrhinus tickelli)
- นกเงือกปากดำ (ชื่อภาษาอังกฤษ: Bushy-crested hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Anorrhinus galeritus)
- นกเงือกปากย่น (ชื่อภาษาอังกฤษ: Wrinkled hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Aceros corrugatus)
- นกเงือกกรามช้าง หรือ นกกู่กี๋ (ชื่อภาษาอังกฤษ: Wreathed hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Rhyticeros undulatus)
- นกเงือกกรามช้างปากเรียบ (ชื่อภาษาอังกฤษ: Plain-pouched hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Rhyticeros subruficollis)
โดยนกเงือกทุกชนิดในประเทศ จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และมีการศึกษา วิจัย และอนุรักษ์นกเงือกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 มีการจัดตั้งเป็นมูลนิธิ โดยทางมหาวิทยาลัยมหิดล[7] และนักวิชาการที่ศึกษาเกี่ยวกับนกเงือกโดยเฉพาะ จนได้รับฉายาว่า "มารดาแห่งนกเงือก" คือ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.พิไล พูลสวัสดิ์[9]
รูปภาพ
-
ชาวเผ่านาชิ ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของรัฐอรุณาจัลประเทศ ประเทศอินเดีย สวมเครื่องประดับศีรษะที่ทำจากโหนกของนกกก
-
ธงของรัฐชิน ประเทศพม่า ที่มีสัญลักษณ์รูปนกกก
-
นกแก๊ก ที่รัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย
-
นกเงือกหัวแรด ที่สวนสัตว์แนชวิลล์ สหรัฐอเมริกา
-
นกเงือกที่สวนสัตว์พาต้า
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 1.2 จาก itis.gov
- ↑ Walters, Michael P. (1980). Complete Birds of the World. David & Charles PLC. ISBN 0715376667.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 ลักษณะเด่นของนกเงือก
- ↑ วงศ์นกเงือก
- ↑ Hodgson,BH (1833). "Description of the Buceros Homrai of the Himalaya". Asiat. Res. 18 (ฉบับที่ 2): 169–188.
- ↑ นกเงือก
- ↑ 7.0 7.1 วันรัก"นกเงือก" สัตว์ที่เป็น "ดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของป่าและธรรมชาติ" จากมติชน
- ↑ เดินป่า-ชมนกเงือก น้ำตกสิรินทร-นราธิวาส
- ↑ ยกย่อง"พิไล" แม่ของนกเงือก จากข่าวสด