ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สปีกนาว"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
G(x) (คุย | ส่วนร่วม)
G(x) ย้ายหน้า สปีคนาว (อัลบั้มของเทย์เลอร์ สวิฟต์) ไปยัง สปีกนาว ทับหน้าเปลี่ยนทาง โดยไม่ส...
Song2281 (คุย | ส่วนร่วม)
เพิ่มแหล่งอ้างอิง
บรรทัด 35: บรรทัด 35:
}}}}
}}}}


'''สปีกนาว''' ({{lang-en|Speak Now}}) คือสตูดิโออัลบั้มที่สามของนักร้องคันทรีป็อปชาวอเมริกัน [[เทย์เลอร์ สวิฟต์]] อัลบั้มนี้ออกวางแผงในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553
'''สปีกนาว''' ({{lang-en|Speak Now}}) คือสตูดิโออัลบั้มที่สามของนักร้องคันทรีป็อปชาวอเมริกัน [[เทย์เลอร์ สวิฟต์]] อัลบั้มนี้ออกวางแผงในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553 โดยมียอดขายถึง 2 ล้านก็อปปี้ในปี พ.ศ. 2553 โดยปัจจัยจำนวนมากมาจาก การแสดงในช่วงไพรม์ไทม์วันขอบคุณพระเจ้า ทางช่องทีวีเอ็นบีซี <ref>[http://www.musicexpress.in.th/ReadContent.php?id=NTU4 Taylor Swift เผยเรื่องราวที่คุณไม่เคยรู้]</ref>


== การแต่งเพลงและการเข้าสตูดิโอ ==
== การแต่งเพลงและการเข้าสตูดิโอ ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:08, 11 พฤศจิกายน 2557

สปีกนาว
Speak Now
ภาพปกอัลบั้ม สปีกนาว
สตูดิโออัลบั้มโดย
วางตลาด25 ตุลาคม พ.ศ. 2553
(ดูประวัติการจำหน่าย)
บันทึกเสียงพ.ศ. 25512553
แนวเพลงคันทรี-ป็อป
ค่ายเพลงบิกแมทชีน เรคคอร์ทส, ยูนิเวอร์ซัล มิวซิค กรุ๊ป
โปรดิวเซอร์สก็อต บอร์เชตตา (ผู้บริหาร), นาธาน แชปแมน, เทย์เลอร์ สวิฟต์
ลำดับอัลบั้มของเทย์เลอร์ สวิฟต์
Fearless
(2551)FearlessString Module Error: Match not found
Speak Now
(2553)
Red
(2555)RedString Module Error: Match not found
ซิงเกิลจากสปีกนาว
  1. "Mine"
    จำหน่าย: 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553
  2. "Back to december"
    จำหน่าย: 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
  3. "Mean"
    จำหน่าย: 7 มีนาคม พ.ศ. 2554
  4. "The Story of Us"
    จำหน่าย: 19 เมษายน พ.ศ. 2554
  5. "Spark Fly"
    จำหน่าย: 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
  6. "Ours"
    จำหน่าย: 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สปีกนาว (อังกฤษ: Speak Now) คือสตูดิโออัลบั้มที่สามของนักร้องคันทรีป็อปชาวอเมริกัน เทย์เลอร์ สวิฟต์ อัลบั้มนี้ออกวางแผงในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553 โดยมียอดขายถึง 2 ล้านก็อปปี้ในปี พ.ศ. 2553 โดยปัจจัยจำนวนมากมาจาก การแสดงในช่วงไพรม์ไทม์วันขอบคุณพระเจ้า ทางช่องทีวีเอ็นบีซี [1]

การแต่งเพลงและการเข้าสตูดิโอ

สวิฟต์แต่งเพลงเองทั้งหมดในอัลบั้มนี้โดยไม่มีคนอื่นมาช่วยแต่งด้วย สวิฟต์พูดว่า "ฉันแต่งเพลงเองหมดทุกเพลงในอัลบั้มนี้ ฉันไม่ได้ต้องการให้มันเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว เช่น เวลาที่ฉันได้ไอเดียเจ๋งๆ ในเวลาตี 3 ที่อาร์คันซอ คุณรู้ไหม ฉันไม่มีพาร์ทเนอร์ที่จะเขียนด้วย ดังนั้นฉันจะลงมือแต่งด้วยตัวเองเลย" สวิฟต์พูดในวิดีโอแชทในวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 "อัลบั้มนี้เกี่ยวกับตัวฉันที่เกิดขึ้นภายใน 2 ปีหลังก่อนหน้านี้" 60 เปอร์เซนต์ของอัลบั้มนี้อยู่ในความดูแลของโปร์ดิวเซอร์ "นาธาน ชาฟแมน" และบางเพลงจะมีการนำเอาเครื่องดนตรีเครื่องสายและวงออร์เคสตรามาใช้ด้วย

ดีลุค อิดิชัน

ดีลุค เวอร์ชัน หรืออัลบั้มชุดพิเศษฉบับสมบูรณ์ของอัลบั้มนี้ มีขายที่เฉพาะห้าง Target ในสหรัฐอเมริกาและบางประเทศเท่านั้น ภาพปกของเวอร์ชันนี้ต่างจากภาพปกเวอร์ชันออริจินัล ก็คือ ชุดของสวิฟต์จากสีม่วงกลายเป็นสีแดง โดยอัลบั้มแบบดีลุค อิดิชั่น จะออกวางแผงวันเดียวกับอัลบั้มแบบธรรรมดา ก็คือวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553 โดยมี 3 เพลงใหม่ และเพลงอะคูสติก 3 เพลง และ 30 นาที เบื้องหลังการถ่ายทำมิวสิควิดีโอซิงเกิลแรก "Mine" รวมอยู่ในดีลุค อิดิชั่นด้วย

การโปรโมท

สวิฟต์ร้องเพลง "Innocent" ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงที่จะอยู่ใน Speak Now ในงาน Video Music Awards 2010 วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553 โดยเพลงนี้สันนิษฐานว่าเธอตั้งใจแต่งให้ คานเย เวสต์ คนที่เข้าไปก่อกวนเธอในการรับรางวัล Best Female Video ในงานครั้งก่อน บางเพลงใน "Speak Now" จะมีการปล่อยออกก่อนกำหนด จากโครงการของ iTunes "Countdown to Taylor Swift's Speak Now" โดยในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ปล่อยเพลง "Speak Now" วันที่ 11 ตุลาคม เพลง "Back to December" และตามด้วยในวันที่ 18 ตุลาคม เพลง "Mean" และเพิ่มเติม Comcast และ XfinityTv.com จะพรีวิว เพลง "Story of Us" 30 วินาทีในวันที่ 22 ตุลาคม ในบิลบอร์ด ฮอต 100 "Speak Now" เปิดตัวในอันดับที่ 8 และเพลงคันทรีในอันดับที่ 60 มียอดดาวน์โหลดถึง 217,000 ก๊อปปี้ในสัปดาห์แรกของการวางจำหน่าย

ซิงเกิล

Mine

"Mine" ซิงเกิลแรกของอัลบั้ม เดิมกำหนดออกจำหน่ายภายในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553 แต่แล้วก็ถูกเลื่อนวันออกจำหน่ายให้เร็วขึ้น เนื่องจากเพลงหลุดว่อนทางอินเทอร์เน็ต ทำให้ทางต้นสังกัดของสวิฟต์, Big Machine Records เลื่อนให้เป็นวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553 แทน เพลงนี้มียอดดาวน์โหลดในสัปดาห์แรก 297,000 ครั้งและขึ้นอันดับที่ 1 ที่เร็วที่สุดโดยทำเวลา 6 ชั่วโมง แซง Today Was a Fairytale ที่ทำได้ใน 12 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ในชาร์ทของไอทูนส์ ส่วนในชาร์ทของบิลบอร์ดฮอต 100 เปิดตัวในอันดีบที่ 3 และบิลบอร์ดเพลงคันทรีในอันดับที่ 26

ซิงเกิลอื่น ๆ ในอัลบั้ม

นอกจากเพลง Mine แล้วยังมีซิงเกิลต่อมาอีก 5 เพลง ได้แก่

  1. Back to december
  2. Mean
  3. The Story of Us
  4. Spark fly
  5. Ours

รายชื่อเพลงในอัลบั้ม

เพลงใน "Speak Now" มีทั้งหมด 14 เพลง กับแบบดีลุค อิดิชั่นเพิ่มอีก 6 เพลง ซึ่งเพลงทั้งหมดแต่งขึ้นเองโดยสวิฟต์เองทั้งหมด ยกเว้น เพลง If This Was a Movie ซึ่งสวิฟต์แต่งร่วมกับ "มาร์ติน จอนห์สัน" นักร้องนำวงบอยส์ไลก์เกิลส์ รายชื่อเพลงประกาศในเว็ปไซต์อย่างเป็นทางการของสวิฟต์ในวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553 สวิฟต์พูดเกี่ยวกับอัลบั้มนี้ว่า "แต่ละเพลงเป็นเพลงเกี่ยวกับการสารภาพภายในใจของฉันให้แก่คนที่ฉันอยากพูดมากที่สุด และไม่มีโอกาสได้พูดตั้งแต่ทีแรก"

เพลงทั้งหมดประพันธ์โดยTaylor Swift

ลำดับชื่อเพลงยาว
1."Mine"3:49
2."Sparks Fly"4:20
3."Back to December"4:53
4."Speak Now"4:00
5."Dear John"6:43
6."Mean"3:57
7."The Story of Us"4:25
8."Never Grow Up"4:50
9."Enchanted"5:52
10."Better than Revenge"3:37
11."Innocent"5:02
12."Haunted"4:02
13."Last Kiss"6:07
14."Long Live"5:17
Deluxe Edition bonus tracks
ลำดับชื่อเพลงยาว
15."Ours" 
16."If This Was a Movie" 
17."Superman" 
18."Back to December" (อะคูสติก) 
19."Haunted" (อะคูสติก) 
20."Mine" (อะคูสติก) 

แม่แบบ:Link FA

  1. Taylor Swift เผยเรื่องราวที่คุณไม่เคยรู้