ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
Antemister (คุย | ส่วนร่วม) svg (GlobalReplace v0.3) |
||
บรรทัด 146: | บรรทัด 146: | ||
| สี2 = |
| สี2 = |
||
| สี3 = #E9E9E9 |
| สี3 = #E9E9E9 |
||
| รูปภาพ = |
| รูปภาพ = Coat of arms of Sicily.svg |
||
| ตำแหน่ง = [[สมเด็จพระราชินีแห่งซิชิลี]] |
| ตำแหน่ง = [[สมเด็จพระราชินีแห่งซิชิลี]] |
||
| จำนวนตำแหน่ง = |
| จำนวนตำแหน่ง = |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:42, 21 มิถุนายน 2557
สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา | |
---|---|
รัชกาลก่อนหน้า | พระเจ้าเอนรีเกที่ 4 แห่งคาสตีล |
รัชกาลถัดไป | สมเด็จพระราชินีนาถโจแอนนาแห่งคาสตีล และ พระเจ้าเฟลีเปที่ 1 แห่งคาสตีล |
ประสูติ | 22 เมษายน ค.ศ. 1451 มาดริด เดอ ลาร์ ออร์ทา ทอร์เลส สเปน |
สวรรคต | 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 1504 (53 พรรษา) โมดีนา เดล แคมโป สเปน |
พระราชสวามี | พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน |
พระราชบุตร | อีซาเบลแห่งอัสตูเรียส สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส เจ้าชายจอห์นแห่งอัสตูเรียส สมเด็จพระราชินีนาถโจแอนนาแห่งคาสตีล มาเรียแห่งอารากอน สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส แคเธอรีนแห่งอารากอน พระราชินีแห่งอังกฤษ |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ตรัสตามารา |
พระราชบิดา | พระเจ้าควนที่ 2 แห่งคาสตีล |
พระราชมารดา | สมเด็จพระราชินีอีซาเบล |
สมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 1 แห่งคาสตีล (สเปน: Isabel I de Castilla; อังกฤษ: Isabella I of Castile22 เมษายน พ.ศ. 1994-26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2047) เป็นพระราชินีนาถแห่งคาสตีลและเลออนในราชวงศ์ตรัสตามารา พระนางและพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน พระราชสวามี ได้วางรากฐานในการรวมสเปนให้สืบต่อไปจนถึงรุ่นหลาน คือจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสองได้เป็นขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในการยึดดินแดนสเปนกลับคืนมาจากพวกมัวร์และได้กระทำการรวมชาติสเปนเป็นปึกแผ่น พระนางทรงอนุมัติให้คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสไปแสวงหาดินแดนโพ้นทะเลและจนสำรวจพบทวีปอเมริกา พระนางจัดได้ว่าเป็นนักปกครองที่ได้รับการกล่าวชื่อในประวัติศาสตร์ พระนางได้ทำให้ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเจริญอย่างมากในสเปนและพระนางทำให้กรานาดาในการปกครองของมุสลิมมัวร์ยินยอมส่งเครื่องบรรณาการต่อพระองค์ ต่อมาพระนางได้ทำการยึดครองกรานาดาได้สำเร็จ และยึดครองนาวาร์ได้ในปี พ.ศ. 2055 แล้ว คำว่า สเปน (สเปน: España) ก็เริ่มถูกนำมาใช้เพื่อเรียกชื่อของราชอาณาจักรที่รวมกันใหม่นี้ การรวมเป็นหนึ่งเดียวของราชอาณาจักรคาสตีล ราชอาณาจักรอารากอน และราชอาณาจักรนาวาร์ได้วางรากฐานให้กับการเกิดสเปนสมัยใหม่และจักรวรรดิสเปน (Spanish Empire) สเปนกลายเป็นผู้นำอำนาจของยุโรปตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 จนถึงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 17 เนื่องมาจากการปรับปรุงด้านการเมือง สังคม และการทหารในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 การขยายตัวของผลผลิตที่ได้จากเหมืองแร่เงินในทวีปอเมริกาในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 ก็ยิ่งเสริมตำแหน่งมหาอำนาจให้มั่นคงขึ้นอีก
ช่วงต้นของชีวิต
พระนางอีซาเบลประสูติที่เมืองมาดริดเกล เดอ ลาส เอทเทส ทอร์เรส ประเทศสเปน ในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 1994 หลังจากนั้น 3 ปี พระอนุชา คือ เจ้าชายอัลฟองโซแห่งอัสตูเรียสได้ประสูติตามมา เมื่อพระเจ้าควนที่ 2 แห่งคาสตีล พระบิดา เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 1997 พระเจ้าเอนรีเกที่ 4 แห่งคาสตีล พระเชษฐาต่างพระมารดา ได้ขึ้นครองราชสมบัติ พระองค์ได้เนรเทศพระนางและพระอนุชาไปที่เมืองซาโกเวียและเนรเทศพระมารดาของพระนางอีซาเบลคือ สมเด็จพระราชินีอีซาเบลไปที่เมืองอาเลวาโล การสมรสครั้งแรกของพระเจ้าเอนรีเกที่ (สมรสกับสมเด็จพระราชินีบรานซ์แห่งนาวาร์) ไม่ค่อยราบรื่น จากนั้นได้สมรสกับสมเด็จพระราชินีโจแอนนาแห่งโปรตุเกส พระเจ้าเอนรีเกถูกกล่าวหาว่าทรงเป็นพวกรักร่วมเพศ พระนางโจแอนนาได้ให้กำเนิดพระธิดาคือเจ้าหญิงโจนแห่งคาสตีล เมื่อพระนางอีซาเบลมีพระชนมายุได้ 10 พรรษา พระนางและพระอนุชาได้ถูกเรียกตัวมาที่พระราชสำนักเพื่อให้อยู่ใต้การคุมพระองค์เข้มงวดขึ้น เหล่าขุนนางได้เรียกร้องให้พระเจ้าเฮนรีตั้งเจ้าชายอัลฟองโซเป็นรัชทายาท พระองค์ก็ทรงยินยอมโดยให้เจ้าชายสมรสกับบุตรีของพระองค์ แต่ไม่กี่วันพระองค์ก็เปลี่ยนพระทัย
เหล่าขุนนางภายใต้เจ้าชายอัลฟองโซได้เรียกร้องให้เจ้าชายทวงพระราชบัลลังก์คืน และได้สู้รบกับพระเจ้าเฮนรีในยุทธการที่ออลเมโด พ.ศ. 2010 ผลการสู้รบเสมอกัน 1 ปีให้หลังเจ้าชายอัลฟองโซได้สิ้นพระชนม์ลงด้วยพระชันษา 14 ชันษา และเจ้าหญิงอีซาเบลก็ได้กลายเป็นความหวังสุดท้ายของเหล่าขุนนางฝ่ายเจ้าชายอัลฟองโซแต่พระนางปฏิเสธที่จะบัญชาการ ในที่สุดพระเจ้าเอนรีเกที่ 4 ยินยอมให้เจ้าหญิงอีซาเบลเป็นทายาทครองราชบัลลังก์อย่างแท้จริง และหลังจากนั้นเจ้าหญิงโจนจึงเป็นต้นตระกูลของพระราชบิดาต่อมา ใน พ.ศ. 2018 เจ้าหญิงโจนได้สมรสกับพระปิตุลาของพระนางเองซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งโปรตุเกส แต่การสมรสนี้ในภายหลังถูฏห้ามโดยสมเด็จพระสันตปาปาเพราะเป็นการสมรสกันในเครือญาติ พระเจ้าเฮนรียินยอมให้เจ้าหญิงอีซาเบลเลือกคู่สมรสของพระนางเอง พระนางได้เลือกเจ้าชายเฟอร์ดินานด์รัชทายาทในราชบัลลังก์แห่งอารากอน พระนางทรงประทับใจในรูปโฉมของเจ้าชาย และเจ้าชายก็ทรงประทับใจพระนางเช่นกัน ทั้งสองพระองค์ได้อภิเษกสมรสกันในวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2012 ที่เมืองวัลลาโดลิด
เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2035
ปี พ.ศ. 2035 เป็นปีที่สำคัญปีหนึ่งของพระนางอีซาเบล คือ เหตุการณ์การทวงดินแดนคืนแห่งกรานาดาซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของการรีคอนเควสตา (reconquest) การอุปถัมภ์คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสเพื่อเสาะแสวงหาดินแดนใหม่ และการขับไล่พวกยิวและมัวร์ออกจากสเปน
กรานาดา
ราชอาณาจักรกรานาดาของชาวมุสลิมแห่งราชวงศ์นาสริดได้สามรถป้องกันเมืองอย่างเข้มแข็งได้จากปฏิบัติการรีคอนเควสตาของสเปน อย่างไรก็ตามก็ได้สานมิตรไมตรีกับพระนางอีซาเบลและพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 ทั้ง 2 พระองค์ได้ใช้เวลา 10 ปีจนสามารถครองกรานาดาได้ในปี พ.ศ. 2035
เมื่อชาวสเปนได้จับสุลต่านบออับดิลสุลต่านแห่งกรานาดาและได้ปล่อยเขาเป็นอิสระจากการไถ่ตัวและให้สุลต่านปกครองกรานาดาต่อไป กษัตริย์สเปนได้เกณฑ์ทหารจากหลายประเทศทั่งยุโรปและปรับปรุงวิทยการอันล้าหลังและสร้างปืนใหญ่ การพัฒนาการเหล่านี้ทำให้สเปนประสบความสำเร็จในการรวมประเทศ ในพ.ศ. 2028ได้มีการล้อมโจมตีเมืองลอนดา เมืองนี้ก็ยอมแพ้จากการโจมตีการโจมตีโดยการใช้ระเบิดหรือปืนที่มีอานุภาพร้ายแรงเป็นวงกว้าง และปีต่อมาเมืองโลจาก็ถูกยึดและเป็นอีกครั้งที่สุลต่านบออับดิลถูกจับกุมและได้รับการปล่อยตัว และปีต่อมาในการล่มสลายแห่งมาลากาทำให้อาณาจักรมุสลิมนาสริด ตะวันตกได้พ่ายแพ้ต่อสเปน ในปีพ.ศ. 2032 อาณาจักรมุสลิมนาสริด ตะวันออกก็ได้ยอมจำนนหลังจากการล่มสลายแห่งบาซา การล้อมโจมตีกรานาดาได้เกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ ของปีพ.ศ. 2034 เมื่อค่ายของทหารสเปนถูกทำลายจากอุบัติเหตุไฟไหม้ ค่ายก็ได้สร้างใหม่ในหินเป็นรูปทรงไม้กางเขนสีขาวชื่อว่า ซานตา เฟ (i.e. 'Holy Faith') และเมื่อจบปีนี้สุลต่านบออับดิลก็ยอมจำนน ในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2035 พระนางอีซาเบลและพระเจ้าเฟร์นันโดได้เข้าเมืองกรานาดาเพื่อรับกุญแจเมือง มัสยิดต่าง ๆ ได้ถูกดัดแปลงเป็นโบสถ์ สนธิสัญญาแห่งกรานาดาได้กล่าวว่าหลังจากปีนั้นจะให้ความมั่นใจแก่ศาสนาของมุสลิม แต่ศาสนาอิสลามจะไม่คงอยู่ในสเปน
โคลัมบัส
พระนางอีซาเบลได้ปฏิเสธคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสเกี่ยวกับการล่องเรือไปอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดนการเดินทางไปทางตะวันตก แต่หลังจากนั้นพระนางก็ยินยอม วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2035 คณะสำรวจของโคลัมบัสได้ออกเดินทาง และถึงทวีปอเมริกาในวันที่ 12 ตุลาคม เขาได้กลับมาพร้อมสิ่งที่เขาพบมามอบแก่กษัตริย์ซึ่งเป็นของพื้นเมืองและทองคำ ทำให้ช่วงนี้เป็นยุคทองของสเปนในการสำรวจและแสวงหาอาณานิคม ในปีพ.ศ. 2037 ได้มีการทำสนธิสัญญาทอร์เดซิลลาสร่ามกับพระเจ้าควนที่ 2 แห่งโปรตุเกสในการแบ่งดินแดนร่วมกันในอาณานิคมนอกยุโรป
พระนางสามารถป้องกันการโจมตีจากชนพื้นเมืองอเมริกา ในปีพ.ศ. 2046 พระนางได้จัดตั้งตำแหน่งข้าหลวงแห่งอินเดียนซี่งต่อมาเป็นสภาสูงแห่งอินดี
การขับไล่ชาวยิวและชาวมุสลิม
เมื่อศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกแพร่หลายในสเปน และโตมัส เด ตอร์เกมาดา นักบวชคณะดอมินิกันสมาชิกชั้นสูงคนแรกของคณะ กษัตริย์คาทอลิกจึงได้ทำให้คาทอลิกเป็นเอกภาพ พระนางอีซาเบลจึงต่อต้านความเป็นอยู่ของชาวยิวที่ร่ำรวยจนเกินชาวคาทอลิก โตมัส เด ตอร์เกมาดาได้ทำการโน้มน้าวพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ให้คล้อยตามด้วย ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2035 พระราชกฤษฎีกาอาฮัมบราได้สั่งให้ขับไล่ชาวยิวจำนวน 200,000 คนออกจากสเปน ส่วนคนที่เหลืออยู่บังคับให้เปลี่ยนศาสนา ส่วนชาวมุสลิมในกรานาดาต้องการเสรีภาพในการนับถือศาสนาและได้ก่อกบฏ ชาวยิวคนหนึ่งผู้ซึ่งไม่ต้องถูกบังคับให้เปลี่ยนศาสนาคือ ลูอิส เดอ ซานทานเกล ผู้ซึ่งเป็นข้าหลวงการคลังของพระราชาและพระราชินีและเขาเป็นผู้ช่วยในการสำรวจโลกใหม่
บั้นปลายชีวิต
พระนางอีซาเบลและพระสวามีทรงได้รับถวายพระสมัญญา พระมหากษัตริย์คาทอลิก จากสมเด็จพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 6 ให้เป็นคาทอลิกในทางโลกแต่พระนางไม่ยอมรับ ในตลอดการครองราชสมบัติของพระองค์ทำให้สเปนเจริญและเป็นอาณษนิคมทางทะเลที่ยิ่งใหญ่ ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเฟื่องฟู หลังจากการปฏิวัติในปีพ.ศ. 2042 สนธิสัญญาแห่งกรานาดาถูกเลิกใช้ ชาวมุสลิมต้องทำการล้างบาปแบบศาสนาคริสต์หรือไม่ก็ถูกขับไล่ออกจากประเทศ ฟรันซิสโก จีเมเนซ เด ซิสเนรอส อาร์ชบิชอปแห่งโตเลโดได้ทำการคืนศาสนาคริสต์กลับสู่สเปนและการเป็นผู้มีอิทธิพลมากในสเปน
พระนางและพระสวามีได้สร้างอาณาจักรและสร้างความสัมพันธ์กับอาณาจักรอื่นๆ ด้วยการนำโอรสและธิดาไปสมรสกับบุตรของเจ้าแคว้นอื่นโดย เจ้าชายควนแห่งอัสตูเรียสอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตแห่งออสเตรียก่อตั้งสายราชวงศ์ฮับบูรก์ เจ้าหญิงอีซาเบลแห่งอัสตูเรียสให้อภิเษกสมรสกับพระเจ้ามานูเอลที่ 1 แห่งโปรตุเกสและเจ้าหญิงโจแอนนา อภิเษกสมรสกับพระเจ้าเฟลีเปที่ 1 แห่งคาสตีล แต่ความคิดของพระนางอีซาเบลล้มเหลวเพราะเจ้าชายควนแห่งอัสตูเรียสได้สิ้นพระชนม์หลังการอภิเษกไม่นาน สมเด็จพระราชินีอีซาเบลแห่งอัสตูเรียสได้สวรรคตหลังให้กำเนิดโอรส และพระโอรสก็สิ้นพระชนม์ขณะพระชนมายุ 2 ชันษา เจ้าหญิงโจแอนนาก็มีปัญหาในการอภิเษกสมรส และพระธิดา เจ้าหญิงแคเธอรินแห่งอารากอนได้กลายเป็นพระมเหสีองค์ที่ 1 ของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษพระนางได้ให้กำเนิดพระธิดาคือ สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ ที่ได้เป็นกษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์ทิวดอร์ พระนางอีซาเบลเสด็จสวรรคตในปีพ.ศ. 2047 ที่เมดินา เดล เคมโป ก่อนที่พระเจ้าเฟลีเปที่ 1 แห่งคาสตีลกับพระเจ้าเฟอร์ดินานด์เป็นศัตรูกัน
พระนางอีซาเบลได้ถูกฝังพระศพที่เมืองกรานาดาในโบสถ์คาปิลา รีล ที่สร้างขึ้งโดยพระนัดดาคือจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระศพอยู่คู่กับพระศพของพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน พระสวามี พระศพของพระนางโจแอนนาพระธิดาและพระเจ้าเฟลีเป พระสวามีของพระนางโจแอนนา และพระนัดดาซึ่งเป็นบุตรของสมเด็จพระราชินีอีซาเบล พระธิดาคือ เจ้าชายมิเกล
พระราชินีนาถอีซาเบลกับการปกครองสมัยใหม่และการศาสนา
ชาวคาทอลิกบางคนจากต่างประเทศได้ประกาศให้พระนางอีซาเบลเป็นนักบุญ ด้วยเหตุผลที่ว่าพระนางอีซาเบลได้ทำการปกป้องศาสนาคริสต์ให้คงอยู่ คริสตจักรโรมันคาทอลิกได้ยกย่องพระนางเป็น ผู้รับใช้พระเป็นเจ้า (Servant of God)
พระนางอีซาเบลได้มีการปรากฏชื่อครั้งแรกบนเหรียญของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเหรียญแห่งการระลึกถึงการครบรอบ 400 ปีการเดินทางของโคลัมบัสครั้งแรก และในปีเดียวกันพระนางได้เป็นสตรีคนแรกที่ได้ขึ้นบนแสตมป์ของอเมริกาซึ่งอยู่ในชุด Columbian Issue ที่จัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองแด่โคลัมบัสเช่นกัน ภาพพระนางได้ปรากฏในสเปนที่ 15-cent Columbian บนมูลค่า 1 $ และในภาพเต็มซึ่งด้านข้างคือโคลัมบัสและบนมูลค่าอืนๆอีกมากมาย
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
- เรื่อง Queen's Cross แต่งในศตวรรษที่ 20 โดยนักเขียนชาวอเมริกัน ลอร์เลนซ์ สคูโนเวอร์เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระราชประวัติของพระราชินีนาถอีซาเบลและพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ในช่วงกระทำการรีคอนเควสตาและช่วงทายาทสืบราชวงศ์
- เรื่อง Fuente Ovejuna ของโลป เดอ เวกา เกี่ยวกับพระนางอีซาเบลและพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ในการการต่อต้านระบบฟิวดัลของพวกขุนนาง
- เรื่อง Royal Diaries เป็นเรื่องที่รวบรวมประวัติของสตรีสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงทั่วโลกซึ่งรวมทั้ง Isabel, Jewel of Castilla, Spain, 1466 โดยคาโลลีน เมเยอร์ประวัติของพระราชินีนาถอีซาเบล
- เรื่อง Crown of Aloes เกี่ยวกับการชวนให้ระลึกถึงประวัติศาสตร์ในอดีต
- เรื่อง Pastwatch: The Redemption of Christopher Columbus โดย ออสัน สกอต การ์ดเกี่ยวกับคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส พระนางอีซาเบลและพระเจ้าเฟอร๋ดินานด์
- เรื่องสั้น Christopher Columbus and Queen Isabella of Spain Consummate Their Relationship โดย ซัลแมน รัชดี
- ในภาพยนตร์ ลอลา ฟลอเรสแสดงเป็นพระนางอีซาเบลในเรื่อง Juana la Loca, de vez en cuando แสดงโดย ซิกจวนนีย์ เวฟเวอร์ในเรื่องConquest of Paradise ของ ริดลีย์ สก็อตต์ แสดงโดยราเชล วาร์ดในเรื่อง Christopher Columbus: The Discovery แสดงโดย ราเชล เวล์สในเรื่อง The Fountain
- ในมินิซีรีส์ โดย เฟย์ ดูนาเวย์แสดงเป็นพระนางอีซาเบลในมินิซีรีส์เรื่อง Christopher Columbus
- ในเกมส์คอมพิวเตอร์ ปรากฏในเกมส์ Civilization IVโดยเป็นผู้นำของจักรวรรดิสเปน
- ในเกมส์ Age of Empires IIIโดยเป็นผู้นำของจักรวรรดิสเปน
บรรพบุรุษ
พระนางอีซาเบลทรงเป็นลูกหลานของพระเจ้าเอนรีเกที่ 2 แห่งคาสตีล พระราชโอรสในพระเจ้าอัลฟองโซที่ 11 แห่งคาสตีล กับนางเอเลนอร์แห่งกัสแมน พระสนม สมเด็จพระราชินีแคทเทอรีนแห่งแลงคัสเตอร์ พระอัยยิกาฝ่ายพระบิดาของพระนางเป็นพระนัดดาของพระเจ้าปีเตอร์แห่งคาสตีลกับพระสนม นางมาเรีย เดอ พาดิลลา พระอัยยิกาผ่ายพระมารดาของพระนางอีซาเบลคือ สมเด็จพระราชินีอีซาเบลแห่งบราแกนซาเป็นพระธิดาในดยุคอัลฟองโซแห่งบราแกนซาผูซึ่งพระมารดาคือ นางอินเนส เปเรส เอสเทเวสเป็นพระสนมในพระเจ้าจอห์นที่ 1 แห่งโปรตุเกส
อีซาเบลที่ 1 แห่งคาสตีล | พระราชบิดา: จอห์นที่ 2 แห่งคาสตีล |
พระอัยกาฝ่ายพระราชบิดา: เฮนรีที่ 3 แห่งคาสตีล |
พระปัยกาฝ่ายพระราชบิดา: จอห์นที่ 1 แห่งคาสตีล |
พระปัยยิกาฝ่ายพระราชบิดา: เอเลเนอร์แห่งอรากอน | |||
พระอัยยิกาฝ่ายพระราชบิดา: แคทเทอรีนแห่งแลงคัสเตอร์ |
พระปัยกาฝ่ายพระราชบิดา: ดยุกจอห์นแห่งแลงคัสเตอร์ | ||
พระปัยยิกาฝ่ายพระบิดา: ดัสเซสคอนสแตนต์แห่งแลงคาสเตอร์ | |||
พระราชมารดา: อีซาเบลแห่งโปรตุเกส |
พระอัยกาฝ่ายพระราชมารดา: ลอร์ดจอห์นแห่งเรอกวนกอส |
พระปัยกาฝ่ายพระราชมารดา: จอห์นที่ 1 แห่งโปรตุเกส | |
พระปัยยิกาฝ่ายพระราชมารดา: ฟิลิปปาแห่งแลงคัสเตอร์ | |||
พระอัยยิกาฝ่ายพระราชมารดา: อีซาเบลแห่งบราแกนซา |
พระปัยกาฝ่ายพระราชมารดา: ดยุคอัลฟองโซแห่งบราแกนซา | ||
พระปัยยิกาฝ่ายพระราชมารดา: เบียทริซ เปเรอิรา เอลวิม |
ภาพ
-
พระราชินีนาถอีซาเบลให้ทุนแก่โคลัมบัสเพื่อใช้ในการแสวงหาโลกใหม่
-
อนุสาวรีย์โคลัมบัสและพระนางอีซาเบลที่กรุงมาดริด
-
ภาพQueen Isabella's Will (พินัยกรรมของพระราชินีนาถอีซาเบล), โดย เอดดัวโด โรซาเลส จากซ้าย: เจ้าหญิงโจแอนนา และ พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ จากขวา: พระคาร์ดินันด์ ชิสเนรอส (หมวกสีดำ).
-
ภาพเต็มพระองค์ของพระนางอีซาเบล
-
อนุสาวรีย์พระนางอีซาเบลที่สวนเซบาทินีในมาดริด
-
มงกุฎของพระนางอีซาเบลและดาบของพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ ได้เก็บรักษาไว้ที่โบสถ์คาปีลลา รีล ที่กรานาดา
-
ภาพThe Capitulation of Granada (บทสรุปแห่งกรานาดา) วาดโดย เอฟ พาดิลลา: พระเจ้ามูฮัมเหม็ดที่ 12 พระเจ้าเฟอร์ดินานด์และพระนางอีซาเบล
อ้างอิง
- Townsend Miller. The Castles and the Crown: Spain 1451-1555 (New York: Coward-McCann, New York, 1963)
- Warren H. Carroll. Isabel Of Spain: The Catholic Queen (Front Royal, VA: Christendom Press)
- Nancy Rubin Stuart. Isabella of Castile: The First Renaissance Queen (New York: St. Martin's Press, 1991)
- Peggy K. Liss, "Isabel the Queen," New York: Oxford University Press, 1992, p. 165
- Norman Roth, "Conversos, Inquisition, and the Expulsion of the Jews from Spain," Madison, WI, The University of Wisconsin Press, 1995,p. 150
- Isabel Violante Pereira, De Mendo da Guarda a D.Manuel I, Lisboa, 2001, Livros Horizonte
- James Reston, Jr. "Dogs of God," New York: Doubleday, 2005, p. 18
- El obispo judío que bloquea a la "santa". A report in Spanish about the beatification in El Mundo
- Isabella I in the Catholic Encyclopedia
- Medieval Sourcebook: Columbus' letter to King and Queen of Spain, 1494
- Music at Isabella's court
- University of Hull: Genealogy information on Isabella I
ก่อนหน้า | สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าเอนรีเกที่ 4 แห่งคาสตีล | พระมหากษัตริย์คาสตีลและลีออน (ราชวงศ์ตรัสตามารา) ครองบัลลังก์ร่วมกับพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 (พ.ศ. 2017 – พ.ศ. 2047) |
สมเด็จพระราชินีนาถโจแอนนาร่วมกับเจ้าชายฟิลิปรูปงาม | ||
สมเด็จพระราชินีโจแอนนา แอนรีเควส | สมเด็จพระราชินีแห่งซิชิลี (พ.ศ. 2012 – พ.ศ. 2047) |
สมเด็จพระราชินีเจอร์แมนแห่งฟออิกซ์ | ||
ว่าง | สมเด็จพระราชินีแห่งอารากอน มาร์จอกาและวาเลนเซีย,เคาน์เตสแห่งบาร์เซโลนา (พ.ศ. 2022 – พ.ศ. 2047) |
ว่าง | ||
สมเด็จพระราชินีแอนน์แห่งบริตานี | สมเด็จพระราชินีแห่งเนเปิลส์ (พ.ศ. 2047) |
ว่าง | ||
เจ้าชายอัลฟองโซแห่งคาสตีล | เจ้าหญิงแห่งอัสตูเรียส (พ.ศ. 2011 – พ.ศ. 2017) |
อีซาเบล เจ้าหญิงแห่งอัสตูเรียส |