ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Antemister (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 146: บรรทัด 146:
| สี2 =
| สี2 =
| สี3 = #E9E9E9
| สี3 = #E9E9E9
| รูปภาพ = Regione-Sicilia-Stemma.png
| รูปภาพ = Coat of arms of Sicily.svg
| ตำแหน่ง = [[สมเด็จพระราชินีแห่งซิชิลี]]
| ตำแหน่ง = [[สมเด็จพระราชินีแห่งซิชิลี]]
| จำนวนตำแหน่ง =
| จำนวนตำแหน่ง =

รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:42, 21 มิถุนายน 2557

สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา
รัชกาลก่อนหน้าพระเจ้าเอนรีเกที่ 4 แห่งคาสตีล
รัชกาลถัดไปสมเด็จพระราชินีนาถโจแอนนาแห่งคาสตีล และ พระเจ้าเฟลีเปที่ 1 แห่งคาสตีล
ประสูติ22 เมษายน ค.ศ. 1451
มาดริด เดอ ลาร์ ออร์ทา ทอร์เลส สเปน
สวรรคต26 พฤศจิกายน ค.ศ. 1504 (53 พรรษา)
โมดีนา เดล แคมโป สเปน
พระราชสวามีพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน
พระราชบุตรอีซาเบลแห่งอัสตูเรียส สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส
เจ้าชายจอห์นแห่งอัสตูเรียส
สมเด็จพระราชินีนาถโจแอนนาแห่งคาสตีล
มาเรียแห่งอารากอน สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส
แคเธอรีนแห่งอารากอน พระราชินีแห่งอังกฤษ
ราชวงศ์ราชวงศ์ตรัสตามารา
พระราชบิดาพระเจ้าควนที่ 2 แห่งคาสตีล
พระราชมารดาสมเด็จพระราชินีอีซาเบล

สมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 1 แห่งคาสตีล (สเปน: Isabel I de Castilla; อังกฤษ: Isabella I of Castile22 เมษายน พ.ศ. 1994-26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2047) เป็นพระราชินีนาถแห่งคาสตีลและเลออนในราชวงศ์ตรัสตามารา พระนางและพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน พระราชสวามี ได้วางรากฐานในการรวมสเปนให้สืบต่อไปจนถึงรุ่นหลาน คือจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสองได้เป็นขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในการยึดดินแดนสเปนกลับคืนมาจากพวกมัวร์และได้กระทำการรวมชาติสเปนเป็นปึกแผ่น พระนางทรงอนุมัติให้คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสไปแสวงหาดินแดนโพ้นทะเลและจนสำรวจพบทวีปอเมริกา พระนางจัดได้ว่าเป็นนักปกครองที่ได้รับการกล่าวชื่อในประวัติศาสตร์ พระนางได้ทำให้ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเจริญอย่างมากในสเปนและพระนางทำให้กรานาดาในการปกครองของมุสลิมมัวร์ยินยอมส่งเครื่องบรรณาการต่อพระองค์ ต่อมาพระนางได้ทำการยึดครองกรานาดาได้สำเร็จ และยึดครองนาวาร์ได้ในปี พ.ศ. 2055 แล้ว คำว่า สเปน (สเปน: España) ก็เริ่มถูกนำมาใช้เพื่อเรียกชื่อของราชอาณาจักรที่รวมกันใหม่นี้ การรวมเป็นหนึ่งเดียวของราชอาณาจักรคาสตีล ราชอาณาจักรอารากอน และราชอาณาจักรนาวาร์ได้วางรากฐานให้กับการเกิดสเปนสมัยใหม่และจักรวรรดิสเปน (Spanish Empire) สเปนกลายเป็นผู้นำอำนาจของยุโรปตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 จนถึงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 17 เนื่องมาจากการปรับปรุงด้านการเมือง สังคม และการทหารในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 การขยายตัวของผลผลิตที่ได้จากเหมืองแร่เงินในทวีปอเมริกาในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 ก็ยิ่งเสริมตำแหน่งมหาอำนาจให้มั่นคงขึ้นอีก

ช่วงต้นของชีวิต

พระปรมาภิไธยของพระองค์

พระนางอีซาเบลประสูติที่เมืองมาดริดเกล เดอ ลาส เอทเทส ทอร์เรส ประเทศสเปน ในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 1994 หลังจากนั้น 3 ปี พระอนุชา คือ เจ้าชายอัลฟองโซแห่งอัสตูเรียสได้ประสูติตามมา เมื่อพระเจ้าควนที่ 2 แห่งคาสตีล พระบิดา เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 1997 พระเจ้าเอนรีเกที่ 4 แห่งคาสตีล พระเชษฐาต่างพระมารดา ได้ขึ้นครองราชสมบัติ พระองค์ได้เนรเทศพระนางและพระอนุชาไปที่เมืองซาโกเวียและเนรเทศพระมารดาของพระนางอีซาเบลคือ สมเด็จพระราชินีอีซาเบลไปที่เมืองอาเลวาโล การสมรสครั้งแรกของพระเจ้าเอนรีเกที่ (สมรสกับสมเด็จพระราชินีบรานซ์แห่งนาวาร์) ไม่ค่อยราบรื่น จากนั้นได้สมรสกับสมเด็จพระราชินีโจแอนนาแห่งโปรตุเกส พระเจ้าเอนรีเกถูกกล่าวหาว่าทรงเป็นพวกรักร่วมเพศ พระนางโจแอนนาได้ให้กำเนิดพระธิดาคือเจ้าหญิงโจนแห่งคาสตีล เมื่อพระนางอีซาเบลมีพระชนมายุได้ 10 พรรษา พระนางและพระอนุชาได้ถูกเรียกตัวมาที่พระราชสำนักเพื่อให้อยู่ใต้การคุมพระองค์เข้มงวดขึ้น เหล่าขุนนางได้เรียกร้องให้พระเจ้าเฮนรีตั้งเจ้าชายอัลฟองโซเป็นรัชทายาท พระองค์ก็ทรงยินยอมโดยให้เจ้าชายสมรสกับบุตรีของพระองค์ แต่ไม่กี่วันพระองค์ก็เปลี่ยนพระทัย

เหล่าขุนนางภายใต้เจ้าชายอัลฟองโซได้เรียกร้องให้เจ้าชายทวงพระราชบัลลังก์คืน และได้สู้รบกับพระเจ้าเฮนรีในยุทธการที่ออลเมโด พ.ศ. 2010 ผลการสู้รบเสมอกัน 1 ปีให้หลังเจ้าชายอัลฟองโซได้สิ้นพระชนม์ลงด้วยพระชันษา 14 ชันษา และเจ้าหญิงอีซาเบลก็ได้กลายเป็นความหวังสุดท้ายของเหล่าขุนนางฝ่ายเจ้าชายอัลฟองโซแต่พระนางปฏิเสธที่จะบัญชาการ ในที่สุดพระเจ้าเอนรีเกที่ 4 ยินยอมให้เจ้าหญิงอีซาเบลเป็นทายาทครองราชบัลลังก์อย่างแท้จริง และหลังจากนั้นเจ้าหญิงโจนจึงเป็นต้นตระกูลของพระราชบิดาต่อมา ใน พ.ศ. 2018 เจ้าหญิงโจนได้สมรสกับพระปิตุลาของพระนางเองซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งโปรตุเกส แต่การสมรสนี้ในภายหลังถูฏห้ามโดยสมเด็จพระสันตปาปาเพราะเป็นการสมรสกันในเครือญาติ พระเจ้าเฮนรียินยอมให้เจ้าหญิงอีซาเบลเลือกคู่สมรสของพระนางเอง พระนางได้เลือกเจ้าชายเฟอร์ดินานด์รัชทายาทในราชบัลลังก์แห่งอารากอน พระนางทรงประทับใจในรูปโฉมของเจ้าชาย และเจ้าชายก็ทรงประทับใจพระนางเช่นกัน ทั้งสองพระองค์ได้อภิเษกสมรสกันในวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2012 ที่เมืองวัลลาโดลิด

เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2035

พระนางอีซาเบล พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 และเจ้าหญิงโจแอนนา พระราชธิดา ในปีพ.ศ. 2025
พระนางอีซาเบลกับพระเจ้าเฟร์นันโดกำลังออกขุนนาง

ปี พ.ศ. 2035 เป็นปีที่สำคัญปีหนึ่งของพระนางอีซาเบล คือ เหตุการณ์การทวงดินแดนคืนแห่งกรานาดาซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของการรีคอนเควสตา (reconquest) การอุปถัมภ์คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสเพื่อเสาะแสวงหาดินแดนใหม่ และการขับไล่พวกยิวและมัวร์ออกจากสเปน

กรานาดา

ราชอาณาจักรกรานาดาของชาวมุสลิมแห่งราชวงศ์นาสริดได้สามรถป้องกันเมืองอย่างเข้มแข็งได้จากปฏิบัติการรีคอนเควสตาของสเปน อย่างไรก็ตามก็ได้สานมิตรไมตรีกับพระนางอีซาเบลและพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 ทั้ง 2 พระองค์ได้ใช้เวลา 10 ปีจนสามารถครองกรานาดาได้ในปี พ.ศ. 2035

เมื่อชาวสเปนได้จับสุลต่านบออับดิลสุลต่านแห่งกรานาดาและได้ปล่อยเขาเป็นอิสระจากการไถ่ตัวและให้สุลต่านปกครองกรานาดาต่อไป กษัตริย์สเปนได้เกณฑ์ทหารจากหลายประเทศทั่งยุโรปและปรับปรุงวิทยการอันล้าหลังและสร้างปืนใหญ่ การพัฒนาการเหล่านี้ทำให้สเปนประสบความสำเร็จในการรวมประเทศ ในพ.ศ. 2028ได้มีการล้อมโจมตีเมืองลอนดา เมืองนี้ก็ยอมแพ้จากการโจมตีการโจมตีโดยการใช้ระเบิดหรือปืนที่มีอานุภาพร้ายแรงเป็นวงกว้าง และปีต่อมาเมืองโลจาก็ถูกยึดและเป็นอีกครั้งที่สุลต่านบออับดิลถูกจับกุมและได้รับการปล่อยตัว และปีต่อมาในการล่มสลายแห่งมาลากาทำให้อาณาจักรมุสลิมนาสริด ตะวันตกได้พ่ายแพ้ต่อสเปน ในปีพ.ศ. 2032 อาณาจักรมุสลิมนาสริด ตะวันออกก็ได้ยอมจำนนหลังจากการล่มสลายแห่งบาซา การล้อมโจมตีกรานาดาได้เกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ ของปีพ.ศ. 2034 เมื่อค่ายของทหารสเปนถูกทำลายจากอุบัติเหตุไฟไหม้ ค่ายก็ได้สร้างใหม่ในหินเป็นรูปทรงไม้กางเขนสีขาวชื่อว่า ซานตา เฟ (i.e. 'Holy Faith') และเมื่อจบปีนี้สุลต่านบออับดิลก็ยอมจำนน ในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2035 พระนางอีซาเบลและพระเจ้าเฟร์นันโดได้เข้าเมืองกรานาดาเพื่อรับกุญแจเมือง มัสยิดต่าง ๆ ได้ถูกดัดแปลงเป็นโบสถ์ สนธิสัญญาแห่งกรานาดาได้กล่าวว่าหลังจากปีนั้นจะให้ความมั่นใจแก่ศาสนาของมุสลิม แต่ศาสนาอิสลามจะไม่คงอยู่ในสเปน

โคลัมบัส

ภาพแกะสลักพระนางอีซาเบลในตอนสวดแก่พระบิดาและพระมารดาที่ถูกฝังในคาร์ทูจา เดอ มิราฟอร์ที่เมืองเบอร์โก

พระนางอีซาเบลได้ปฏิเสธคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสเกี่ยวกับการล่องเรือไปอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดนการเดินทางไปทางตะวันตก แต่หลังจากนั้นพระนางก็ยินยอม วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2035 คณะสำรวจของโคลัมบัสได้ออกเดินทาง และถึงทวีปอเมริกาในวันที่ 12 ตุลาคม เขาได้กลับมาพร้อมสิ่งที่เขาพบมามอบแก่กษัตริย์ซึ่งเป็นของพื้นเมืองและทองคำ ทำให้ช่วงนี้เป็นยุคทองของสเปนในการสำรวจและแสวงหาอาณานิคม ในปีพ.ศ. 2037 ได้มีการทำสนธิสัญญาทอร์เดซิลลาสร่ามกับพระเจ้าควนที่ 2 แห่งโปรตุเกสในการแบ่งดินแดนร่วมกันในอาณานิคมนอกยุโรป

พระนางสามารถป้องกันการโจมตีจากชนพื้นเมืองอเมริกา ในปีพ.ศ. 2046 พระนางได้จัดตั้งตำแหน่งข้าหลวงแห่งอินเดียนซี่งต่อมาเป็นสภาสูงแห่งอินดี

การขับไล่ชาวยิวและชาวมุสลิม

เมื่อศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกแพร่หลายในสเปน และโตมัส เด ตอร์เกมาดา นักบวชคณะดอมินิกันสมาชิกชั้นสูงคนแรกของคณะ กษัตริย์คาทอลิกจึงได้ทำให้คาทอลิกเป็นเอกภาพ พระนางอีซาเบลจึงต่อต้านความเป็นอยู่ของชาวยิวที่ร่ำรวยจนเกินชาวคาทอลิก โตมัส เด ตอร์เกมาดาได้ทำการโน้มน้าวพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ให้คล้อยตามด้วย ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2035 พระราชกฤษฎีกาอาฮัมบราได้สั่งให้ขับไล่ชาวยิวจำนวน 200,000 คนออกจากสเปน ส่วนคนที่เหลืออยู่บังคับให้เปลี่ยนศาสนา ส่วนชาวมุสลิมในกรานาดาต้องการเสรีภาพในการนับถือศาสนาและได้ก่อกบฏ ชาวยิวคนหนึ่งผู้ซึ่งไม่ต้องถูกบังคับให้เปลี่ยนศาสนาคือ ลูอิส เดอ ซานทานเกล ผู้ซึ่งเป็นข้าหลวงการคลังของพระราชาและพระราชินีและเขาเป็นผู้ช่วยในการสำรวจโลกใหม่

บั้นปลายชีวิต

เอกสารในเมืองกรานาดาที่มีลายพระหัตถ์ของพระนางอีซาเบล
ภาพพระนางอีซาเบลในช่วงบั้นปลาย

พระนางอีซาเบลและพระสวามีทรงได้รับถวายพระสมัญญา พระมหากษัตริย์คาทอลิก จากสมเด็จพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 6 ให้เป็นคาทอลิกในทางโลกแต่พระนางไม่ยอมรับ ในตลอดการครองราชสมบัติของพระองค์ทำให้สเปนเจริญและเป็นอาณษนิคมทางทะเลที่ยิ่งใหญ่ ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเฟื่องฟู หลังจากการปฏิวัติในปีพ.ศ. 2042 สนธิสัญญาแห่งกรานาดาถูกเลิกใช้ ชาวมุสลิมต้องทำการล้างบาปแบบศาสนาคริสต์หรือไม่ก็ถูกขับไล่ออกจากประเทศ ฟรันซิสโก จีเมเนซ เด ซิสเนรอส อาร์ชบิชอปแห่งโตเลโดได้ทำการคืนศาสนาคริสต์กลับสู่สเปนและการเป็นผู้มีอิทธิพลมากในสเปน

พระนางและพระสวามีได้สร้างอาณาจักรและสร้างความสัมพันธ์กับอาณาจักรอื่นๆ ด้วยการนำโอรสและธิดาไปสมรสกับบุตรของเจ้าแคว้นอื่นโดย เจ้าชายควนแห่งอัสตูเรียสอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตแห่งออสเตรียก่อตั้งสายราชวงศ์ฮับบูรก์ เจ้าหญิงอีซาเบลแห่งอัสตูเรียสให้อภิเษกสมรสกับพระเจ้ามานูเอลที่ 1 แห่งโปรตุเกสและเจ้าหญิงโจแอนนา อภิเษกสมรสกับพระเจ้าเฟลีเปที่ 1 แห่งคาสตีล แต่ความคิดของพระนางอีซาเบลล้มเหลวเพราะเจ้าชายควนแห่งอัสตูเรียสได้สิ้นพระชนม์หลังการอภิเษกไม่นาน สมเด็จพระราชินีอีซาเบลแห่งอัสตูเรียสได้สวรรคตหลังให้กำเนิดโอรส และพระโอรสก็สิ้นพระชนม์ขณะพระชนมายุ 2 ชันษา เจ้าหญิงโจแอนนาก็มีปัญหาในการอภิเษกสมรส และพระธิดา เจ้าหญิงแคเธอรินแห่งอารากอนได้กลายเป็นพระมเหสีองค์ที่ 1 ของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษพระนางได้ให้กำเนิดพระธิดาคือ สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ ที่ได้เป็นกษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์ทิวดอร์ พระนางอีซาเบลเสด็จสวรรคตในปีพ.ศ. 2047 ที่เมดินา เดล เคมโป ก่อนที่พระเจ้าเฟลีเปที่ 1 แห่งคาสตีลกับพระเจ้าเฟอร์ดินานด์เป็นศัตรูกัน

พระนางอีซาเบลได้ถูกฝังพระศพที่เมืองกรานาดาในโบสถ์คาปิลา รีล ที่สร้างขึ้งโดยพระนัดดาคือจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระศพอยู่คู่กับพระศพของพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน พระสวามี พระศพของพระนางโจแอนนาพระธิดาและพระเจ้าเฟลีเป พระสวามีของพระนางโจแอนนา และพระนัดดาซึ่งเป็นบุตรของสมเด็จพระราชินีอีซาเบล พระธิดาคือ เจ้าชายมิเกล

พระราชินีนาถอีซาเบลกับการปกครองสมัยใหม่และการศาสนา

ภาพMadonna of the Catholic Monarchsโดยเฟอร์นันโด เกแลโก

ชาวคาทอลิกบางคนจากต่างประเทศได้ประกาศให้พระนางอีซาเบลเป็นนักบุญ ด้วยเหตุผลที่ว่าพระนางอีซาเบลได้ทำการปกป้องศาสนาคริสต์ให้คงอยู่ คริสตจักรโรมันคาทอลิกได้ยกย่องพระนางเป็น ผู้รับใช้พระเป็นเจ้า (Servant of God)

พระนางอีซาเบลได้มีการปรากฏชื่อครั้งแรกบนเหรียญของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเหรียญแห่งการระลึกถึงการครบรอบ 400 ปีการเดินทางของโคลัมบัสครั้งแรก และในปีเดียวกันพระนางได้เป็นสตรีคนแรกที่ได้ขึ้นบนแสตมป์ของอเมริกาซึ่งอยู่ในชุด Columbian Issue ที่จัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองแด่โคลัมบัสเช่นกัน ภาพพระนางได้ปรากฏในสเปนที่ 15-cent Columbian บนมูลค่า 1 $ และในภาพเต็มซึ่งด้านข้างคือโคลัมบัสและบนมูลค่าอืนๆอีกมากมาย

ในวัฒนธรรมสมัยนิยม

รูปปั้นพระนางอีซาเบลที่เมืองกรานาดา
  • เรื่อง Queen's Cross แต่งในศตวรรษที่ 20 โดยนักเขียนชาวอเมริกัน ลอร์เลนซ์ สคูโนเวอร์เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระราชประวัติของพระราชินีนาถอีซาเบลและพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ในช่วงกระทำการรีคอนเควสตาและช่วงทายาทสืบราชวงศ์
  • เรื่อง Fuente Ovejuna ของโลป เดอ เวกา เกี่ยวกับพระนางอีซาเบลและพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ในการการต่อต้านระบบฟิวดัลของพวกขุนนาง
  • เรื่อง Royal Diaries เป็นเรื่องที่รวบรวมประวัติของสตรีสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงทั่วโลกซึ่งรวมทั้ง Isabel, Jewel of Castilla, Spain, 1466 โดยคาโลลีน เมเยอร์ประวัติของพระราชินีนาถอีซาเบล
  • เรื่อง Crown of Aloes เกี่ยวกับการชวนให้ระลึกถึงประวัติศาสตร์ในอดีต
  • เรื่อง Pastwatch: The Redemption of Christopher Columbus โดย ออสัน สกอต การ์ดเกี่ยวกับคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส พระนางอีซาเบลและพระเจ้าเฟอร๋ดินานด์
  • เรื่องสั้น Christopher Columbus and Queen Isabella of Spain Consummate Their Relationship โดย ซัลแมน รัชดี
  • ในภาพยนตร์ ลอลา ฟลอเรสแสดงเป็นพระนางอีซาเบลในเรื่อง Juana la Loca, de vez en cuando แสดงโดย ซิกจวนนีย์ เวฟเวอร์ในเรื่องConquest of Paradise ของ ริดลีย์ สก็อตต์ แสดงโดยราเชล วาร์ดในเรื่อง Christopher Columbus: The Discovery แสดงโดย ราเชล เวล์สในเรื่อง The Fountain
  • ในมินิซีรีส์ โดย เฟย์ ดูนาเวย์แสดงเป็นพระนางอีซาเบลในมินิซีรีส์เรื่อง Christopher Columbus
  • ในเกมส์คอมพิวเตอร์ ปรากฏในเกมส์ Civilization IVโดยเป็นผู้นำของจักรวรรดิสเปน
  • ในเกมส์ Age of Empires IIIโดยเป็นผู้นำของจักรวรรดิสเปน

บรรพบุรุษ

พระนางอีซาเบลทรงเป็นลูกหลานของพระเจ้าเอนรีเกที่ 2 แห่งคาสตีล พระราชโอรสในพระเจ้าอัลฟองโซที่ 11 แห่งคาสตีล กับนางเอเลนอร์แห่งกัสแมน พระสนม สมเด็จพระราชินีแคทเทอรีนแห่งแลงคัสเตอร์ พระอัยยิกาฝ่ายพระบิดาของพระนางเป็นพระนัดดาของพระเจ้าปีเตอร์แห่งคาสตีลกับพระสนม นางมาเรีย เดอ พาดิลลา พระอัยยิกาผ่ายพระมารดาของพระนางอีซาเบลคือ สมเด็จพระราชินีอีซาเบลแห่งบราแกนซาเป็นพระธิดาในดยุคอัลฟองโซแห่งบราแกนซาผูซึ่งพระมารดาคือ นางอินเนส เปเรส เอสเทเวสเป็นพระสนมในพระเจ้าจอห์นที่ 1 แห่งโปรตุเกส

พระราชตระกูลในสามรุ่นของสมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบล
อีซาเบลที่ 1 แห่งคาสตีล พระราชบิดา:
จอห์นที่ 2 แห่งคาสตีล
พระอัยกาฝ่ายพระราชบิดา:
เฮนรีที่ 3 แห่งคาสตีล
พระปัยกาฝ่ายพระราชบิดา:
จอห์นที่ 1 แห่งคาสตีล
พระปัยยิกาฝ่ายพระราชบิดา:
เอเลเนอร์แห่งอรากอน
พระอัยยิกาฝ่ายพระราชบิดา:
แคทเทอรีนแห่งแลงคัสเตอร์
พระปัยกาฝ่ายพระราชบิดา:
ดยุกจอห์นแห่งแลงคัสเตอร์
พระปัยยิกาฝ่ายพระบิดา:
ดัสเซสคอนสแตนต์แห่งแลงคาสเตอร์
พระราชมารดา:
อีซาเบลแห่งโปรตุเกส
พระอัยกาฝ่ายพระราชมารดา:
ลอร์ดจอห์นแห่งเรอกวนกอส
พระปัยกาฝ่ายพระราชมารดา:
จอห์นที่ 1 แห่งโปรตุเกส
พระปัยยิกาฝ่ายพระราชมารดา:
ฟิลิปปาแห่งแลงคัสเตอร์
พระอัยยิกาฝ่ายพระราชมารดา:
อีซาเบลแห่งบราแกนซา
พระปัยกาฝ่ายพระราชมารดา:
ดยุคอัลฟองโซแห่งบราแกนซา
พระปัยยิกาฝ่ายพระราชมารดา:
เบียทริซ เปเรอิรา เอลวิม

ภาพ

อ้างอิง

ก่อนหน้า สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา ถัดไป
พระเจ้าเอนรีเกที่ 4 แห่งคาสตีล
พระมหากษัตริย์คาสตีลและลีออน
(ราชวงศ์ตรัสตามารา) ครองบัลลังก์ร่วมกับพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2

(พ.ศ. 2017พ.ศ. 2047)
สมเด็จพระราชินีนาถโจแอนนาร่วมกับเจ้าชายฟิลิปรูปงาม
สมเด็จพระราชินีโจแอนนา แอนรีเควส
สมเด็จพระราชินีแห่งซิชิลี
(พ.ศ. 2012พ.ศ. 2047)
สมเด็จพระราชินีเจอร์แมนแห่งฟออิกซ์
ว่าง
สมเด็จพระราชินีแห่งอารากอน มาร์จอกาและวาเลนเซีย,เคาน์เตสแห่งบาร์เซโลนา
(พ.ศ. 2022พ.ศ. 2047)
ว่าง
สมเด็จพระราชินีแอนน์แห่งบริตานี
สมเด็จพระราชินีแห่งเนเปิลส์
(พ.ศ. 2047)
ว่าง
เจ้าชายอัลฟองโซแห่งคาสตีล
เจ้าหญิงแห่งอัสตูเรียส
(พ.ศ. 2011พ.ศ. 2017)
อีซาเบล เจ้าหญิงแห่งอัสตูเรียส

แม่แบบ:Link FA