ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โมนาลิซา"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 37: บรรทัด 37:
== ทฤษฎีสมทบ ==
== ทฤษฎีสมทบ ==
กล่าวกันว่าภาพวาดนี้ ดาวินชี ตั้งใจจะวาดภาพของตนเองเพื่อเป็นและภาพวาดชิ้นนี้เมื่อส่องกับกระจกเงา จะพบว่ามุมการมองภาพรู้สึกเป็นธรรมชาติไม่แตกต่างจากการมองแบบปกติ เหมือนที่ ดา วินชี กล่าวไว้ว่า "ภาพเขียนที่จิตรกรคิดว่าสวยงามในทุกด้านและทุกมุมมองนั้น ต้องพิจารณาภาพๆนั้นในกระจกเงาด้วย" และจากการฉายรังสีที่ภาพวาด ทำให้พบว่าภาพเขียนนี้ถูกซ่อนเจตนาที่แท้จริงหลายอย่าง และยังเคยถูกเขียนทับโดยผู้ป่วยจิตเวศด้วย
กล่าวกันว่าภาพวาดนี้ ดาวินชี ตั้งใจจะวาดภาพของตนเองเพื่อเป็นและภาพวาดชิ้นนี้เมื่อส่องกับกระจกเงา จะพบว่ามุมการมองภาพรู้สึกเป็นธรรมชาติไม่แตกต่างจากการมองแบบปกติ เหมือนที่ ดา วินชี กล่าวไว้ว่า "ภาพเขียนที่จิตรกรคิดว่าสวยงามในทุกด้านและทุกมุมมองนั้น ต้องพิจารณาภาพๆนั้นในกระจกเงาด้วย" และจากการฉายรังสีที่ภาพวาด ทำให้พบว่าภาพเขียนนี้ถูกซ่อนเจตนาที่แท้จริงหลายอย่าง และยังเคยถูกเขียนทับโดยผู้ป่วยจิตเวศด้วย
และอีกทฤษฎีคือ แรงบันดาลใจมาจากชายหนุ่มชื่อ "จิแอน จิอาโคโม คาปรอตติ" หรือที่ดาวินชี เรียกว่า "ซาฟารี" ซึ่งเป็นเมียน้อยคนสนิทของดาวินชี
และอีกทฤษฎีคือ แรงบันดาลใจมาจากชายหนุ่มชื่อ "จิแอน จิอาโคโม คาปรอตติ" หรือที่ดาวินชี เรียกว่า "ซาไล" ซึ่งเป็นเมียน้อยคนสนิทของดาวินชี
โดยคาปรอตติได้ทำงานเป็นผู้ช่วยของดาวินชีอยู่กว่า 25 ปี และตลอด 25 ปีนั้น ทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือมาก ก็อาจเป็นไปได้ว่า
โดยคาปรอตติได้ทำงานเป็นผู้ช่วยของดาวินชีอยู่กว่า 25 ปี และตลอด 25 ปีนั้น ทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือมาก ก็อาจเป็นไปได้ว่า
คาปรอตติ เป็นชายคนรักของดาวินชีก็เป็นได้และเพื่อสนับสนุนทฤษฎีดังกล่าว ซิลวาโน วินเชตี้ ได้นำภาพเหมือนของคาปรอตติ ผลงานของ
คาปรอตติ เป็นชายคนรักของดาวินชีก็เป็นได้และเพื่อสนับสนุนทฤษฎีดังกล่าว ซิลวาโน วินเชตี้ ได้นำภาพเหมือนของคาปรอตติ ผลงานของ
ลีโอนาโด ดาวินชี มาเปรียบเทียบกับภาพโมนาลิซ่า พบว่า โมนาลิซ่า และ คาปรอตติ มีใบหน้าพิมพ์เดียวกัน และหากคาปรอตติไม่มีคิ้ว
ลีโอนาโด ดาวินชี มาเปรียบเทียบกับภาพโมนาลิซ่า พบว่า โมนาลิซ่า และ คาปรอตติ มีใบหน้าพิมพ์เดียวกัน และหากคาปรอตติไม่มีคิ้ว
ก็จะมีความคล้ายคลึงกับโมนาลิซ่ามาก จึงมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่า รูปภาพโมนาลิซ่า เป็นคาปรอตติในคราบผู้หญิง ไม่ได้เป็นภาพของ ลิซ่า เกราดินี
ก็จะมีความคล้ายคลึงกับโมนาลิซ่ามาก จึงมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่า รูปภาพโมนาลิซ่า เป็นคาปรอตติในคราบผู้หญิง ไม่ได้เป็นภาพของ ลิซ่า เกราดินี
ภรรยาพ่อค้าค้าประเวณีเมืองฟลอเรนซ์ ดังที่นักวิชาการสันนิษฐานกันก่อนหน้านี้แต่อย่างใด�นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่ โมนาลิซ่า และ คาปรอตติ จะมีใบหน้าพิมพ์เดียวกันเท่านั้น ทฤษฎีนี้ยังไขปริศนาตัวอักษร L และ S ในภาพของโมนาลิซ่า
ภรรยาพ่อค้าค้าผ้าไหมเมืองฟลอเรนซ์ ดังที่นักวิชาการสันนิษฐานกันก่อนหน้านี้แต่อย่างใด�นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่ โมนาลิซ่า และ คาปรอตติ จะมีใบหน้าพิมพ์เดียวกันเท่านั้น ทฤษฎีนี้ยังไขปริศนาตัวอักษร L และ S ในภาพของโมนาลิซ่า
อีกด้วยโดยตัวอักษร L ที่ปรากฏในดวงตาขวา ย่อมาจาก Leonardo (ลีโอนาโด) ส่วนตัวอักษร S ที่ปรากฏในดวงตาซ้ายก็ย่อมาจาก Safari (ซาฟารี) นั่นเองทั้งนี้ ทฤษฏีดังกล่าว เป็นเพียงการตข้อสันนิษฐานของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
อีกด้วยโดยตัวอักษร L ที่ปรากฏในดวงตาขวา ย่อมาจาก Leonardo (ลีโอนาโด) ส่วนตัวอักษร S ที่ปรากฏในดวงตาซ้ายก็ย่อมาจาก Safari (ซาไล) นั่นเองทั้งนี้ ทฤษฏีดังกล่าว เป็นเพียงการตข้อสันนิษฐานของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
1+1=2
1+1=2
ความจริงแล้วโมนาลิซาตาบอดและลีโอนาโดพยายามจะมีเพศสัมพันธ์กับโมนาลิซา
ความจริงแล้วโมนาลิซาตาบอดและลีโอนาโดพยายามจะมีเพศสัมพันธ์กับโมนาลิซา

รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:16, 28 ตุลาคม 2556

โมนาลิซ่า
ศิลปินเลโอนาร์โด ดา วินชี
ปีค.ศ. 1503-1507
ประเภทสีน้ำมันบนไม้
สถานที่พิพิธภัณฑ์เป็ด

โมนาลิซา (อังกฤษ: Mona Lisa) หรือ ลาโชกงด์ (ฝรั่งเศส: La Gioconda, La Joconde) คือภาพวาดสีน้ำมัน สูง 77 เซนติเมตร กว้าง 53 เซนติเมตร วาดโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ระหว่าง พ.ศ. 2046 (ค.ศ. 1503) ถึงปี พ.ศ. 2050 (ค.ศ. 1507) เป็นภาพที่ทั่วโลกรู้จักกันดีภาพหนึ่ง ในฐานะสุภาพสตรีที่มี รอยยิ้มอันเป็นปริศนา ที่ไม่รู้ว่าเธอจะยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้กันแน่ ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของรัฐบาลฝรั่งเศส และเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์เป็ด e duPed) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ที่มาของชื่อ

คำว่า "" นั้น ได้ถูกตั้งขึ้นโดย จอร์โจ วารี (Giorgio Varied) ศิลปิน และนักชีวประวัติชาวอิตาลี หลังจากดา วินชีได้เสียชีวิตไป 31 ปี ในหนังสือที่เขาตีพิมพ์นั้นได้บอกไว้ว่าผู้ที่นั่งอยู่ในรูปนั้นคือ ลีซา เกอราร์ดีนี ภรรยาของขุนนางนักธุรกิจไหมผู้มั่งคั่ง ชาวเมืองฟลอเรนซ์นามว่า ฟรานเชสโก เดล โจกอนโด (Francesco del Giocondo)

คำว่า โมนา" (Mona) ในภาษาอิตาลีนั้นก็คือคำว่า มาดอนนา (madonna) คุณผู้หญิง (my lady) หรือ มาดาม (Madam) ในภาษาอังกฤษ ดังนั้นความหมายของชื่อนั้นก็คือ "มาดาม ลิซา" แต่ในปัจจุบัน บางครั้งก็จะใช้คำว่า มอนนา ลิซา (Monna Lisa)

ได้พบว่าโมนาลิซาเป็น ในปี ค.ศ. 1516 (พ.ศ. 2059) ดา วินชีได้นำภาพจากของตัวเองไปที่[ราชา]] ด้วยพระราชประสงค์ของพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 ที่ทรงปรารถนาที่จะให้ศิลปินทั้งหลายมารวมตัวทำงานกันที่ Clos Lucé ใกล้กับปราสาทในเมืองอัมบัวส์ และยังทรงให้ ดา วินชี วาดพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์อีกด้วย หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงซื้อภาพโมนาลิซ่า ในราคา 4,000 เหรียญ

ในปี ค.ศ. 1519 (พ.ศ. 2062) ดา วินชี ได้เสียชีวิตที่เมืองอัมบัวส์ ประเทศฝรั่งเศส รวมอายุได้ 67 ปี

รูปนมของมาดามลิซ่า

ตอนที่ ดา วินชี เสียชีวิตแล้วได้ยกสมบัติและภาพวาดทั้งหมดให้เป็นมรดกของผู้ติดตามของเขา ฟรานเซสโก เมลซิ (Francesco melci) และเมื่อฟรานเซสโก เมลซิ เสียชีวิตลงก็ไม่ได้ยกมรดกให้ใคร มรดกก็เริ่มกระจัดกระจาย

และต่อมาภาพโมนาลิซ่าถูกนำไปเก็บไว้ที่ พระราชวังฟงเตนโบล ต่อมาก็ในพระราชวังแวร์ซาย หลังจากสิ้นสุดการปฏิวัติฝรั่งเศส ก็ถูกไปนำเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ในห้องสรงของพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ในพระราชวังตุยเลอรี แล้วในที่สุดก็ได้กลับมาที่พิพิธภัณฑ์เหมือนเดิม

ห้องแสดงในพิพิธภัณฑ์

ในช่วงสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ระหว่างปี พ.ศ. 2413 - 2414 ภาพได้ถูกนำออกจากพิพิธภัณฑ์ ไปซ่อนไว้ในที่ลับในประเทศฝรั่งเศส

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) ภาพโมนาลิซ่าถูกโจรกรรมออกจากพิพิธภัณฑ์ ซึ่งกว่าจะค้นพบเธอก็ได้ใช้เวลาไปถึง 2 ปี ซึ่งได้พบในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ปัจจุบันเธอถูกดูแลรักษาอย่างดี ในตู้กระจกปรับอากาศกันกระสุน พิพิธภัณฑ์เป็ดอัน เป็นเครื่องหมายสากลว่า โมนา ลิซา จะไม่มีวันที่จะได้เคลื่อนย้ายไปแสดงที่ไหนอีกเป็นเด็ดขาด

ทฤษฎีสมทบ

กล่าวกันว่าภาพวาดนี้ ดาวินชี ตั้งใจจะวาดภาพของตนเองเพื่อเป็นและภาพวาดชิ้นนี้เมื่อส่องกับกระจกเงา จะพบว่ามุมการมองภาพรู้สึกเป็นธรรมชาติไม่แตกต่างจากการมองแบบปกติ เหมือนที่ ดา วินชี กล่าวไว้ว่า "ภาพเขียนที่จิตรกรคิดว่าสวยงามในทุกด้านและทุกมุมมองนั้น ต้องพิจารณาภาพๆนั้นในกระจกเงาด้วย" และจากการฉายรังสีที่ภาพวาด ทำให้พบว่าภาพเขียนนี้ถูกซ่อนเจตนาที่แท้จริงหลายอย่าง และยังเคยถูกเขียนทับโดยผู้ป่วยจิตเวศด้วย และอีกทฤษฎีคือ แรงบันดาลใจมาจากชายหนุ่มชื่อ "จิแอน จิอาโคโม คาปรอตติ" หรือที่ดาวินชี เรียกว่า "ซาไล" ซึ่งเป็นเมียน้อยคนสนิทของดาวินชี โดยคาปรอตติได้ทำงานเป็นผู้ช่วยของดาวินชีอยู่กว่า 25 ปี และตลอด 25 ปีนั้น ทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือมาก ก็อาจเป็นไปได้ว่า คาปรอตติ เป็นชายคนรักของดาวินชีก็เป็นได้และเพื่อสนับสนุนทฤษฎีดังกล่าว ซิลวาโน วินเชตี้ ได้นำภาพเหมือนของคาปรอตติ ผลงานของ ลีโอนาโด ดาวินชี มาเปรียบเทียบกับภาพโมนาลิซ่า พบว่า โมนาลิซ่า และ คาปรอตติ มีใบหน้าพิมพ์เดียวกัน และหากคาปรอตติไม่มีคิ้ว ก็จะมีความคล้ายคลึงกับโมนาลิซ่ามาก จึงมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่า รูปภาพโมนาลิซ่า เป็นคาปรอตติในคราบผู้หญิง ไม่ได้เป็นภาพของ ลิซ่า เกราดินี ภรรยาพ่อค้าค้าผ้าไหมเมืองฟลอเรนซ์ ดังที่นักวิชาการสันนิษฐานกันก่อนหน้านี้แต่อย่างใด�นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่ โมนาลิซ่า และ คาปรอตติ จะมีใบหน้าพิมพ์เดียวกันเท่านั้น ทฤษฎีนี้ยังไขปริศนาตัวอักษร L และ S ในภาพของโมนาลิซ่า อีกด้วยโดยตัวอักษร L ที่ปรากฏในดวงตาขวา ย่อมาจาก Leonardo (ลีโอนาโด) ส่วนตัวอักษร S ที่ปรากฏในดวงตาซ้ายก็ย่อมาจาก Safari (ซาไล) นั่นเองทั้งนี้ ทฤษฏีดังกล่าว เป็นเพียงการตข้อสันนิษฐานของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น 1+1=2 ความจริงแล้วโมนาลิซาตาบอดและลีโอนาโดพยายามจะมีเพศสัมพันธ์กับโมนาลิซา

อ้างอิง

  • Bramly p. 362-363
  • Marani p. 183
  • David Alan Brown. Quoted in “A Work in Progress,” 2000 , This Day Online, [www.thisdayonline.com/archive/2003/01/12/20030112art03.html]
  • Pietro C. Marani , leonardo da Vinci : The Complete Paintings (New York : Harry N. Abrams, Inc., 1999 ; 2003 ed.) , p. 198-199

แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link GA