ผู้หญิงบานฉ่ำ
ผู้หญิงบานฉ่ำ | |
---|---|
โปสเตอร์ภาพยนตร์ | |
กำกับ | แกร์รี มาร์แชล |
เขียนบท | เจ.เอฟ. ลอว์ตัน |
อำนวยการสร้าง | Laura Ziskin |
นักแสดงนำ | ริชาร์ด เกียร์ จูเลีย โรเบิตส์ เอกตอร์ เอลิซอนโด |
กำกับภาพ | ชาลส์ มินสกี |
ตัดต่อ | Raja Gosnell Priscilla Nedd |
ดนตรีประกอบ | James Newton Howard รอย ออร์บิสัน |
บริษัทผู้สร้าง | |
ผู้จัดจำหน่าย | บัวนา วิสตา พิกเจอส์ (วอลต์ ดิสนีย์ สตูดิโอส์ ) |
วันฉาย | 23 มีนาคม 1990 |
ความยาว | ฉบับภาพยนตร์ 119 นาที ฉบับผู้กำกับ 125 นาที |
ประเทศ | สหรัฐอเมริกา |
ภาษา | อังกฤษ |
ทุนสร้าง | 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ |
ทำเงิน | 463 ล้านดอลลาร์สหรัฐ |
ข้อมูลจาก All Movie Guide | |
ข้อมูลจาก IMDb |
ผู้หญิงบานฉ่ำ (อังกฤษ: Pretty Woman) เป็นภาพยนตร์อเมริกัน แนวโรแมนติกคอเมดี กำกับการแสดงโดยแกร์รี มาร์แชล เขียนบทภาพยนตร์โดย เจ.เอฟ. ลอว์ตัน นำแสดงโดยริชาร์ด เกียร์, จูเลีย โรเบิตส์ และเอกตอร์ เอลิซอนโด[1] สร้างโดยทัชสโตนพิกเจอส์ซึ่งเป็นหนึ่งในค่ายหนังของเดอะวอลต์ดิสนีย์และเผยแพร่จัดจำหน่ายโดยบัวนา วิสตา พิกเจอส์ ออกฉายในโรงภาพยนตร์ครั้งแรกวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1990
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เจ.เอฟ. ลอว์ตัน ผู้เขียนบทได้รับแรงบันดาลใจมาจากชีวิตที่น่าเศร้าของโสเภณีที่เดินเตร็ดเตร่ในเบเวอร์ลีฮิลส์ ลอสแอนเจลิส จึงได้เขียนบทภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเกี่ยวกับด้านมืดของโสเภณีในลอสแอนเจลิส ซึ่งมีทั้งเรื่องของยาเสพติด และความรักที่ยากจะสมหวัง แต่ทางค่ายหนังต้องการให้ปรับเปลี่ยนบทรวมถึงเนื้อหาบางส่วนเนื่องจากบทเดิมนั้นนางเอกมีพฤติกรรมติดโคเคนและมีตอนจบที่เศร้าจนเกินไป จึงได้มีการปรับเปลี่ยนบทให้เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอเมดีและได้รับงบประมาณในการสร้างมากขึ้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากหลังออกฉายเมื่อได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกมากมายและสามารถทำเงินได้มากถึง 464 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินได้สูงสุดมากเป็นอันดับที่ 3 ในปี ค.ศ.1990 เป็นรองเพียงแค่ภาพยนตร์เรื่อง Ghost - วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก และ Home Alone -โดดเดี่ยวผู้น่ารัก นอกจากนี้บ็อกซ์ออฟฟิศโมโจยังจัดให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอมเมดีอันดับ 1 ที่ทำรายได้มากที่สุดในบรรดาภาพยนตร์ประเภทเดียวกัน[2]
จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้จูเลีย โรเบิตส์ ที่ก่อนหน้านี้เป็นนักแสดงวัยรุ่นที่ยังไม่มีชื่อเสียงมากนักได้รับรางวัลลูกโลกทองคำจากบทบาทนี้ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ส่วนผู้เขียนบท เจ.เอฟ. ลอว์ตัน ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสมาคมนักเขียนแห่งอเมริกาและรางวัลแบฟตาของสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังเป็นผลทำให้เกิดภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอเมดีคล้ายๆ กันหลายเรื่อง รวมถึงเรื่อง Runaway Bride - สาวกลัวฝน อลวนทุกวิวาห์ ที่เป็นการกลับมาเจอกันอีกครั้งของเกียร์และโรเบิตส์ ภายใต้การกำกับของผู้กำกับคนเดิม แกร์รี มาร์แชล อีกทั้งอัลบั้มรวมเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ยังถือเป็นอัลบั้มรวมเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จทางยอดขายอีกด้วย โดยเพลง It Must Have Been Love ของวงร็อกเซ็ตต์ ที่บรรเลงไว้ในปี ค.ศ. 1987 เป็นหนึ่งในเพลงที่ถูกนำมาใช้ในภาพยนตร์ โดยเดิมทีเพลงดังกล่าวเป็นที่รู้จักแค่ในประเทศสวีเดน แต่จากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เพลงนี้ขึ้นถึงอันดับ 1 บิลบอร์ดฮอต 100 ในเดือนมิถุนายน ปี 1990 [3]และเมื่อสิ้นปีเพลงนี้ถูกจัดให้เป็นเพลงฮิตอันดับ 2 ของปี 1990 ในบิลบอร์ด รองจากเพลงHold Onของวงวิลสันฟิลลิปส์ และได้รับการรับรองระดับทองคำจากสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา
ในประเทศไทย ตัวเอกของเรื่องคือวิเวียน วอร์ด ที่นำแสดงโดยจูเลีย โรเบิตส์ ให้เสียงพากย์ภาษาไทยโดย กรณิการ์ ประภัสภักดี และเอ็ดเวิร์ด ลูอีส ที่นำแสดงโดยริชาร์ด เกียร์ ให้เสียงพากย์ภาษาไทยโดย จักรกฤษณ์ หาญวิชัย จากความโด่งดังของภาพยนตร์เรื่องผู้หญิงบานฉ่ำ ทำให้คนไทยเริ่มรู้จักจูเลีย โรเบิตส์ จากภาพยนตร์เรื่องนี้ ส่งผลให้ภาพยนตร์เรื่องต่อๆมาของจูเลีย โรเบิตส์ ที่ฉายในประเทศไทยจึงมักจะมีชื่อในภาษาไทยที่มีคำว่า บานฉ่ำ อยู่เสมอๆ เช่น Dying Young - หากหัวใจจะไม่บานฉ่ำ , Notting Hill - รักบานฉ่ำที่น็อตติ้งฮิลล์ , Larry Crowne - รักกันไว้หัวใจบานฉ่ำ ฯ
เนื้อเรื่อง
[แก้]มีเรื่องราวเกี่ยวกับ วิเวียน วาร์ด ที่ได้รับการจ้างจากเศรษฐีที่ชื่อ เอ็ดเวิร์ด ลูอิส เพื่อเข้างานสังคม และทั้งคู่พัฒนาความสัมพันธ์
นักแสดง
[แก้]- ริชาร์ด เกียร์ แสดงเป็น เอ็ดเวิร์ด ลูอีซ มหาเศรษฐีจากนิวยอร์ก ที่มีรายได้จากการลงทุนซื้อบริษัทที่ประสบปัญหาทางการเงินเพื่อนำมาขายต่อ
- จูเลีย โรเบิตส์ แสดงเป็น วิเวียน วอร์ด โสเภณีข้างถนน ที่ยึดอาชีพการค้าประเวณีในฮอลลีวูด
- เจสัน อเล็กซานเดอร์ แสดงเป็น ฟิลลิป สตัคกีย์ ทนายความประจำตัวของเอ็ดเวิร์ด ลูอีซ
- เอกตอร์ เอลิซอนโด แสดงเป็น บาร์นีย์ ทอมป์สัน ผู้จัดการโรงแรมที่มีบุคลิคภายนอกดูภูมิฐานและเคร่งขรึม แต่มีจิตใจที่อ่อนโยน
- ลอรา ซาน จาโกโม แสดงเป็น คิต เดอ ลูกา สาวอเมริกันเชื้อสายกรีก เป็นเพื่อนสาวคนสนิทและเพื่อนร่วมห้องของวิเวียน วอร์ด มีนิสัยปากร้ายชอบกระแนะกระแหนผู้อื่น เป็นคนคอยสอนเทคนิคในการค้าประเวณีให้วิเวียน
เพลงประกอบภาพยนตร์
[แก้]อัลบั้มรวมเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องผู้หญิงบานฉ่ำ จัดเป็นอัลบั้มรวมเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จทางยอดขายอย่างมาก และทำให้เพลงดังในอดีตอย่างเพลง Oh,Pretty Woman ของรอย ออร์บิสัน กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง รวมถึงทำให้เพลงที่ในอดีตเป็นที่รู้จักแค่ในประเทศอย่าง It Must Have Been Love ของวงร็อกเซ็ตต์ กลับมาเป็นที่นิยมอย่างมากจนสามารถขึ้นถึงอันดับ 1 ในบิลบอร์ดฮอต 100 และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังใช้เพลงของศิลปินที่มีชื่อเสียงรายอื่นๆผสมผสานประกอบเนื้อเรื่องอย่างลงตัว เช่นเพลง Show Me Your Soul ของเรด ฮอต ชิลี เพปเปอส์, Wild Women Do ของนาตาลี โคล โดยอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการรับรองระดับแพลตตินัมจากสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา[4]
รายชื่อเพลง
[แก้]ลำดับ | ชื่อเพลง | ยาว |
---|---|---|
1. | "Wild Women Do" (โดย นาตาลี โคล) | 4:06 |
2. | "Fame '90" (โดย เดวิด โบอี) | 3:36 |
3. | "King of Wishful Thinking" (โดย โก เวสต์) | 4:00 |
4. | "Tangled" (โดย เจน เวียดลิน) | 4:18 |
5. | "It Must Have Been Love" (โดย ร็อกเซ็ตต์) | 4:17 |
6. | "Life in Detail" (โดย โรเบิร์ต พัลเมอร์) | 4:07 |
7. | "No Explanation" (โดย ปีเตอร์ เซเตรา) | 4:19 |
8. | "Real Wild Child (Wild One)" (โดย คริสโตเฟอร์ ออตคาเสค) | 3:39 |
9. | "Fallen" (โดย ลอเรน วูด) | 3:59 |
10. | "Oh, Pretty Woman" (โดย รอย ออร์บิสัน) | 2:55 |
11. | "Show Me Your Soul" (โดย เรดฮอตชิลีเพปเปอส์) | 4:20 |
ความยาวทั้งหมด: | 43:36 |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Pretty Woman". Turner Classic Movies. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 16, 2016. สืบค้นเมื่อ June 17, 2016.
- ↑ "Box Office Mojo". สืบค้นเมื่อ 2007-07-12.
- ↑ https://people.com/celebrity/roxettes-it-must-have-been-love-25-years-later/
- ↑ "Pretty Woman's Soundtrack RIAA Multi Platinum Award". Recording Industry Association of America. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 24, 2015. สืบค้นเมื่อ October 12, 2009.