ข้ามไปเนื้อหา

ปราสาทอารันเดล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ภาพถ่ายทางอากาศของปราสาทอารันเดลกับพื้นที่โดยรอบ

ปราสาทอารันเดล (อังกฤษ: Arundel Castle) เป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นที่ทันทีหลังการพิชิตของชาวนอร์มันเพื่อควบคุมชัยภูมิบนชายฝั่งซัสเซกซ์ ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ปราสาทกลายเป็นบ้านของตระกูลฮอวาร์ดผู้ทรงอำนาจที่มีบรรพบุรุษคือแอนน์ โบลีนกับแคทเธอรีน ฮอวาร์ด หลังถูกทำลายในช่วงสงครามกลางเมือง มันถูกสร้างขึ้นมาใหม่เป็นแบบสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอธิค

ประวัติศาสตร์

[แก้]

ปราสาทแห่งแรกที่อารันเดลถูกสร้างขึ้นในต้นปี ค.ศ. 1067 โดยโรเจอร์ เดอ มงต์กอเมอรี (ต่อมาเป็นเอิร์ลแห่งชรูวสบรี) ลูกพี่ลูกน้องของวิลเลียมผู้พิชิต แม้จะไม่ได้มีส่วนในการรุกราน แต่โรเจอร์มีบทบาทสำคัญในการดูแลรักษานอร์มองดีในช่วงที่วิลเลียมกำลังสู้รบอยู่ในอังกฤษ กษัตริย์ให้รางวัลแก่เขาเป็นทรัพย์สินที่ดินมากมายก่ายกองรวมถึงอารันเดล พื้นที่ที่ถูกบันทึกไว้ว่ามีขนาดราวหนึ่งในสามของซัสเซกซ์ที่ช่วงชิงมาได้ สำหรับชาวนอร์มัน ที่นี่ยังเป็นชัยภูมิสำคัญในการข้ามมาจากทวีปใหญ่และเป็นเส้นทางในการเดินทางกลับไปนอร์มองดี

ปราสาทอารันเดลถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นที่ป้องกันที่มองเห็นแม่น้ำอารันที่ในเวลานั้นใช้ล่องเรือออกสู่ทะเลได้ ปราสาทเป็นป้อมปราการแบบปราสาทเนินที่สร้างขึ้นมาจากดินและไม้ ประกอบด้วยลานกว้างสองแห่งที่มีพื้นที่หลบภัยขนาดใหญ่พอสำหรับกองทัพขนาดใหญ่ กับเนินดิน ด้วยความสำคัญนี้ทำให้หลังจากสร้างได้ไม่กี่ปี บางส่วนของปราสาทถูกสร้างใหม่โดยใช้หิน

โรเจอร์ตายในปี ค.ศ. 1094 และทรัพย์สินที่ดินของเขาในอังกฤษ รวมถึงตำแหน่งเอิร์ลแห่งชรูวสบรี ถูกส่งต่อให้กับบุตรชาย ฮิวจ์ ทว่าเขาตายในปี ค.ศ. 1098 มันจึงตกเป็นของพี่ชายของเขา โรเบิร์ดแห่งเบลเลม ที่ก่อนหน้านี้ได้รับมรดกเป็นทรัพย์สินที่ดินของพ่อในนอร์มองดี ด้วยเหตุนี้ เมื่อพระเจ้าวิลเลียมที่ 2 แห่งอังกฤษถูกสังหารในปี ค.ศ. 1100 เขาจึงหาทางทำให้อังกฤษกับนอร์มองดีกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง แม้พระเจ้าเฮนรีที่ 1 จะได้ครองบัลลังก์อังกฤษ แต่โรเบิร์ตอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพระองค์ สนับสนุนการอ้างสิทธิ์ของโรเบิร์ต เคอร์โธส ดยุคแห่งนอร์มองดี ที่ได้บุกอังกฤษแต่สุดท้ายการสู้รบของเขากลับล้มเหลว เฮนรีสามารถรักษาบัลลังก์ไว้ได้และเอาคืนขุนนางทุกคนที่สนับสนุนศัตรูของพระองค์ ทรัพย์สินที่ดินของโรเบิร์ต ทั้งอารันเดล, ทิกฮิลล์ และชรูวสบรี ถูกล้อมด้วยปราสาทของศัตรูจำนวนมากมายเพื่อให้อยู่ในพื้นที่ที่ยากที่จะเข้าถึง โรเบิร์ตยอมจำนนต่อเฮนรีและยอมรับการถูกขับไล่ออกจากประเทศ แต่เขาถูกริบทรัพย์สินที่ดิน ทำให้ปราสาทอารันเดลตกอยู่ในการครอบครองของพระมหากษัตริย์

ปราสาทอารันเดลยังคงเป็นทรัพย์สินหลวงจนถึงปี ค.ศ. 1138 เมื่อพระเจ้าสตีเฟนพระราชทานมันให้กับพระราชินีอาเดลิซาแห่งลูแวง พระมเหสีม่ายของพระเจ้าเฮนรีที่ 1 ให้เป็นส่วนหนึ่งของสินสอดในการแต่งงานกับวิลเลียม เดอ อัลบินิ เขาเริ่มลงมือทำการปรับปรุงครั้งสำคัญให้กับปราสาทอารันเดล โดยเฉพาะการสร้างอาคารรอบนอกหุ้มปราสาทหลัก ในช่วงการครองกรรมสิทธิ์ของวิลเลียมนี่เองที่ปราสาทมีบทบาทเล็กๆ ในยุคอนาธิปไตย สงครามกลางเมืองระหว่างสตีเฟนกับมาทิลดา แม้วิลเลียม เดอ อัลบินิจะภักดีต่อสตีเฟน แต่เขากลับต้อนรับมาทิลดาสู่อารันเดลอาจจะด้วยความหวังที่จะเป็นคนกลางในการทำสนธิสัญญาพักรบชั่วคราวระหว่างสองฝ่าย สตีเฟนที่เจ็บแค้นเดินทัพมาที่ปราสาท วางแผนจะปิดล้อมมัน แต่กลับพบว่าวิลเลียมไม่ต่อต้านใดๆ สตีเฟนจึงจับตัวมาทิลดาไว้ได้ แต่การจองจำพระองค์จะสร้างความยากลำบากในทางการเมือง พระองค์จึงได้รับอนุญาตให้เดินทางไปเวสต์คันทรีย์ ชัดเจนว่ากษัตริย์อภัยให้วิลเลียม เขาถูกแต่งตั้งเป็นเอิร์ลแห่งอารันเดลในปี ค.ศ. 1143

วิลเลียม เดอ อัลบินิตายในปี ค.ศ. 1176 และปราสาทอารันเดลกลับมาเป็นของพระมหากษัตริย์อีกครั้ง พระเจ้าเฮนรีที่ 2 ทำการปรับปรุงพื้นที่ครั้งใหญ่รวมถึงสร้างส่วนพักอาศัยขึ้นมาในลานกว้างทางใต้ ท้ายที่สุดพระองค์ก็คืนปราสาทให้กับบุตรชายของวิลเลียมและมันยังคงอยู่กับทายาทของเขาต่อไปจนถูกส่งต่อให้กับตระกูลฟิตซ์อาลันผ่านทางการแต่งงานในปี ค.ศ. 1243 พวกเขาสร้างที่พักขึ้นมาใหม่ในลานกว้างทางใต้ แทนที่ที่พักของครอบครัวบนเนินดิน แต่ก็ยังปรับปรุงแนวป้องกันใหม่ด้วยการเพิ่มหอคอยบราบิกันและบัวมงต์

สายเพศชายของตระกูลฟิตซ์อาลันหมดลงในปี ค.ศ. 1580 และปราสาทถูกส่งต่อให้กับฟิลิป ฮอวาร์ด ดยุคแห่งนอร์ฟอล์ก ผ่านทางการแต่งงาน ตระกูลนี้เรืองอำนาจในการเมืองของราชวงศ์ทิวดอร์ ดยุคที่2 ผู้อาวุโสได้นำกองกำลังชาวอังกฤษทางเหนือไปคว้าชัยเหนือชาวสกอตที่สมรภูมิฟลอดเดน (ค.ศ. 1513) ดยุคที่ 3 ผลักดันหลานสาว แอนน์ โบลีนกับแคทเธอรีน ฮอวาร์ด ขึ้นสู่บัลลังก์อังกฤษ ขณะที่ลอร์ดฮอวาร์ดแห่งอัฟฟินแกมล่องเรือไปต่อกรกับกองเรือรบสเปนในปี ค.ศ. 1588 อย่างไรก็ดีตระกูลที่ทรงอำนาจนี้มีทรัพย์สินที่ดินมากมายก่ายกองทั่วประเทศ โดยเฉพาะแถวนอร์ฟอล์กกับเซอร์รีย์ ด้วยเหตุนี้ปราสาทอารันเดลจึงซบเซาลง

ในช่วงสงครามกลางเมืองในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ตระกูลฮอวาร์ดสนับสนุนฝ่ายผู้จงรักภักดีต่อกษัตริย์และประจำการอยู่ในปราสาอารันเดลราว 800 คน ผู้บัญชาการของรัฐสภา วิลเลียม วอลแตร์ ที่เพิ่งได้ชัยชนะที่อัลทอนมา โจมตีและปิดล้อมเมืองอารันเดลในวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 1643 ด้วยขาดแคลนทหารที่จะโจมตีปราสาทแบบเต็มรูปแบบ วอลแตร์จึงทำการปิดล้อมพื้นที่พร้อมกับระบายน้ำออกจากทะเลสาบที่อยู่ติดกันเพื่อตัดแหล่งน้ำ การมาถึงของทหารปืนใหญ่ทำให้เปล่าประโยชน์ที่จะต่อต้านต่อไป ฝ่ายผู้จงรักภักดีต่อกษัตริย์จึงสละปราสาทอารันเดลในวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 1644

ปราสาทถูกละเลยในปี ค.ศ. 1653 เพื่อป้องกันการใช้งานในทางทหารในอนาคตและมีการรื้อถอนบางส่วนออกรวมถึงการทำลายส่วนที่พักอาศัย ทำให้พื้นที่ไม่ได้ถูกใช้งานจนถึงปี ค.ศ. 1708 เมื่อธอมัส ฮอวาร์ด ดยุคแห่งนอร์ฟอล์ก บูรณะฝั่งใต้ใหม่เพื่อใช้เป็นที่พักในบางโอกาส ทว่าปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ชาร์ลส์ ฮอวาร์ด ดยุคที่ 11 แห่งนอร์ฟอล์ก เริ่มการสร้างและปรับปรุงโฉมใหม่ให้เป็นแบบกอธิค ทว่าความพยายามของเขาไม่เป็นที่ปลื้มของพระราชินีวิคตอเรียที่พูดถึงมันว่าเป็น "สถาปัตยกรรมชั้นเลว" ทำให้ปราสามอารันเดลถูกปรับปรุงรูปแบบใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 1875 และ 1900 ครั้งนี้เป็นหน้าที่ของเฮนรี ฟิตซ์อาลัน-ฮอวาร์ด ดยุคแห่งนอร์ฟอล์ก ที่จ้างสถาปนิก ชาร์ลส์ บักเคลอร์ มาสร้างปราสาทใหม่ให้เป็นแบบสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอธิคตามที่เห็นในปัจจุบัน พื้นที่ถูกยึดครองโดยกองทัพบริเตนและพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

แหล่งข้อมูล

[แก้]

http://www.castlesfortsbattles.co.uk/south_east/arundel_castle.html