ถึงจะเห่ยแต่ก็สู้นะเฟ้ย
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
ถึงจะเห่ยแต่ก็สู้นะเฟ้ย | |
ภาพปกหนังสือการ์ตูน ถึงจะเห่ยแต่ก็สู้นะเฟ้ย เวอร์ชันภาษาอังกฤษ | |
破壊王ノリタカ (Hakaiou Noritaka!) | |
---|---|
แนว | ศิลปะการต่อสู้, ตลก |
มังงะ | |
เขียนโดย | มุราตะ ฮิเดโอะ |
วาดภาพโดย | ฮาโมริ ทากาชิ |
สำนักพิมพ์ | โชงะกุกัง |
ถึงจะเห่ยแต่ก็สู้นะเฟ้ย (ญี่ปุ่น: 破壊王ノリタカ; โรมาจิ: Hakaiou Noritaka!) เป็นหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น ประพันธ์โดย "มุราตะ ฮิเดโอะ" (Hideo Murata) วาดภาพประกอบโดย "ฮาโมริ ทากาชิ" (Takashi Hamori) ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) โดยสำนักพิมพ์โชงะกุกัง[1] และในปี พ.ศ. 2537 ก็ได้ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างเป็นภาพยนตร์ฮ่องกงแนวตลกเรื่อง "โลกบอกว่าข้าต้องใหญ่" (Love on Delivery) แสดงนำโดย "โจว ซิงฉือ" โดยเปลี่ยนเนื้อเรื่องใหม่ จากเรื่องเกี่ยวกับมวยไทยเป็นมวยจีนโบราณ[2] รวมทั้งเปลี่ยนชื่อตัวละครใหม่ด้วย[3][4]
ถึงจะเห่ยแต่ก็สู้นะเฟ้ยเป็นเรื่องราวของชายชาวญี่ปุ่นผู้หันมาเอาดีทางมวยไทยเพื่อต้องการเอาชนะใจหญิงสาว[5] ซึ่งตัวเอกของเรื่องมีภาพลักษณ์ที่ตรงกันข้ามกับเรื่องอื่นจึงทำให้ผู้คนยังสามารถจดจำการ์ตูนเรื่องดังกล่าวได้ แม้ว่าจะผ่านมาแล้วกว่า 20 ปีก็ตาม[1] ภายหลังจากการ์ตูนเรื่องนี้ประสบความสำเร็จแล้ว คุณฮาโมริ ทากาชิ ซึ่งเป็นผู้วาด ได้นำฉากและเทคนิคการต่อสู้อื่นๆแบบมวยไทยมาใส่ไว้ในผลงานต่อมาอีกหลายเรื่องด้วยเช่นกัน[6]
เนื้อเรื่องโดยย่อ
[แก้]ซาวามูระ โนริทากะ เด็กหนุ่มชั้นมัธยมผู้มีความใฝ่ฝันว่า สักวันเขาจะเป็นสุดยอดนักกีฬาเพื่อชนะใจสาวให้ได้ เขาพยายามหาเข้าชมรมกีฬาอยู่หลายชมรม แต่ทว่าไม่มีชมรมไหนรับเขาเลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าเขาเป็นคนที่มีร่างกายผอมแห้ง และมีหน้าตาที่ไม่หล่อเหลา อีกทั้งยังถูกสมาชิกของชมรมมวยสากลดูถูกอีกต่างหาก จนกระทั่งเขาได้มารู้จักกับโค้ชชมรมมวยไทยชื่อ "โนริฮิดะ" อดีตนักคาราเต้ที่หันมาเอาดีด้านมวยไทย ซาวามูระได้ดูวิดีโอเทปรายการชกมวยไทยที่โนริฮิดะให้มา ทำให้ซาวามูระเกิดความคลั่งไคล้มวยไทย และได้สมัครเข้าชมรมมวยไทยในเวลาต่อมา ซึ่งในตอนนั้นชมรมมวยไทยเป็นแค่ชมรมเล็ก ๆ แล้วยังได้เพื่อนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวไทยชื่อว่า "ฉ่ำอุรา" ซึ่งเป็นสมาชิกของชมรมมวยไทยเพียงคนเดียวในตอนนั้น ถึงแม้ว่าชมรมมวยไทยจะได้ซาวามูระเข้าเป็นสมาชิกแล้วก็ตาม หากรวมโค้ชด้วยก็ยังมีสมาชิกแค่ 3 คนเท่านั้น[7]
ต่อมาผู้อำนวยการโรงเรียนมีความคิดที่จะยุบชมรมมวยไทย เพราะชมรมมวยไทยเป็นชมรมที่อยู่อันดับท้ายที่สุดของตาราง และมีสมาชิกน้อย แต่โนริฮิดะไม่ยอมให้ชมรมถูกยุบ เขาจึงตกลงกับผู้อำนวยการ โดยการจัดการแข่งขันระหว่างชมรมมวยไทยกับชมรมมวยสากล ซึ่งตัวแทนของชมรมมวยไทยคือซาวามูระ โดยมีข้อแม้ว่า หากซาวามูระแพ้ ชมรมมวยไทยก็ต้องถูกยุบ แต่ถ้าหากซาวามูระชนะ นอกจากชมรมมวยไทยจะไม่ถูกยุบแล้ว ยังต้องได้อยู่อันดับหนึ่งของโรงเรียนอีกด้วย ถึงแม้ซาวามูระจะเป็นแค่นักมวยฝึกหัด แต่เขาก็ตั้งใจฝึกฝนอย่างจริงจัง จนสามารถชนะตัวแทนจากชมรมมวยสากลได้สำเร็จ และดันชมรมมวยไทยให้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียนทันที แต่ว่าชัยชนะของเขากลับทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้จากทั่วสารทิศ ทำให้เขาต้องต่อสู้กับนักสู้ที่มีฝีมือฉกาจขึ้นกว่าเก่า ยิ่งชนะเท่าไหร่ก็เป็นการเพิ่มพูนชื่อเสียงให้เขาเอง แต่ศัตรูครั้งหลังๆ ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นด้วย นั่นทำให้ซาวามูระต้องฝึกฝนอย่างหนัก และแปลกพิสดารยิ่งขึ้น เพื่อที่จะสามารถสู้กับเหล่านักสู้จากทั่วสารทิศ และพามวยไทยให้เป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้น โดยมีโค้ชโนริฮิดะกับฉ่ำอุราคอยให้คำแนะนำ
รายชื่อตัวละคร
[แก้]- ซาวามูระ โนริทากะ - 沢村典隆
- ฉ่ำอุรา - チャンプア
- โนริฮิดะ
- นาคายาม่า
- ยามาซากิ
- เคน แจ็คสัน
รายชื่อตอน
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 a day. ปีที่ 11 ฉบับ 125. มกราคม 2554
- ↑ The Global-Thai Backbone. กองบรรณาธิการ. THE COMPANY. ปีที่ 14 ฉบับที่ 166. กันยายน 2554. เลิฟแอนด์ลิฟเพรส. หน้า 101
- ↑ รายชื่อภาพยนตร์ที่สร้างจากการ์ตูน[ลิงก์เสีย] (ไทย)
- ↑ รายละเอียดภาพยนตร์เรื่อง "โลกบอกว่าข้าต้องใหญ่" (ไทย)
- ↑ ข้อมูลเกี่ยวกับการ์ตูนจาก MangaUpdates (อังกฤษ)
- ↑ คนไทยในการ์ตูนญี่ปุ่น: ฉ่ำอุรา (มุมมองของการ์ตูน) (ไทย)
- ↑ คนไทยในการ์ตูนญี่ปุ่น: ฉ่ำอุรา (เล่าเรื่องโดยย่อ) (ไทย)