คาสเซิลวาเนีย: ฮาร์โมนีออฟดิสแพร์
คาสเซิลวาเนีย: ฮาร์โมนีออฟดิสแพร์ | |
---|---|
หน้าปก | |
ผู้พัฒนา | โคนามิ |
ผู้จัดจำหน่าย | โคนามิ |
กำกับ | ชูทาโร อีดะ |
อำนวยการผลิต | โคจิ อิงาราชิ |
ศิลปิน | อายามิ โคจิมะ[1] |
แต่งเพลง |
|
ชุด | คาสเซิลวาเนีย |
เครื่องเล่น | |
วางจำหน่าย | เอกซ์บอกซ์ 360
|
แนว | แพลตฟอร์ม-ผจญภัย |
รูปแบบ | ผู้เล่นเดี่ยว, หลายผู้เล่น |
คาสเซิลวาเนีย: ฮาร์โมนีออฟดิสแพร์ (อังกฤษ: Castlevania: Harmony of Despair)[a] เป็นเกมแพลตฟอร์มผจญภัยในซีรีส์คาสเซิลวาเนีย ที่พัฒนาและเผยแพร่โดยบริษัทโคนามิสำหรับเอกซ์บอกซ์ 360 ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2010 และสำหรับเพลย์สเตชัน 3 ใน ค.ศ. 2011
รูปแบบการเล่น
[แก้]รูปแบบการเล่นประกอบด้วยโหมดร่วมมือกัน (ในรุ่นเอกซ์บอกซ์ 360 เปิดให้เล่นแบบร่วมมือกันทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ในขณะที่เพลย์สเตชัน 3 รองรับหลายผู้เล่นในพื้นที่[4]) ซึ่งเล่นแบบ "โหมดการรวมบอส" ของเกมคาสเซิลวาเนีย 2 มิติก่อนหน้า แต่มีห้องและไอเทมหลายห้องเพื่อค้นหา และปิดท้ายด้วยบอสที่จะต่อสู้ นอกจากนี้ ยังมีโหมดปะทะ ด้วยการต่อสู้ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้เล่น บอสบางตัวสามารถโจมตีผู้เล่นระหว่างทางไปสู่การต่อสู้[5] เกมดังกล่าวมีตัวละครที่สามารถเล่นได้ เป็นต้นว่า อลูคาร์ด, โซมะ คูรูซุ, โจนาธาน มอร์ริส, ชาโนอา และชาร์ลอตต์ ออลิน โดยทั้งหมดมาจากเกมคาสเซิลวาเนีย 2 มิติก่อนหน้า
ตัวละครทั้งหมดรวมถึงการเปลี่ยนสีชุดแปดสีเพื่อรองรับผู้เล่นที่ต้องการเป็นตัวละครเดียวกัน[6] ผ่านเนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้ ตัวละครเพิ่มเติมได้รับการเผยแพร่ รวมถึงไซมอน เบลมอนต์ เวอร์ชัน 8-บิต เหล่าตัวละครมีการโจมตีและทักษะที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองเพื่อใช้ในการต่อสู้ ระบบแผนที่ใหม่ทั้งหมดช่วยให้สามารถซูมเข้าและออกจากด่านปัจจุบันได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะไม่หยุดการเล่นเกม และให้ผู้เล่นเล่นโดยซูมแผนที่ออก[6]
คุณสมบัติอื่น ๆ ในเกมรวมถึงคัมภีร์ที่อยู่ในบางส่วนของเลเวล ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะเปลี่ยนไอเทมและอุปกรณ์กลางเกม โดยมีไอเทมบริโภคได้เพียงประเภทเดียว เช่น โพชัน ซึ่งสามารถติดตั้งได้ครั้งละหนึ่งหน่วย แต่สามารถบริโภคได้ตามต้องการ ไอเทมการรักษาบางอย่างมีผลในพื้นที่ ดังนั้นจึงสามารถใช้เพื่อรักษาผู้เล่นคนอื่นได้เช่นกัน ส่วนระบบค่าประสบการณ์จากเกมคาสเซิลวาเนีย 2 มิติที่ใหม่กว่าส่วนใหญ่ได้รับการแทนที่ด้วยระบบปรับระดับเฉพาะตัวละคร โดยตัวละครบางตัวต้องหาอาวุธและอุปกรณ์เพื่อพัฒนาตัวละคร ในขณะที่ตัวอื่น ๆ ต้องเพิ่มระดับอาวุธย่อยหรือรวบรวมคาถา/วิญญาณเพื่อพัฒนาตัวละคร[7] ทั้งนี้ อลูคาร์ด และโซมะ สามารถสวมใส่อาวุธที่หล่นส่วนใหญ่ได้ แต่โจนาธาน, ชาร์ลอตต์ และชาโนอา สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้แก่การโจมตีหลักของพวกเขาโดยการอัปเกรดการโจมตีย่อย ไม่ว่าจะโดยการค้นหาและใช้พวกมันหรือดูดซับเวทมนตร์เพิ่มเติมจากมอนสเตอร์ (ชาโนอายังสามารถหาอาวุธหายากบางอย่าง โดยเฉพาะของเธอเท่านั้น เพื่อเปลี่ยนประเภทการโจมตีและพลัง)
การพัฒนาและการตลาด
[แก้]คาสเซิลวาเนีย: ฮาร์โมนีออฟดิสแพร์ ได้รับการแพร่งพรายเป็นครั้งแรกจากโอเอฟแอลซีเอ เรตติง เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 2010[8] จากนั้น จึงได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการสำหรับรายการเอกซ์บอกซ์ไลฟ์ซัมเมอร์ออฟเกมมิง 2010[9][10] ต่อมา ในปีดังกล่าว เกมนี้ได้รับการเปิดตัวในฐานะเดโมที่สามารถเล่นได้ในบูธของโคนามิที่งานอีทรีประจำปี 2010[11]
คาสเซิลวาเนีย: ฮาร์โมนีออฟดิสแพร์ ได้รับการวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 2010[12] สำหรับเอกซ์บอกซ์ไลฟ์อาร์เคด และ 27 กันยายน ค.ศ. 2011 สำหรับเพลย์สเตชัน เน็ตเวิร์ก ครั้นเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 2019 ได้เพิ่มลงในเอกซ์บอกซ์วันที่เข้ากันได้แบบย้อนหลัง นับเป็นครั้งแรกที่ซีรีส์นี้อยู่บนแพลตฟอร์มอื่นในรอบเกือบทศวรรษ
เนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้
[แก้]ได้มีการเพิ่มด่าน และตัวละครที่สามารถเล่นได้เพิ่มเติมในเกมในฐานะเนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้ (DLC)
- ด่านที่ 7 ชื่อบิวตี, ดิไซร์, ซิทูเอชันไดร์ นำเสนอธีมพีระมิดอียิปต์โบราณ โดยมีอัสตาร์ตีเป็นบอสเลเวลสุดท้าย และเปิดตัวเมื่อต้นเดือนตุลาคม ค.ศ. 2010
- ด่านที่ 8 ชื่อดิวันฮูอีสเมนี ได้รับการเปิดตัวเมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 2011 และอิงตามพื้นที่ใต้ดินของภาคซิมโฟนีออฟเดอะไนท์ ที่มีลีเจียนเป็นบอสเลเวลสุดท้าย
- ด่านที่ 9 ชื่อไฟลส์ ได้รับการเปิดตัวเมื่อวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2011 และอิงตามส่วนเริ่มต้นของภาคซิมโฟนีออฟเดอะไนท์ ที่มีเบเอลเซบูลเป็นบอสเลเวลสุดท้าย
- ด่านที่ 10 ชื่อออริจินส์ เป็นการนำเอาคาสเซิลวาเนีย 8-บิตดั้งเดิมมาทำใหม่ และเปิดตัวเมื่อวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2011 โดยนำเสนอรองบอสดั้งเดิมทั้งหมดของคาสเซิลวาเนียภาคแรก ซึ่งลงท้ายด้วยท่านเคานต์
- ด่านที่ 11 ชื่อเดอะเลเจนด์ออฟฟูมะ ได้รับการเปิดตัวเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 และอิงจากเกมเงสึ ฟูมะ เด็ง[13][14][15]
นอกจากนี้ บริษัทโคนามิยังได้เปิดตัวตัวละครพิเศษที่สามารถเล่นได้ โดยมีโยโกะ เบลนาเดส และจูเลียส เบลมอนต์ ที่ได้รับการเปิดตัวในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2010 รวมถึงมาเรีย เรนาร์ด และริชเอต์ เบลมอนต์ ที่ได้รับการเปิดตัวในวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010[16] ส่วนไซมอน เบลมอนต์ 8-บิต ได้รับการเปิดตัวเมื่อวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2011 และเงสึ ฟูมะ จากเงสึ ฟูมะ เด็ง เปิดตัวเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011[14] ทั้งนี้ การเปิดตัวของระบบเพลย์สเตชัน เน็ตเวิร์ก ยังมีด่านที่ 7, จูเลียส เบลมอนต์ และโยโกะ เบลนาเดส รวมอยู่ในเกมตัวเต็ม พร้อมด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวที่อนุญาตให้หลายผู้เล่นในพื้นที่สำหรับผู้เล่นสูงสุดสี่คน บริษัทโคนามิได้เปิดตัวแพกเพลงสองชุดที่มีเพลงประกอบการแสดงบนเวที เช่นเดียวกับแพกภาพตัวละครและธีมแดชบอร์ดเอกซ์บอกซ์ไลฟ์[14]
การตอบรับ
[แก้]การตอบรับ | ||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
ภาคฮาร์โมนีออฟดิสแพร์ได้รับการตอบรับแบบผสม[25] เว็บไซต์เกมสปอตได้ยกย่องระบบหลายผู้เล่นด้วยคะแนน 7.5 ที่ "เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสัมผัสคาสเซิลวาเนียภาคใหม่นี้ และเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดที่จะได้สัมผัสกับสิ่งที่อาจเป็นทิศทางใหม่และสนุกสนานสำหรับซีรีส์นี้"[21] ส่วนเว็บไซต์เกมเทรเลอส์ให้ความเห็นเกี่ยวกับการสำรวจนี้เมื่อเปรียบเทียบกับเกมภาคก่อน โดยกล่าวว่า "ความตื่นเต้นของการค้นพบได้หายไป และแทนที่ด้วยแรงขับดันเพื่อเพื่อซื้อของ แปลกมาก มันได้ผล และจริง ๆ แล้วเกมนี้สามารถสนุกกับเพื่อน ๆ ได้มาก"[7]
ขณะที่เรโซลูชันแมกกาซีนรู้สึกผิดหวังกับ "รูปแบบการเล่นที่ค่อนข้างยุ่งเหยิง" และมีเพียงหกด่านเท่านั้น พวกเขาสรุปบทวิจารณ์ด้วยคะแนน 6 เต็ม 10[26] ส่วนเว็บไซต์เดสทรักทอยด์ยังให้คะแนนเกม 6 เต็ม 10 โดยระบุว่า "ในที่สุดก็รู้สึกเหมือนคาสเซิลวาเนียเล็กน้อย – เกมคาสเซิลวาเนียของจริงในเวอร์ชันที่ถอดออกมาโดยไม่มีการออกแบบที่ล้ำลึกหรือฉลาดเลย"[27] ด้านเว็บไซต์ยูโรเกมเมอร์ได้ติเตียนระบบหลายผู้เล่น โดยกล่าวว่า "ภาคฮาร์โมนีออฟดิสแพร์ได้รื้อคาสเซิลวาเนียออกจนเหลือตัวหารร่วมที่ต่ำที่สุด เพื่อสร้างฟังก์ชันหลายผู้เล่น แทนที่จะสร้างเกมขึ้นมาใหม่เพื่อให้ระบบหลายผู้เล่นประสบความสำเร็จ" โดยให้คะแนนขั้นท้ายอยู่ที่ 4 เต็ม 10[20]
นอกจากนี้ ทิม ตูริ จากนิตยสารเกมอินฟอร์เมอร์วิจารณ์ว่าเกมนี้ขาด "ความก้าวหน้าและความหลากหลายของอาวุธ" แต่ชื่นชมความทะเยอทะยาน และรูปแบบการเล่นแบบร่วมมือกัน[28]
หมายเหตุ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ "悪魔城ドラキュラ Harmony of Despair". Konami.jp. สืบค้นเมื่อ 2013-09-28.
- ↑ "Castlevania: Harmony Of Despair Bound For PS3". Siliconera. 2011-05-30. สืบค้นเมื่อ 2013-09-28.
- ↑ Konami (2010-08-04). Castlevania: Harmony of Despair. Konami.
Japanese: 歴代の「悪魔城ドラキュラ」シリーズから選ばれた登場キャラクターを操作して、仲間たちと悪魔城に乗り込み、宿敵ドラキュラ伯爵に立ち向かおう。 English translation: Take control of past protagonists from the Castlevania series to brave the Demon Castle alongside friends and defeat the ancient enemy Count Dracula.
- ↑ "Castlevania: Harmony Of Despair With Couch Co-op Coming To PSN Next Week". Siliconera. 23 September 2011. สืบค้นเมื่อ 2 August 2014.
- ↑ Hussain, Tamoor (17 June 2010). "Castlevania: Harmony of Despair XBLA screens". Computer and Video Games. Future plc. สืบค้นเมื่อ 2 August 2014.
- ↑ 6.0 6.1 Sterling, Jim (16 June 2010). "E3 10: Hands-on with Castlevania: Harmony of Despair". Destructoid. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 2 August 2014.
- ↑ 7.0 7.1 "Castlevania: Harmony of Despair Video – E3 2010: Features Walkthrough". GameTrailers. Defy Media. 17 June 2010. สืบค้นเมื่อ 2 August 2014.
- ↑ "CASTLEVANIA: HARMONY OF DESPAIR (M)". Classification Database. Australian Government. 27 May 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 September 2010. สืบค้นเมื่อ 2 August 2014.
- ↑ Humphries, Matthew (15 June 2010). "Xbox Live Summer of Arcade games announced". Geek.com. Ziff Davis. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 April 2016. สืบค้นเมื่อ 2 August 2014.
- ↑ Yoon, Andrew (14 June 2010). "Castlevania: Harmony of Despair announced via Xbox Live 'Summer of Arcade' 2010 promo". Joystiq. AOL. สืบค้นเมื่อ 2 August 2014.
- ↑ McWhertor, Michael (19 June 2010). "Castlevania: Harmony of Despair Hands-on From E3 2010". Kotaku. Gawker Media. สืบค้นเมื่อ 2 August 2014.
- ↑ "Castlevania: Harmony of Despair for Xbox 360". G4tv.com. G4 Media. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-11-19. สืบค้นเมื่อ 2 August 2014.
- ↑ McElroy, Griffin (2010-12-29). "Castlevania: Symphony of the Night stages coming to Harmony of Despair". Joystiq. สืบค้นเมื่อ 2013-09-28.
- ↑ 14.0 14.1 14.2 "悪魔城ドラキュラ Harmony of Despair". Konami.jp. สืบค้นเมื่อ 2013-09-28.
- ↑ "KONAMI RELEASES FINAL DOWNLOADABLE CONTENT FOR CASTLEVANIA HARMONY OF DESPAIR". Konami. 3 February 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 September 2013. สืบค้นเมื่อ 2 August 2014.
- ↑ "Castlevania: Harmony of Despair DLC adds pyramid power". Joystiq. 2010-10-02. สืบค้นเมื่อ 2013-09-28.
- ↑ "Castlevania: Harmony of Despair for PlayStation 3 Reviews". Metacritic. 2011-09-27. สืบค้นเมื่อ 2018-09-15.
- ↑ "Castlevania: Harmony of Despair for Xbox 360 Reviews". Metacritic. 2010-08-04. สืบค้นเมื่อ 2013-09-28.
- ↑ Edge 218, p97
- ↑ 20.0 20.1 Teti, John (2010-08-02). "Castlevania: Harmony of Despair Review • Page 2 • Reviews • Xbox 360 •". Eurogamer.net. สืบค้นเมื่อ 2013-09-28.
- ↑ 21.0 21.1 Varanini, Giancarlo (3 August 2010). "Castlevania: Harmony of Despair Review". GameSpot. CBS Interactive. สืบค้นเมื่อ 2 August 2014.
- ↑ "Castlevania: Harmony of Despair Review". GameTrailers. Defy Media. 3 August 2010. สืบค้นเมื่อ 2 August 2014.
- ↑ Hatfield, Daemon (2 August 2010). "Castlevania: Harmony of Despair Review". IGN. Ziff Davis. สืบค้นเมื่อ 2 August 2014.
- ↑ "Xbox Live Arcade Review: Castlevania: Harmony of Despair Review – Xbox 360 – The Official Magazine". Oxm.co.uk. สืบค้นเมื่อ 2013-09-28.
- ↑ "Castlevania: Harmony of Despair for Xbox 360 Reviews". Metacritic. 2010-08-04. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-08-06. สืบค้นเมื่อ 2013-09-28.
- ↑ "Castlevania: Harmony of Despair Review (Xbox 360)". Resolution Magazine. 2010-08-02. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-23. สืบค้นเมื่อ 2013-09-28.
- ↑ "Review: Castlevania: Harmony of Despair". Destructoid. 2 August 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-07-21. สืบค้นเมื่อ 2013-09-28.
- ↑ Turi, Tim (2012-04-04). "Ranking The Castlevania Bloodline". Game Informer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-05-07. สืบค้นเมื่อ 2013-12-05.