ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบหลงตัวเอง
โรคหลงตัวเอง | |
---|---|
ชื่ออื่น | Narcissistic personality disorder, megalomania[1] |
นาร์ซิสซัสผู้กำลังมองเงาสะท้อนตนเอง วาดโดยการาวัจโจ | |
สาขาวิชา | จิตเวชศาสตร์ |
อาการ | รู้สึกว่าตัวเองสำคัญมากกว่าความเป็นจริง ความต้องการถูกชมเชยมากเกินปกติ ไม่เข้าใจความรู้สึกผู้อื่น[2][3] |
การตั้งต้น | วัยรุ่น[3] |
ระยะดำเนินโรค | ระยะยาว[3] |
สาเหตุ | ไม่ทราบ[4] |
โรคอื่นที่คล้ายกัน | โรคอารมณ์สองขั้ว, การติดยาเสพติด, โรคซึมเศร้า, โรควิตกกังวล[5] |
การรักษา | ยาก[2] |
ความชุก | 1%[4] |
ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ |
---|
กลุ่ม A (วิปริต) |
กลุ่ม B (เจ้าอารมณ์) |
กลุ่ม C (วิตกกังวล) |
แบบไม่เด่นชัด |
ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบหลงตัวเอง[6] (อังกฤษ: Narcissistic personality disorder, NPD) หรือที่มักรู้จักกันในชื่อ โรคหลงตัวเอง เป็นความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่ส่งผลให้พฤติกรรมผิดปกติในระยะยาว อาการหลักได้แก่การรู้สึกว่าตัวเองสำคัญมากกว่าความเป็นจริง มีความต้องการถูกชมเชยมากเกินปกติ และการไม่เข้าใจความรู้สึกผู้อื่น[3] ผู้เป็นโรคนี้เสียเวลากับการคิดเกี่ยวกับความสำเร็จ ความมีอำนาจ หรือเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของตน พวกเขามักเอาเปรียบคนรอบข้าง พฤติกรรมมักเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่นและเกิดขึ้นได้ในหลายเหตุการณ์
ยังไม่มีใครรู้สาเหตุของโรคหลงตัวเอง[4] คู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิตจัดให้โรคนี้อยู่ในกลุ่ม B (cluster B) โรคถูกวินิฉัยด้วยการสัมภาษณ์โดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ โรคนี้ต่างจากอาการฟุ้งพล่าน และอาการติดยา
การรักษายังไม่ถูกศึกษามากนัก การบำบัดมักเป็นไปได้ยากเนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับว่าตัวเองมีปัญหา[2] เชื่อกันว่าคนประมาณหนึ่งเปอร์เซ็นต์เป็นโรคนี้ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต โรคนี้มักเกิดขึ้นในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงและในคนหนุ่มสาวมากกว่าคนมีอายุ บุคลิกภาพนี้ถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2468 โดยโรเบิร์ต วีลเดอร์ (Robert Wealder) โดยชื่อที่ใช้ในปัจจุบันถูกใช้ครั้งแรกใน พ.ศ. 2511[7]
อาการ
[แก้]คนที่เป็นโรคหลงตัวเองจะชอบโอ้อวด ต้องการให้คนอื่นชม ชอบเหยียดหยามผู้อื่น และขาดความร่วมรู้สึกต่อผู้อื่น[8][9] ทำให้ผู้เป็นโรคหลงตัวเองดูเหมือนมีพฤติกรรมที่ดื้อรั้น รู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าคนอื่น และมักคอยหาทางควบคุมผู้อื่นหรือใช้อำนาจแบบผิด ๆ[10] โรคหลงตัวเองต่างกับความมั่นใจในตนเอง โดยคนเป็นโรคนี้มักให้ความสำคัญกับตนเองมากกว่าผู้อื่น และมักไม่เอาใจใส่ความรู้สึกหรือความต้องการของคนรอบข้าง รวมถึงคาดหวังว่าตนเองจะได้รับการปฏิบัติที่เหนือกว่า โดยไม่คำนึงถึงสถานะความสำเร็จที่แท้จริงของตน[11] นอกจากนี้ผู้เป็นโรคนี้มักมีอาการอัตตาอ่อนแอ (fragile ego) ทำให้ไม่สามารถทนต่อคำวิจารณ์ของคนอื่น และมักดูถูกคนอื่นเพื่อให้รู้สึกว่าตนเหนือกว่า
คู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิต พิมพ์ที่ 5 (DSM-5) ระบุว่าบุคคลที่เป็นโรคหลงตัวเองมักมีอาการบางข้อหรือทุกข้อต่อไปนี้:
- โอ้อวดเพื่อให้ผู้อื่นปฏิบัติราวกับตนอย่างอยู่เหนือกว่า
- คงอยู่กับจินตนาการเกี่ยวกับอำนาจ ความสำเร็จ ความฉลาด ความมีเสน่ห์ และอื่น ๆ
- มองว่าตัวเองพิเศษ เหนือกว่าผู้อื่น และเกี่ยวข้องกับคนหรือสถาบันดัง
- ต้องการให้คนอื่นชื่นชมตลอดเวลา
- รู้สึกว่าตนเองควรได้รับการปฏิบัติแบบพิเศษและผู้อื่นควรเชื่อฟังตน
- เอาเปรียบผู้อื่นเพื่อผลดีต่อตนเอง
- ไม่ยอมเข้าใจความรู้สึก ความต้องการ และความจำเป็นของผู้อื่น
- อิจฉาผู้อื่นและเชื่อว่าผู้อื่นก็อิจฉาตนเช่นกัน
- ขี้โม้และมีพฤติกรรมดื้อรั้น
โรคหลงตัวเองมักเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่นหรือช่วงเข้าสู่ผู้ใหญ่ เด็กและวัยรุ่นอาจมีพฤติกรรมบางอย่างที่คล้ายกับโรคหลงตัวเองทว่ามักเป็นการชั่วคราว และไม่เข้าขายของการวินิจฉัยโรค อาการที่แท้จริงของโรคมักเกิดขึ้นในหลายเหตุการณ์ และไม่เปลี่ยนแปลงแม้เวลาผ่านไป DSM-5 ระบุว่าผู้ป่วยต้องแสดงอาการที่แตกต่างจากบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมอย่างเห็นได้ชัดถึงจะเรียกได้ว่าเป็นอาการของโรคหลงตัวเอง
สาเหตุ
[แก้]ไม่มีใครรู้ถึงสาเหตุของโรคหลงตัวเอง ผู้เชี่ยวชาญมักใช้แบบจำลองชีวจิตสังคม (biopsychosocial model) ของสาเหตุ[12] ซึ่งแปลว่าปัจจัยทางสภาพแวดล้อม สังคม พันธุกรรม และชีวประสาท ล้วนมีผลต่อบุคลิกภาพหลงตัวเอง
พันธุกรรม
[แก้]หลักฐานชี้ว่าโรคหลงตัวเองสามารถสืบทอดได้ และโอกาสการเกิดโรคสูงขึ้นมากหากมีญาติที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคหลงตัวเอง งานวิจัยเกี่ยวกับการเกิดความผิดปกติทางบุคลิกภาพในฝาแฝดพบว่าโรคหลงตัวเองมีอัตราพันธุกรรมสูง[13][14]
อย่างไรก็ตาม ยีนและปฏิสัมพันธ์ระหว่างยีนที่มีส่วนก่อให้เกิดโรคยังไม่ถูกพบ
สภาพแวดล้อม
[แก้]เชื่อว่าปัจจัยทางสภาพแวดล้อมและสังคมก็มีส่วนก่อให้เกิดโรคหลงตัวเอง[12] ในบางคน โรคอาจพัฒนาจากความสัมพันธ์ที่บกพร่องต่อผู้ดูแลที่มักเป็นผู้ปกครอง[15] สิ่งนี้อาจส่งผลให้เด็กมองตนเองว่าไม่สำคัญและขาดการเชื่อมต่อกับผู้อื่น และมักเชื่อว่าตนเองมีบุคลิกภาพบางอย่างที่ไม่ปกติทำให้พวกเขา/เธอไม่มีค่าและไม่เป็นที่ต้องการ[16] เชื่อว่าผู้ปกครองที่ตามใจมากเกินไปหรือที่ใจร้ายและบังคับมากเกินไปอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผล[11][17]
อ้างอิงจาก Leonard Groopman และ Arnold Cooper ปัจจัยต่อไปนี้ถูกระบุโดยนักวิจัยหลายคนว่าเป็นปัจจัยที่อาจส่งเสริมให้เกิดโรคหลงตัวเอง:[18]
- พื้นนิสัยที่อ่อนไหวมากเกินไปซึ่งติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด
- การชื่นชมเกินจริงที่ไม่เคยถูกดุลด้วยความคิดเห็นที่เป็นจริง
- การชื่นชมพฤติกรรมดี หรือการวิจารณ์พฤติกรรมไม่ดีที่มากเกินไป
- การที่ผู้ปกครอง ญาติ หรือเพื่อนตามใจและประเมินค่าสูงไป
- ถูกผู้ใหญ่ชมว่ามีทักษะหรือหน้าตาดี
- การทารุณกรรมทางอารมณ์อย่างรุนแรงในวัยเด็ก
- การดูแลที่ไม่สม่ำเสมอจากผู้ปกครอง
- การเรียนรู้พฤติกรรมชักจูงจากผู้ปกครองหรือเพื่อน
- ถูกให้ความสำคัญจากผู้ปกครองเพราะพวกเขาต้องการเพิ่มความมั่นใจตนเอง
ดูเพิ่ม
[แก้]- Brian Blackwell (case study)
- Disengaging from a narcissist using the no contact rule or grey rock method
- Egomania
- Egotism
- Hubris
- Narcissistic abuse
- Narcissistic leadership
- Narcissistic parent
- Narcissistic Personality Inventory
- Narcissistic rage and narcissistic injury
- Narcissistic supply
- Selfishness
- Superiority complex
- True self and false self
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Breedlove, S. Marc (2015). Principles of Psychology. Oxford University Press. p. 709. ISBN 9780199329366. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 กันยายน 2017. สืบค้นเมื่อ 17 กรกฎาคม 2016.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 Caligor, E; Levy, KN; Yeomans, FE (May 2015). "Narcissistic personality disorder: diagnostic and clinical challenges". The American Journal of Psychiatry. 172 (5): 415–22. doi:10.1176/appi.ajp.2014.14060723. PMID 25930131.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 Diagnostic and statistical manual of mental disorders : DSM-5 (5th ed.). Washington [etc.]: American Psychiatric Publishing. 2013. pp. 645, 669–72. ISBN 9780890425558.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 Sederer, Lloyd I. (2009). Blueprints psychiatry (5th ed.). Philadelphia: Wolters Kluwer/Lippincott Williams & Wilkins. p. 29. ISBN 9780781782531. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 มกราคม 2017.
- ↑ Caligor, E; Levy, KN; Yeomans, FE (May 2015). "Narcissistic personality disorder: diagnostic and clinical challenges". The American Journal of Psychiatry. 172 (5): 415–22. PMID 25930131.
- ↑ "ICD-10-TM Online บัญชีจำแนกโรคระหว่างประเทศ ฉบับประเทศไทย]". thcc.or.th. สืบค้นเมื่อ 2017-12-30.
- ↑ O'Donohue, William (2007). Personality disorders : toward the DSM-V. Los Angeles: SAGE Publications. p. 235. ISBN 9781412904223. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 กันยายน 2017. สืบค้นเมื่อ 17 กรกฎาคม 2016.
- ↑ American Psychiatric Association (2013), Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (5th ed.), Arlington: American Psychiatric Publishing, pp. 669–72, ISBN 0890425558
- ↑ Ronningstam, Elsa (2016), "New Insights Into Narcissistic Personality Disorder", Psychiatric Times, 33 (2): 11
- ↑ Ronningstam E (2011). "Narcissistic personality disorder: a clinical perspective". J Psychiatr Pract. 17 (2): 89–99. doi:10.1097/01.pra.0000396060.67150.40. PMID 21430487.
- ↑ 11.0 11.1 Mayo Clinic Staff (18 Nov 2014), "Narcissistic personality disorder: Symptoms", Mayo Clinic, Mayo Foundation for Medical Education and Research, สืบค้นเมื่อ 29 Apr 2016[ลิงก์เสีย]
- ↑ 12.0 12.1 Paris, Joel (2014), "Modernity and narcissistic personality disorder", Personality Disorders: Theory, Research, and Treatment, 5 (2): 220, doi:10.1037/a0028580
- ↑ Torgersen, S; Lygren, S; Oien, PA; Skre, I; Onstad, S; Edvardsen, J; Tambs, K; Kringlen, E (December 2000). "A twin study of personality disorders". Comprehensive psychiatry. 41 (6): 416–25. doi:10.1053/comp.2000.16560. PMID 11086146.
- ↑ Reichborn-Kjennerud, Ted (1 March 2010). "The genetic epidemiology of personality disorders". Dialogues in Clinical Neuroscience. 12 (1): 103–114. ISSN 1294-8322. PMC 3181941. PMID 20373672.
- ↑ Ken Magid (1987). High risk children without a conscience. Bantam. p. 67. ISBN 0-553-05290-X. สืบค้นเมื่อ 17 November 2012.
- ↑ Stephen M. Johnson (1 พฤษภาคม 1987). Humanizing the narcissistic style. W.W. Norton. p. 39. ISBN 978-0-393-70037-4. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 กรกฎาคม 2014. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2013.
- ↑ Berger, FK (31 Oct 2014), "Medical Encyclopedia: Narcissistic personality disorder", MedlinePlus, U.S. National Library of Medicine
{{citation}}
:|url=
ไม่มีหรือว่างเปล่า (help) - ↑ Groopman, Leonard C. M.D.; Cooper, Arnold M. M.D. (2006). "Narcissistic Personality Disorder". Personality Disorders – Narcissistic Personality Disorder. Armenian Medical Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 พฤษภาคม 2007. สืบค้นเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2007.